@@ถ้าเลือกได้เราไม่อยากเป็นคนนั้น คนที่ชีวิตโดยทำลายเพียงเพราะคุณ"ประมาท"@@

เราตัดสินใจอยู่หลายวัน ว่าเราจะเขียนเรื่องราวเหล่านี้ลงในพันทิพอีกดีมั๊ย หลังจากที่ช่วงหลังๆมานี้ เราฟุ้งซ่าน บางทีก็ร้องไห้แบบที่คนข้างๆเราตกใจ ตกใจเพราะร้องไห้แบบที่เขาไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่เรารู้ ว่ามันเป็นเพราะจิตใจเราอ่อนแอ อ่อนล้าเต็มที่แล้ว จากที่เคยเข้มแข็ง แต่มาถึงวันนี้มันเหมือนค่อยๆหมดลง เราเคยคิดอยากพบจิตแพทย์ อยากบำบัด(เราจะเป็นบ้าเหรอเนี่ยย)

นี่คือกระทู้ก่อนๆที่เราลงในพันทิพถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
@~ น้ำตามันไหล เมื่อเขาตีค่าชีวิตเราด้วยเงิน 50,000 (ห้าหมื่นบาท) http://pantip.com/topic/32351391
@~ ณ ห้อง ICU ฉันจะไม่ยอมตายในนั้น vs เพื่อนใหม่ที่ตั้งใจจะเลิกคบถาวร http://pantip.com/topic/32369793 (ตอนนั้นเราใช้ล็อคอินชื่อ jeabjeab_tj) เราจำได้ดี ว่าเราได้กำลังใจจากเพื่อนๆในพันทิพมากแค่ไหน เรารู้สึกดีจริงๆ ทุกวันนี้เวลาเราเศร้าๆ เราจะเข้ามาอ่านและเราจะยิ้มไปทุกครั้ง

มาวันนี้เราขอเขียนระบายความรู้สึกอีกครั้งนะ



...นี่คือภาพที่เราถ่ายในวันเกิดอุบัติเหตุ ภาพสุดท้ายที่ได้ถ่ายเก็บไว้ ก่อนอุบัติเหตุไม่กี่ชั่วโมง นึกถึงแล้วอยากย้อนเวลากลับไปจัง คนข้างๆคือคนที่เรารัก และดูแลเรามาตลอด ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เคยเลยที่จะทิ้งเราไป




...นี่คือรถที่เป็นแขนขาของเรา รถที่เรารักมากๆ รถคันแรกที่เรามี ในรถคือลูกๆสี่ขาที่เรารักดังชีวิต รักมากๆ ไปไหนเราไปด้วยกันตลอด ไม่เคยคิดจะทิ้งพวกเขาไว้ลำพังเลย นี่แหละความสุขของเรา

จนวันนึง ความสุขของเราหายไป






...นี่คือสภาพรถเรา รถที่เรารัก รถที่ร่วมเดินทางไปไหนมาไหนกับเรามาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา มันเกินจะแก้ไขให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ตอนนี้ก็เป็นเพียงซากรถที่ใช้การไม่ได้




...นี่คือเราเอง ภาพนี้ถ่ายวันที่เราออกจากไอซียู หลังจากที่ต้องอยู่ไอซียูถึง 5 วัน รูปนี้เราขอให้แฟนเราถ่ายให้ และอัพลงเฟสบุ๊ค เพื่อบอกให้ทุกคนที่เป็นห่วงเราสบายใจขึ้น (ตอนนี้พอเรามาย้อนกลับไปดูรูปเราเอง เราโครตเข้มแข็งเลย เรายิ้มได้ยังไงทั้งๆที่เราเจ็บปวดทรมานมากๆ)








...นี่ก็คืออีกหนึ่งในหลายๆภาพ ที่เราลงเฟสบุ๊ค เรายิ้มเสมอ จนบางคนคิดว่าเราคงไม่เป็นอะไรมาก แต่ทุกคนจะรู้มั๊ย เราซ่อนความเจ็บปวดไว้เบื้องหลังภาพเหล่านี้ นอกจากภาพถ่ายใบหน้าเราแล้ว เราไม่เคยถ่ายรูปส่วนอื่นของเราลงเฟสบุ๊คเลย แม้แต่จะถ่ายเก็บไว้ยังน้อยมาก เพราะเรารับไม่ได้กับสิ่งที่เราเป็น และเราต้องนอนเฉยๆในท่าหงายเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ดังนั้นภาพถ่ายเราคงสามารถถ่ายได้แค่ท่าเดิมๆ

