เราทราบกันดีว่า ปรากฏการณ์ Redshift ของแสงนั้น เกิดขึ้นกับแสงที่วิ่งออกจากแหล่งกำเนิดแสงที่กำลังเคลื่อนที่ในทางตรงกันข้าม หากเคลื่อนที่ทิศเดียวกันก็จะเป็น Blueshift
ที่ปัญหาที่ผมสงสัยคือ วัตถุที่มีมวลมากก็จะมีสนามแรงโน้มถ่วงสูงมาก ตามไปด้วย แล้วสนามความโน้มถ่วงเนี่ย สามารถไปบิดกาล-อวกาศให้โค้งหรือบิดเบี้ยวตามไปด้วยหรือเรียกว่าปรากฏการณ์ space-Time dilation
เมื่อกาล-อวกาศบิดเบี้ยวตาม ระยะทางและเวลาในบริเวณ จึงเกิดการยืดออก ยกตัวอย่างเช่น ในหลุมดำ ในเขต Event Horizon กาล-อวกาศถูกบิดเบี้ยวจนมีค่าใกล้อนันต์ หมายความว่า ระยะทางและเวลาถูกยืดออกจนมีค่าใกล้อนันต์ กล่าวคือ เมื่อแสงตกเข้าไปในขอบฟ้าเหตุการณ์ เราจะเห็นแสงแทบจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพราะระยะทางและเวลาในนั้นถูกยืดออก จึงทำให้แสงใช้เวลาเข้าใกล้อนันต์เพื่อเดินทางในนั้น เราจึงไม่สามารถเห็นแสงกลับออกมาได้อีก
เพราะเหตุนี้ จากที่กล่าวมา ผมจึงสงสัยครับว่า แสงเกิดการ Redshift เมื่อแหล่งกำเนิดเคลื่อนที่ในทางตรงกันข้าม และการเคลื่อนที่นั้น ถือว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของระยะทางถูกไหมครับ เพราะแสงและแหล่งกำเนิดแสงเคลื่อนที่ไปในทางตรงกันข้ามกันทำให้ระยะทางระหว่างจุด 2 จุดยืดออก ดังนั้น เมื่อระยะทางเปลี่ยน ความยาวคลื่นจึงเปลี่ยนตามไปด้วย จึงเกิดปรากฏการณ์ Redshift เกิดขึ้น
ทีนี้ ผมจึงมาสงสัยกับหลุมดำหรือดาวดวงใหญ่ที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมากๆ เมื่อแสงผ่านหรือเฉียดใกล้ๆ ก็จะเกิดการโค้งงอใช่ไหมครับ หรือเรียกว่าปรากฏการณ์ Gravitational Lense และการโค้งงอนั้นหมายถึงการที่กาล-อวกาศในบริเวณนั้นถูกบิด นั่นแสดงว่าระยะทางและเวลาในบริเวณนั้นต้องยืดตัวออก
ผมจึงมีข้อสมมติฐานครับว่า แสงที่เกิดปราฏกการณ์ Gravitaional Lense หรือเคลื่อนที่ผ่านในที่ความโน้มถ่วงสูงๆนั้น มีความยาวคลื่นเปลี่ยนไปหรือไม่
เพราะผมก็ไม่รู้ว่า ความทางฟิสิกส์และดาราศาสตร์ในปัจจุบัน เขาพิสูจน์หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้หรือยัง จึงอยากจะถามความคิดเห็นของทุกท่านครับ หรือใครพอจะมีข้อมูล ลองมาแชกันครับ
เหตุใดเมื่อแสงเดินทางเข้าสู่สนามความโน้มถ่วงสูงๆ จึงไม่เกิด Redshift เหมือนขณะที่กำลังวิ่งออกจากวัตถุครับ
ที่ปัญหาที่ผมสงสัยคือ วัตถุที่มีมวลมากก็จะมีสนามแรงโน้มถ่วงสูงมาก ตามไปด้วย แล้วสนามความโน้มถ่วงเนี่ย สามารถไปบิดกาล-อวกาศให้โค้งหรือบิดเบี้ยวตามไปด้วยหรือเรียกว่าปรากฏการณ์ space-Time dilation
เมื่อกาล-อวกาศบิดเบี้ยวตาม ระยะทางและเวลาในบริเวณ จึงเกิดการยืดออก ยกตัวอย่างเช่น ในหลุมดำ ในเขต Event Horizon กาล-อวกาศถูกบิดเบี้ยวจนมีค่าใกล้อนันต์ หมายความว่า ระยะทางและเวลาถูกยืดออกจนมีค่าใกล้อนันต์ กล่าวคือ เมื่อแสงตกเข้าไปในขอบฟ้าเหตุการณ์ เราจะเห็นแสงแทบจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพราะระยะทางและเวลาในนั้นถูกยืดออก จึงทำให้แสงใช้เวลาเข้าใกล้อนันต์เพื่อเดินทางในนั้น เราจึงไม่สามารถเห็นแสงกลับออกมาได้อีก
เพราะเหตุนี้ จากที่กล่าวมา ผมจึงสงสัยครับว่า แสงเกิดการ Redshift เมื่อแหล่งกำเนิดเคลื่อนที่ในทางตรงกันข้าม และการเคลื่อนที่นั้น ถือว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของระยะทางถูกไหมครับ เพราะแสงและแหล่งกำเนิดแสงเคลื่อนที่ไปในทางตรงกันข้ามกันทำให้ระยะทางระหว่างจุด 2 จุดยืดออก ดังนั้น เมื่อระยะทางเปลี่ยน ความยาวคลื่นจึงเปลี่ยนตามไปด้วย จึงเกิดปรากฏการณ์ Redshift เกิดขึ้น
ทีนี้ ผมจึงมาสงสัยกับหลุมดำหรือดาวดวงใหญ่ที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมากๆ เมื่อแสงผ่านหรือเฉียดใกล้ๆ ก็จะเกิดการโค้งงอใช่ไหมครับ หรือเรียกว่าปรากฏการณ์ Gravitational Lense และการโค้งงอนั้นหมายถึงการที่กาล-อวกาศในบริเวณนั้นถูกบิด นั่นแสดงว่าระยะทางและเวลาในบริเวณนั้นต้องยืดตัวออก
ผมจึงมีข้อสมมติฐานครับว่า แสงที่เกิดปราฏกการณ์ Gravitaional Lense หรือเคลื่อนที่ผ่านในที่ความโน้มถ่วงสูงๆนั้น มีความยาวคลื่นเปลี่ยนไปหรือไม่
เพราะผมก็ไม่รู้ว่า ความทางฟิสิกส์และดาราศาสตร์ในปัจจุบัน เขาพิสูจน์หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้หรือยัง จึงอยากจะถามความคิดเห็นของทุกท่านครับ หรือใครพอจะมีข้อมูล ลองมาแชกันครับ