เอามาแชร์ ประสบการณ์ล้วนๆจากคบ "ผีพนัน"

เอามาเล่าสู่กันฟังค่ะ เพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจค่ะ

ดิฉันคบกับ บ (นามสมมุติค่ะ) เมื่อยังเรียนอยู่ปี2  บ.เป็นเพื่อนของเพื่อนสนิทเราอีกที แต่เค้าเรียนภาคปกติ เราเรียนเสาร์ -  อาทิตย์
เราทั้งสองคบกันด้วยความไม่เห็นด้วยของบรรดาพวกเพื่อนๆ คือดื้อรั้นที่จะคบกันนั้นเอง จนเค้าเรียนจบ แต่เราต้องดรอป
ออกมาทำงานเต็มตัว(ตอนเรียนเราทำงานไปด้วย)ตอนอยู่ด้วยกันเค้าดีกับเราทุกอย่าง อาจมีทะเลาะกันบ้าง แต่มันก็ตามประสาคู่รัก
เราคบกันเป็นได้ทั้งคู่รัก เพื่อน  เวลาไปไหน ดื่ม เราจะไปด้วยกันตลอด  เราดีใจที่เค้าเปิดรับเราได้ทุกอย่าง เค้าเอาใจใส่เราทุกเรื่อง
เรื่องผู้หญิงนี่ ไม่มี  ไม่ทำให้เราเสียใจเลย แต่คนเรามันก็มีบ้าง เรื่องที่ไม่ดีในตัวเอง เราพยายามไม่คิดมากในข้อเสียของเขา
แต่ที่เราพยายามทำใจให้รับได้คือเค้าเล่นพนันบอลค่ะ เมื่อก่อน ตอนที่เรียน มันก็จะมีโต๊ะบอล รอบๆสถานศึกษา  แต่ดิฉันก็ได้ห้าม
และคอยบอกเค้าเตือนเค้าให้เลิกเล่น เค้าก็บอกเราไม่ได้เล่นเยอะ   แต่ตอนนั้นมันทั้งรัก และหลงด้วย เลยเอออกะเค้าไป จนเค้าเรียนจบ
และมาทำงานที่เดียวกะเรา  แต่เราสองคนต้องไปทำงานต่างจังหวัด  ซึ่งก็ห่างโต๊ะบอลออกไปด้วย ในใจเราก็แอบดีใจนะ จะได้เลิกสักที
แต่ที่ไหนได้เจ้านายใหม่เรากลับเป็นคนชี้แนะ ให้ บ. เล่นผ่านเว็บ  ก็คือโอนเงินเข้าไปแทงออนไลน์ค่ะ  เราบอกไง เค้าก็ไม่เคยฟังเราเลย
  แต่เราก็ทนคบกับเขามานะค่ะ เพราะเราต้องทำงานด้วย  เล่นพนัน มันก็ต้องมีได้บ้าง เสียบ้าง  แต่เค้าจะเจอเสีย  เป็นส่วนใหญ่
ไม่มีเงินก็เดือดร้อนเราสิค่ะ เรามีบัตรเครดิต เราก็เอาไปผ่อนโน๊ตบุ๊ค เอามาใช้นี่แหละค่ะ  จนวันนึงเค้าแอบเอาโน๊ตบุ๊คเราไปจำนำ
เอาเงินมาแทงบอล  คิดดูค่ะ เราร้องไห้เสียใจมาก โทรหาแม่ของเค้าเลยค่ะแต่แม่อยู่คนละอำเภอ ได้แค่โทรมาว่าให้เค้าเท่านั้นเรื่องนี้ผ่านไป    
ต่อมาเรากู้เงินจากแบงค์ผ่าน ได้เงินมาก้อนนึง ว่าจะเอาไปดาวน์รถมาค้าขาย จนเราลาออก  ว่าจะหาของมาขายกลับมาอยู่บ้าน
  เราตกลงกันว่าจะจ่าค่ารถคนละครึ่ง   เค้าก็ออกตามเรา  