ตลอดเวลาเราคิดว่าไม่นานเราจะหาย อีกไม่นาน เราต้องอดทนให้ได้ จนเราออกจากรพ.มานอนพักฟื้นที่บ้าน



...นี่คือภาพที่เราจ้างนักกายภาพมากายภาพเราที่บ้าน อยากว่าแต่ลุกขึ้นยืนหรือเดินเลย เราต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ฝึกนั่ง เราเพิ่งรู้ว่าการที่เรานั่งไม่ได้เป็นอย่างไร กว่าเราจะนั่งได้ใช้เวลาเป็นเดือน ทรมานจริงๆ แต่เราก็พยายามเพราะเรารู้ว่าถ้าเรานั่งได้เมื่อไหร่ เราจะได้นั่งรถเข็นออกไปเที่ยวข้างนอกหลังจากที่ไม่ได้ออกไปโดนแดดเลย




...และนี่คือภาพวันแรกที่เราได้กลับบ้าน เราได้เจอลูกๆครั้งแรกตั้งแต่อุบัติเหตุ เราดีใจมากๆ ลูกๆเราก็ดีใจมากๆ(ลูกเราอยู่ในรถด้วยในวันเกิดเหตุ แต่ปลอดภัยทั้งคู่) เรายิ่งเห็นลูกๆเรายิ่งมีความหวังว่าอีกไม่นาน เราจะกลับไปรับลูกๆมาอยู่กับเราเหมือนเดิม (เราต้องฝากเพื่อนดูแลลูกๆให้)




...ภาพนี่เราถ่ายหลังจากอุบัติเหตุผ่านไปได้ 6 เดือน เป็นการผ่าตัดครั้งที่ 2 ครั้งนี้เราย้ายเข้ามารักษาที่รพ.ศิริราช เนื่องจากเรายังเดินไม่ได้ ขาซ้ายใส่เหล็กไปแล้ว ครั้งนี้เป็นขาขวา เราหวังว่าเราจะเดินได้ในเร็ววันนี้

แต่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านี้ เราได้ไปขึ้นศาลเพื่อฟังคดีของเรา ก่อนหน้านี้ประกันทางคู่กรณีได้ชดเชยให้เรามาแล้ว ครั้งนี้เป็นการขึ้นศาลของทางคนขับ เราตั้งใจแล้วล่ะว่าจะจบเรื่องทุกอย่าง ไม่อยากอะไรอีก ถึงแม้ที่ได้ชดเชยมาจะไม่ได้พอต่อการสูญเสีย และเราก็ได้บอกต่อศาลว่าเราไม่ติดใจ ไม่เรียกร้องอะไรจากคนขับ แล้วทุกอย่างก็จบลงวันนั้น

แต่หลังจากออกจากศาล เราเหมือนจิตใจหดหู่ เราตัดบางอย่างออกไปไม่ได้ เราตัดภาพความดีใจของคู่กรณีรวมถึงเพื่อนๆเขาออกไปไม่ได้ เราหดหู่ จิตตก ภาพที่เห็นเขาเดิน เขายิ้ม กระโดดด้วยความดีใจ ชีวิตหลังจากนี้เขาสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่เรากลับยังต้องเผชิญไม่จบสิ้น

หลังจากนั้นเป็นต้นมา เรารู้สึกหดหู่ เราไม่กล้าที่จะออกไปฝึกเดินข้างนอก เราอาย เราจิตตก ร้องไห้เกือบทุกครั้ง แต่เราจะไม่ร้องไห้ให้ครอบครัวเราเห็น เราจะแอบร้องหรือไม่ก็ร้องกับแฟนเรา ใครทักเราเรื่องขา เรื่องท่าการเดินที่เรายังเดินหลังแอ่น ก้นกระดก เราก็จะแอบร้องไห้แทบทุกครั้ง  เวลาเรานั่งรถเข็น ก็จะมีคนมอง วันดีคืนดีเราก็เก็บมาคิดมาก ร้องไห้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเราไม่อายที่จะนั่งรถเข็น เพราะหมายถึงเราได้นั่งออกไปเที่ยวนอกบ้าน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่

เราพยายามทำใจเราให้เป็นปกติ อย่าคิดมาก ทำให้เข้มแข็งเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เราอ่อนแอมากเกินไปจริงๆ เราไม่รู้จะทำยังไง

ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะคะ
ขอแท็กจตุจักรด้วยนะคะ เพราะว่ามีลูกๆสี่ขา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่