คุณและแฟนเคยฝ่าฟันอุปสรรคอะไรด้วยกันมาบ้าง ในวันที่ลำบาก พวกคุณก็สู้ไปด้วยกัน

ดิฉันและแฟนอายุ 25 ปีค่ะ ดิฉันเป็นพนักงานของรัฐที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ส่วนแฟนเป็นวิศวกรบริษัทเอกชน เราคบกันมาสองปีกว่า ช่วงแรกที่คบกัน ดิฉันกำลังเรียนต่อโทใกล้จบแล้วค่ะ เขาจึงเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวบ้างเพราะมีเงินเดือน เขาเป็นคนเก่งและเป็นผู้ใหญ่มากๆ แม้เขาจะเป็นวิศวกร จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้านคณะวิศวกรรม แต่เขาก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ ทั่วไปค่ะ มีหนี้สินจากการกู้ กยศ. เป็นหนี้บัตรเครดิต เช่าหออยู่ ไม่มีรถยนต์ขับ นั่งรถเมล์ร้อนๆ พาแฟนไปเที่ยว ดูไม่มีอะไรหน้าตื่นเต้นเลย แต่ดิฉันเชื่อมาเสมอว่าเขาเป็นคนเก่ง ชอบอ่านหนังสือ ไม่สังสรรค์เหมือนวิศวะส่วนใหญ่ที่เขาไปกัน สักวันเขาต้องพลิกชีวิตให้ดีกว่านี้ได้ เมื่อดิฉันทำงานแล้ว ต่างมีรายได้ทั้งสอง ทำอะไรก็แชร์กันครึ่งๆ ค่ะ ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาจะภูมิใจที่แฟนมีรถขับ พาไปเที่ยววันหยุด เลี้ยงข้าว ซื้อของให้ แต่สำหรับดิฉันความภูมิใจแบบนี้ไม่มีหรอกค่ะ ดิฉันกลับรู้สึกดีใจที่ตอนนี้อุปสรรคอยู่ตรงนี้กำลังจะพิสูจน์รักแท้ของเรา ความคิดที่แฟนจะออกมาเปิดบริษัทได้เกิดขึ้น ปฏิบัติการทุกอย่างเริ่มดำเนินไป ไม่มีหุ้นส่วน ไม่พนักงาน มีแค่เราสองคนค่ะ และกำลังใจจากพ่อแม่เรา เมื่อมีจุดประสงค์แล้ว ดิฉันเป็นคนเก็บทุนให้เขาค่ะ โชคดีที่ดิฉันพักอยู่บ้านญาติ ไม่ต้องเสียค่าหอ ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ บ้านก็อยู่ใกล้ที่ทำงาน เสียค่ารถสองแถวไปกลับ 14 บาท ทุกสิ้นเดือนดิฉันจะหักเงินไปไว้เป็นทุนก่อน ส่งให้พ่อนิดหน่อยค่ะ โชคดีอีกที่บ้านไม่ได้ลำบากมาก ไม่มีหนี้สิน ส่วนแฟนเขาเป็นหัวคิด เป็นคนทำบริษัทนี้ อย่าถามเรื่องทุนจากเขาเลยค่ะ ขนาดเงินกินข้าวแต่ละวันก็ต้องจำกัดค่ะ แต่มันทำให้ดิฉันเห็นวินัยในการทำงานของเขาอย่างมาก เขาจะใช้หนี้บัตรเครดิตในแต่ละเดือนให้มากที่สุด หมดหนี้ให้เร็วที่สุด มีแบ่งเงินไว้เดือนละพันกว่า สำหรับซื้อหนังสือค่ะ ผู้ชายไม่ค่อยชอบสังสรรค์ ไม่เล่นการพนัน แต่เก็บเงินไว้ซื้อหนังสือ และตั้งใจทำบริษัทของตัวเองอย่างจริงจัง คุณคิดว่าการคบผู้ชายที่ไม่มีเงินแต่มีวินัยคือความโชคดีไหมคะ เราไม่ค่อยคุยโทรศัพท์กัน เขาต้องการสมาธิในการทำงาน เขานอนจะเร็ว แต่ตื่นมาทำงานบริษัทเราตั้งแต่ตีสี่ตีห้า บางทีตีสอง จะเป็นในส่วนการเตรียมตัวจดทะเบียนบริษัท ข้อมูลจากต่างประเทศที่จะต้องนำของเข้ามาขายให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ วางแผนทำเวบไซต์ จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัวไปทำงานประจำ ที่บอกว่าดิฉันเป็นทุนให้ก็ในส่วนเริ่มต้นของการทำบริษัทค่ะ หลังจากเริ่มขายเขาบอกเขามีวิธีจัดการกับทุนที่จะไปสั่งของมาให้ลูกค้า บริษัทเราจำเป็นต้องใช้รถยนต์ค่ะ ดิฉันมีเงินเก็บและทางบ้านช่วยด้วย สำหรับดาวน์รถ รถเป็นชื่อดิฉันแต่ผ่อนช่วยกันค่ะ เราต้องคำนวณเงินว่าเดือนไหนพร้อมจะผ่อนรถ นั่นคือหลังจากที่แฟนหมดหนี้บัตรเครดิตค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้หมดแล้ว บ่อยครั้งดิฉันร้องไห้ น้อยใจ กับสิ่งที่เราต้องอดทน งดเที่ยว งดกินอาหารดีๆ ที่อยากกิน เพราะดิฉันจะต้องอยู่เคียงข้างเขาจนกว่าเขาจะหมดภาระที่เป็นอุปสรรคต่อการเปิดบริษัท แต่ก่อนเขาไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้ค่ะ เพราะไม่มีเรื่องบริษัทเข้ามาให้คิด ช่วงหลังเขาเริ่มแบ่งเงินให้ดิฉันเก็บไว้เป็นทุนด้วยค่ะ มันทำให้เขาลำบากแน่นอน แต่เขาบอกว่าสัญญาคือสัญญา บอกจะให้ก็ต้องทำให้ได้ ความลำบากไม่ได้ทำให้คนตายค่ะ แค่คุณไม่ได้เที่ยว นอนดูทีวีที่ห้อง กินข้าวราดแกง กินมาม่า แค่ลดความสุขสบาย อดทนรอสักนิด แต่มันคือความภูมิใจมากๆ ที่คุณและแฟนได้จับมือกันก้าวผ่านอุปสรรคสักอย่างเพื่อวันที่ดีกว่า

ก่อนหน้านี้เราทะเลาะกันบ่อยขึ้น แต่เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ อีกสามสี่เดือนทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น ความฝันที่จะมีธุรกิจส่วนตัว เป็นนายตัวเองกำลังจะเป็นจริง ตอนนี้เรามีปัญหาอะไรก็ปรับความเข้าใจกันได้ตลอดค่ะ

ใครมีประสบการณ์ฟันฝ่าอุปสรรคอะไรมาเล่าให้กันฟังบ้างนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทำตามความฝันแต่ท้อแท้ ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยความภาคภูมิใจว่าคุณก็เป็นคนหนึ่งที่จะกล้าจะพลิกผลันชีวิตตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่