เลิกเล่นบอลได้สักพัก เค้าได้งานใหม่เป็นเซลล์ของ บริษัทดัง แต่ต้องไปอยู่ต่างจังหวัด ในการทำงานต้องมีคนค้ำซึ่งก็เป้นใครไปไม่ได้นอกจากเรา พอย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งบริษัทมีค่าโรงแรมให้ อยู่กับพี่คนขับอีกคน  เราอยู่ห่างกันเราเลยคิดว่าจะไปหางานทำที่ใกล้ๆกับเค้า  เลยไปเช่าหออยู่ค่ะตอนนั้นเรายังไม่มีงานทำเค้าก็ช่วยในส่วนค่าผ่อนรถ ทีนี้ละเซลล์บริษัทต้องถือเงินไว้ในมือ บริหารของขายที่อยู่ในรถตัวเอง  เค้าถือเงินวันละเป็นแสนๆที่เก็บจากร้านค้า  ช่วงแรกๆก็ไม่มีปัญหาอะไรนะค่ะ จนเราได้งานใหม่ แต่ต้องไปอบรมที่ กทม เป็นเดือน  คืนนึงเค้าโทรหาเรากลางดึก  บอกมีเรื่องจะสารภาพ  บอกเค้าโอนเงินของบริษัทเข้าไปเล่นบอล แต่มันเสีย ด้วยความที่อยากเข้าได้คืน  เค้าโอนไปหมดกระเป๋าเลย  250000 (สองแสนห้าค่ะ) แทงจนเสียทั้งหมด  เค้าร้องไห้ อยากฆ่าตัวตาย  แต่เค้าคิดถึงเราอยากให้เรามาอยู่ด้วย ตอนนั้นเราก็ร้องไห้เพราะตกใจ  ตอนเช้าเลยเก็บกระเป๋ากลับทันที  ทิ้งงานเราทั้งหมด  ตรงไปหมอชิต ซื้อตั๋วกลับไปหาเค้าเลยค่ะ  เขาขับรถมารับ พอเราขึ้นรถไป เค้าร้องไห้ กอดเราใหญ่เลยค่ะ  บอกไม่รู้จะทำไงดี  กลัวไปหมด  เราก็ร้องไห้กับเค้าไปด้วย  ถึงห้องนั่งคุยกัน  เค้าบอกต่อจากนี้ไปจะไม่ทำอีกแล้ว  เค้าจะไม่หนีไปไหน  จะเข้าไปสารภาพผิดกับบริษัท เพื่อให้ดำเนินคดี  จนสิ้นเดือนเค้าเข้าบริษัทไป  และกลับมาบอกเราเก็บของกลับบ้าน รอหมายศาลส่งไปที่บ้าน บริษัทแจ้งความ ยักยอกทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสารแก่เค้าค่ะ   เรากลับมาอยู่บ้านรีบหางานทำเพราะไม่มีเงินแล้ว  รถก็ถูกแบงค์มายึดไป เราเสียใจมากค่ะ  วันที่แบงค์มายึดตรงกับวันเกิดเราพอดี  แต่เราก็พยายามให้กำลังใจตัวเราเอง และ บ.ด้วย  "เค้าก็บอกของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้  "  ในชีวิตคนเราจะมีสักกี่ครั้งที่ตั้งตัวได้ เราแอบคิดในใจ   หนี้ค่ะ  หนี้ทั้งหมดเป็นชื่อเรา  ทั้งรถ ทั้งกุ้เงิน  เราต้องรับผิดชอบหมด  


พอกลับมาอยู่บ้าน เค้าก็ต้องไปรายงานตัวต่อศาลเรื่อย ๆ ค่าเดินทางแต่ละครั้งก็ใช่น้อย เราไปรับจ้างเก็บเงินไว้เพื่อนช่วยเป้นค่าเดินทางให้เค้า
  เราบอกให้เค้าไปหางานทำ  เค้าก็บอกว่าคนมีคดีติดตัวอย่างเค้า บริษัทที่ไหนเค้าจะรับเข้าทำงาน   เราก็ยังให้กำลังใจค่ะ ไปส่งเค้าสมัครงาน
มันต้องได้สักที่แหละน่าจนได้ทำงาน  อยู่ต่างอำเภอกับเราค่ะ  เรื่องทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น  แต่มันไม่เป้นอย่างนั้นสิค่ะ  ของมันเคย
คนมันไม่สำนึก  เป็นไปแบบเดิมค่ะ  เค้ายังไม่เคยเลิกเล่นบอล  แม่ต่างก็คอยพร่ำบอก ไม่มีคำไหนที่จะฟังเข้าหูเลย หนักเข้า แอบเอารถยนต์
รถจักรยานของที่บ้านไปจำนำ หมดคำอธิบายค่ะเค้าไม่เคยมารับผิดชอบหนี้ที่เราได้ก่อไว้ด้วยกันเลย  ไม่เคยสนใจเลยว่าเราจะเป็นอยู่อย่างไร
จนเราย้อนมานั่งมองตัวเอง  ทุกวันนี้ เราทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง  มีแต่ทำเพื่อคนอื่น แล้วเค้ามารัก มาใส่ใจเราบ้างไหม  เราชินและชากับเรื่อง
ที่เจอค่ะ เสียใจจนไม่รู้จะพูดอะไรอีก  วันนั้น วันที่เค้ามาเก็บเสื้อผ้าออกจากห้องเราไป  เราไม่มีน้ำตาสักหยด เพราะมันได้แห้งไปหมดแล้ว
กับการกระทำของเค้า  เราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วที่ปล่อยให้เค้าออกไปจากชีวิต  เค้าถูกบริษัทดำเนินคดี ตอนนี้เค้าก็ได้รับโทษที่เค้าได้ก่อขึ้นมาเอง
>>> ส่วนเราก้ต้องมานั่งใช้หนี้เอง  ได้แต่หวังว่าสักวันมันต้องหมดให้ได้......

         โพสนี้เราอยากให้ใครที่กำลังติดพนัน ได้อ่าน ได้คิดเตือนใจตัวเอง  ถึงคุณไม่เดือดร้อนอะไร  แต่คนที่อยู่รอบข้างคุณจะเสียใจแค่ไหนกับความผิด

ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าของคุณ  จนสุดท้ายแล้ว ชีวิตของคุณจะไม่เหลืออะไรเลย


ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่