โดยเฉพาะปัญหาทางการเมือง เพราะเท่าที่ได้ดู ได้ฟัง เหล่าคนดีที่มาจากการคัดสรรค์ทั้งหลาย ยังคงยึดแนวทางในการแก้ปัญหา โดยใช้ความคิดส่วนตัวเป็นใหญ่ ซึ่งคงไม่แคล้วจะทำให้รัฐธรรมนูญเสียของอีกครั้งหนึ่งเป็นแน่แท้
ถ้าหากมีความจริงใจในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ถ้าหากมีความต้องการจะเข้ามาช่วยเหลือประเทศอย่างแท้จริง ต้องมองให้ลึกถึงรากเหง้าแห่งปัญหา จึงจะสามารถตอบโจทย์แห่งความขัดแย้งได้
ไม่ใช่เพราะขาดบุคลากร แล้วแก้ปัญหาด้วยการออกกฎไม่ให้พนักงานตั้งครรภ์ อย่างนี้มันเป็นการแก้ปัญหาโดยใช้อำนาจ แต่ละเลยเสียซึ่งปัญญา สุดท้ายก็เลยต้องยกเลิกกันไป
ผมมองว่าต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
มันไม่ใช่เพราะการซื้อเสียง เพราะเรื่องซื้อเสียงมีกันมานานมากแล้ว ไม่ใช่พึ่งจะเริ่มมีการซื้อเสียงในช่วงแปดเก้าปี และทั้งสองฝ่ายต่างก็ถูกจับในข้อหาการซื้อเสียงด้วยกันทั้งนั้น ความแตกแยกจึงไม่ใช่เกิดจากเรื่องนี้
มันไม่ใช่เพราะคนด้อยคุณภาพ จึงยอมขายเสียงตัวเองให้กับนักการเมือง ก็มีตัวอย่างของพรรคภูมิใจที่หมายมั่นปั้นมือจะชนะการเลือกตั้งในหลายเขตทางภาคอิสาน แล้วผลก็อย่างที่รู้ๆกัน และถ้ามั่นใจว่าเงินซื้อได้ ก็ลองให้พรรคประชาธิปัตย์ไปซื้อสิครับ อาจจะกลายเป็นรับเงินม้า ไม่กาให้ ดังนั้นความแตกแยกจึงไม่น่าใช่เกิดจากเรื่องนี้
มันไม่ใช่เพราะพรรคเพื่อไทยร่ำรวยกว่า จึงสามารถใช้เงินจนประสบความสำเร็จจากการเลือกตั้ง นั่นต้องฟังคุณอลงกรณ์แห่งพรรคประชาธิปัตย์พูดแล้วครับ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทางพรรคใช้เงินมากกว่าเสียอีก แต่ก็ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ความแตกแยกจึงไม่ใช่เกิดจากเรื่องนี้
ดังนั้นผมจึงมองว่า ความแตกแยกที่เกิดขึ้น มันจึงเป็นเพราะความพ่ายแพ้ที่สะสมมาเสียมากกว่า อีกทั้งมีพวกที่อยากได้ตำแหน่งทางการเมืองโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งเข้ามาผสมโรง แล้วร่วมมือกันสร้างความวุ่นวาย โดยไม่กลัวเกรงต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้พรรคการเมืองที่คนส่วนใหญ่เลือกมา ไม่สามารถบริหารประเทศได้ อีกทั้งยังใช้องค์กรอิสระเป็นเครื่องมือ จนทำให้พรรคการเมืองของคนส่วนใหญ่ต้องถูกยุบพรรค นักการเมืองต้องถูกตัดสิทธิ นี่ต่างหากครับคือความแตกแยกที่จำเป็นต้องแก้ไขครับ
เมื่อรู้ปัญหาแล้ว เราจึงต้องมาแก้ที่ปัญหาต้นเหตุ ต้องทำอย่างไรจึงจะบังคับกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่เลือกเขาเลือกเรา ใครทำผิดกฎหมายก็จัดการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว แค่นั้นเอง ก็จะไม่มีคนกลุ่มอื่นๆออกมาเลียนแบบ จนทำให้ความแตกแยกฝังลึก อีกทั้งยังทำให้พรรคการเมืองที่คอยแต่คิดจะอาศัยตัวช่วยนั้น ต้องหันมาปรับปรุงตัวเอง เพื่อชนะใจประชาชนคนส่วนใหญ่ นี่ต่างหากครับคือการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
