ต้องบอกก่อนนะคะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเราแต่เป็นเรื่องขอคนรู้จัก แต่เค้าชอบมาปรึกษา แรกๆก็สงสารนะหลังๆหมั่นไส้แทน ไม่รู้มีใครคิดเหมือนกันหรือเปล่า
เริ่มแรกรู้จักน้องคนนี้ที่ทำงาน คือน้องคนนี้ทำงานอะไรไม่เป็นเลยชอบมาขอให้ช่วยบ้างอะไรบ้าง ขี้เกียจ ไม่สบายบ่อย (ไม่รู้สำออยเปล่านะ)
ชอบพูดเสียงเบา ตัดสินใจช้า ชวนทานอะไรบอกนั่นก็ทานไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ พอเราถามอยากทานอะไร ก็บื้อไปเลย จนเราอารมณ์เสีย แต่เราก็ช่วยนะ ทั้งออกค่ารถพาไปหาหมอ ทั้งพาไปซื้อนั่นนี่ เครื่องแบบไม่มีเราก็ยกของเราให้ ไหนจะเสื้อเที่ยว รอเท้า กระเป๋า เป็นเห็นชอบเล่าว่าบ้านจนมาก ที่บ้านทำงานคนเดียว ไหนต้องส่งเงินไปเลี้ยงลูก เราก็เออสงสาร
พอถามว่าพ่อของเด็กหละ แรกๆน้องเล่าประมาณว่าพ่อเด็กเลวมากไม่ยอมมาแต่งหนีหายไปเลย เราก็ยิ่งสงสารหนักเลย
มีวันนึงเราก็คุยกันเรื่องที่เราจะแต่งงานนี่แหละ อุตส่าให้กำลังใจเค้านะเดี๋ยวน้องก็เจอคนดีๆเอง พอคุยเรื่องสินสอนเราบอกที่บ้านพี่ไม่ยอมเรียก
แม่บอกว่าให้รักจริงสินสอดจะให้เท่าไหร่ก็ได้ไม่เป็นไรเท่านั้นแหละน้องแกก็ร่ายยาว เล่าว่า ตอนแฟนคนที่เป็นพ่อของลูก
แม่เรียกไป1ล้านบาท เค้าหนีเลย พูดประมาณว่าถ้าคนดีๆก็ต้องกลับมาแต่งสิ ในเมื่อมีลูกแล้ว เราก็ถามนะแล้วเค้าติดต่อมาไม๊ น้องแกบอกว่า
เคยมาที่บ้านนะหลังจากคลอดมาต่อสินสอดครึ่งนึงแต่แม่ไม่ยอม ครั้งนี้หายไป แม่ก็ไม่ยอมให้ติดต่อไม่ยอมให้คุย
แม่บอกคนดีๆเงินแค่1ล้านก็ต้องหามาได้สิ (เรานี่อึ้งไปเลย)
คือที่ผ่านมานี่เราสงสารคนผิดด่าคนผิดมาตลอดหร่า สักพักน้องแกเล่าต่อว่า แม่บอกว่าไม่ต้องแต่งเดี๋ยวก็มีคนอื่นมาขอเองแหละ
ยิ่งได้บรรจุข้าราชการค่าตัวยิ่งแพง แถวบ้านหนะแต่งกันหลายครั้ง ยิ่งแต่ยิ่งเรียนสินสอดได้เยอะ (เอิ้มเราพูดไม่ออกเลย)
ลืมบอกคะน้องเป็นคนอีสาน อยากรู้ว่าวัฒนธรรมเป็นงี้จริงเหรอคะ แล้วความคิดแบบนี้มาไงนิ งงเลย
เพราะเราคิดว่าถ้ารักผฝ่ายชายหามาให้ 5 แสนน่าจะพอแล้วนะ ที่จริงน้องแกก็ไม่สวยเลย แถมท้องตอนไปฝึกงานตอนเรียนด้วย
ประเด็น คือ สงสัยนะความคิดของผู้ใหญ่เค้าเป็นอย่างนี้จริงเหรอ แบบว่าไม่อยากให้ลูกแต่งกับคนที่หาเงินไม่ได้ตามเป้า ต่อให้มีลูกแล้วก็เถอะ
1ล้านสำหรับคนที่อายุ 22 นี่ หาไม่ได้ง่ายๆนะ ดูผู้ชายก็รักลูก ส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้ส่งเสื้อผ้าของใช้ให้ รู้สึกดีใจนะที่แม่เราไม่เป็นแบบนี้