มันไม่ใช่เพราะคนไม่มีคุณภาพเลือกนักการเมืองไม่มีคุณภาพ จนเกิดการทุจริตมากมายหรอกครับ เพราะแม้แต่เหล่าคนดีที่ได้รับการคัดสรรจากคนดีด้วยกัน ก็ยังมีปัญหาเรื่องส่วนต่างของราคา ยังมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ยังมีปัญหาเรื่องทรัพย์สินที่ไม่กล้าเปิดเผย หรือเปิดเผยแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาที่แสดงความชัดเจนของที่มาไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จึงไม่น่าใช่ปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง
มันไม่ใช่เพราะนักการเมืองลุแก่อำนาจ จนทำให้การย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรมหรอกครับ เพราะการย้ายข้าราชการอย่างมโหฬารก็เกิดขึ้นให้เห็นในหมู่คนดีเช่นกัน ดังนั้นข้อนี้ก็คงไม่ใช่อีกแหละครับ
มันไม่ใช่เพราะนักการเมืองพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรอกครับ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญจะเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือไม่ ก็เป็นการแก้ไขในสภาจากการโหวตผ่านนักการเมืองตามรัฐธรรมนูญ นี่ย่อมแตกต่างจากการฉีกรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน แล้วคิดหรือว่า การร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองหรือพรรคพวกอย่างนั้นหรือ ผมจึงคิดว่านี่ก็ไม่ใช่สาเหตุแห่งความแตกแยก
และมันก็ไม่ใช่เพราะรัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ เพราะมีกลุ่มอภิสิทธิชนที่ต่อต้านทุกรูปแบบ ขัดขวางทุกนโยบาย ด้วยวาทกรรมที่มีทั้งเท็จทั้งหมดกับความจริงครึ่งเดียวต่างหากเล่า ตัวอย่างคงเห็นได้จากรัฐบาลชุดนี้ ล้วนแต่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่แล้ว กลับมีแต่คนเห็นดีเห็นชอบกันทั้งนั้น นี่จึงเป็นปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง
ดังนั้นผมจึงมองว่า ต้นเหตุสำคัญแห่งความแตกแยกนั้น มันจึงเกิดขึ้นเพราะการบังคับกฎหมายสองมาตรฐานเสียมากกว่าครับ การปฏิรูปจึงควรเน้นที่กระบวนการยุติธรรมมากกว่าครับ
อย่าให้มีการตีความเรื่องฝ่ายหนึ่งจับคางคกในที่ห้ามจับสัตว์น้ำนั้น ผิดตามกฎหมาย เพราะคางคกเป็นสัตว์ครึ่งน้ำ
ส่วนอีกฝ่ายจับกบในที่เดียวกัน แต่ยกฟ้อง เพราะกบเป็นพวกสัตว์ครึ่งบกเลยนะครับ ชาวบ้านเดี๋ยวนี้เขารู้ทันแล้วนะครับ ขอบอก
เพราะถ้าไม่เร่งปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมล่ะก้อ ในอนาคตกระบวนการยุติธรรมคงต้องไปอยู่อันดับท้ายๆเป็นแน่
เพราะถ้าไม่เร่งปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมล่ะก้อ องค์กรตรวจสอบการทุจริต คงจะไม่บ๊วยเฉพาะในกลุ่มอาเซี่ยน แต่อาจจะบ๊วยสุดในโลกก็เป็นได้ ใครจะรู้
สรุปในความคิดเห็นผม มีแต่ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเป็นอันดับแรก