ท้องแต่แม่ไม่ยอมให้แต่งงานเพราะผู้ชายมีสินสอดไม่พอ
เริ่มแรกรู้จักน้องคนนี้ที่ทำงาน คือน้องคนนี้ทำงานอะไรไม่เป็นเลยชอบมาขอให้ช่วยบ้างอะไรบ้าง ขี้เกียจ ไม่สบายบ่อย (ไม่รู้สำออยเปล่านะ)
ชอบพูดเสียงเบา ตัดสินใจช้า ชวนทานอะไรบอกนั่นก็ทานไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ พอเราถามอยากทานอะไร ก็บื้อไปเลย จนเราอารมณ์เสีย แต่เราก็ช่วยนะ ทั้งออกค่ารถพาไปหาหมอ ทั้งพาไปซื้อนั่นนี่ เครื่องแบบไม่มีเราก็ยกของเราให้ ไหนจะเสื้อเที่ยว รอเท้า กระเป๋า เป็นเห็นชอบเล่าว่าบ้านจนมาก ที่บ้านทำงานคนเดียว ไหนต้องส่งเงินไปเลี้ยงลูก เราก็เออสงสาร
พอถามว่าพ่อของเด็กหละ แรกๆน้องเล่าประมาณว่าพ่อเด็กเลวมากไม่ยอมมาแต่งหนีหายไปเลย เราก็ยิ่งสงสารหนักเลย
มีวันนึงเราก็คุยกันเรื่องที่เราจะแต่งงานนี่แหละ อุตส่าให้กำลังใจเค้านะเดี๋ยวน้องก็เจอคนดีๆเอง พอคุยเรื่องสินสอนเราบอกที่บ้านพี่ไม่ยอมเรียก
แม่บอกว่าให้รักจริงสินสอดจะให้เท่าไหร่ก็ได้ไม่เป็นไรเท่านั้นแหละน้องแกก็ร่ายยาว เล่าว่า ตอนแฟนคนที่เป็นพ่อของลูก
แม่เรียกไป1ล้านบาท เค้าหนีเลย พูดประมาณว่าถ้าคนดีๆก็ต้องกลับมาแต่งสิ ในเมื่อมีลูกแล้ว เราก็ถามนะแล้วเค้าติดต่อมาไม๊ น้องแกบอกว่า
เคยมาที่บ้านนะหลังจากคลอดมาต่อสินสอดครึ่งนึงแต่แม่ไม่ยอม ครั้งนี้หายไป แม่ก็ไม่ยอมให้ติดต่อไม่ยอมให้คุย
แม่บอกคนดีๆเงินแค่1ล้านก็ต้องหามาได้สิ (เรานี่อึ้งไปเลย)
คือที่ผ่านมานี่เราสงสารคนผิดด่าคนผิดมาตลอดหร่า สักพักน้องแกเล่าต่อว่า แม่บอกว่าไม่ต้องแต่งเดี๋ยวก็มีคนอื่นมาขอเองแหละ
ยิ่งได้บรรจุข้าราชการค่าตัวยิ่งแพง แถวบ้านหนะแต่งกันหลายครั้ง ยิ่งแต่ยิ่งเรียนสินสอดได้เยอะ (เอิ้มเราพูดไม่ออกเลย)
ลืมบอกคะน้องเป็นคนอีสาน อยากรู้ว่าวัฒนธรรมเป็นงี้จริงเหรอคะ แล้วความคิดแบบนี้มาไงนิ งงเลย
เพราะเราคิดว่าถ้ารักผฝ่ายชายหามาให้ 5 แสนน่าจะพอแล้วนะ ที่จริงน้องแกก็ไม่สวยเลย แถมท้องตอนไปฝึกงานตอนเรียนด้วย
ประเด็น คือ สงสัยนะความคิดของผู้ใหญ่เค้าเป็นอย่างนี้จริงเหรอ แบบว่าไม่อยากให้ลูกแต่งกับคนที่หาเงินไม่ได้ตามเป้า ต่อให้มีลูกแล้วก็เถอะ
1ล้านสำหรับคนที่อายุ 22 นี่ หาไม่ได้ง่ายๆนะ ดูผู้ชายก็รักลูก ส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้ส่งเสื้อผ้าของใช้ให้ รู้สึกดีใจนะที่แม่เราไม่เป็นแบบนี้