แล้วบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันเป็นอันดับต่อมา
จากนั้นต้องยกเลิกกระบวนการคัดสรรต่างๆ ที่ไม่ได้มาจากการคัดสรรของประชาชนทั้งประเทศ เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้มีความหวังที่จะได้ตำแหน่งโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งอีก แล้วก็จะกลายเป็น ความวุ่นวายของประเทศ คือ ความเจริญก้าวหน้าของพวกเขาอีกเลยนะครับ
ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะคนไทยคนหนึ่ง จาก เทียดเอง
ถ้าหากมีความจริงใจในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ถ้าหากมีความต้องการจะเข้ามาช่วยเหลือประเทศอย่างแท้จริง ต้องมองให้ลึกถึงรากเหง้าแห่งปัญหา จึงจะสามารถตอบโจทย์แห่งความขัดแย้งได้
ไม่ใช่เพราะขาดบุคลากร แล้วแก้ปัญหาด้วยการออกกฎไม่ให้พนักงานตั้งครรภ์ อย่างนี้มันเป็นการแก้ปัญหาโดยใช้อำนาจ แต่ละเลยเสียซึ่งปัญญา สุดท้ายก็เลยต้องยกเลิกกันไป
ผมมองว่าต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
มันไม่ใช่เพราะการซื้อเสียง เพราะเรื่องซื้อเสียงมีกันมานานมากแล้ว ไม่ใช่พึ่งจะเริ่มมีการซื้อเสียงในช่วงแปดเก้าปี และทั้งสองฝ่ายต่างก็ถูกจับในข้อหาการซื้อเสียงด้วยกันทั้งนั้น ความแตกแยกจึงไม่ใช่เกิดจากเรื่องนี้
มันไม่ใช่เพราะคนด้อยคุณภาพ จึงยอมขายเสียงตัวเองให้กับนักการเมือง ก็มีตัวอย่างของพรรคภูมิใจที่หมายมั่นปั้นมือจะชนะการเลือกตั้งในหลายเขตทางภาคอิสาน แล้วผลก็อย่างที่รู้ๆกัน และถ้ามั่นใจว่าเงินซื้อได้ ก็ลองให้พรรคประชาธิปัตย์ไปซื้อสิครับ อาจจะกลายเป็นรับเงินม้า ไม่กาให้ ดังนั้นความแตกแยกจึงไม่น่าใช่เกิดจากเรื่องนี้
มันไม่ใช่เพราะพรรคเพื่อไทยร่ำรวยกว่า จึงสามารถใช้เงินจนประสบความสำเร็จจากการเลือกตั้ง นั่นต้องฟังคุณอลงกรณ์แห่งพรรคประชาธิปัตย์พูดแล้วครับ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทางพรรคใช้เงินมากกว่าเสียอีก แต่ก็ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ความแตกแยกจึงไม่ใช่เกิดจากเรื่องนี้
ดังนั้นผมจึงมองว่า ความแตกแยกที่เกิดขึ้น มันจึงเป็นเพราะความพ่ายแพ้ที่สะสมมาเสียมากกว่า อีกทั้งมีพวกที่อยากได้ตำแหน่งทางการเมืองโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งเข้ามาผสมโรง แล้วร่วมมือกันสร้างความวุ่นวาย โดยไม่กลัวเกรงต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้พรรคการเมืองที่คนส่วนใหญ่เลือกมา ไม่สามารถบริหารประเทศได้ อีกทั้งยังใช้องค์กรอิสระเป็นเครื่องมือ จนทำให้พรรคการเมืองของคนส่วนใหญ่ต้องถูกยุบพรรค นักการเมืองต้องถูกตัดสิทธิ นี่ต่างหากครับคือความแตกแยกที่จำเป็นต้องแก้ไขครับ
เมื่อรู้ปัญหาแล้ว เราจึงต้องมาแก้ที่ปัญหาต้นเหตุ ต้องทำอย่างไรจึงจะบังคับกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่เลือกเขาเลือกเรา ใครทำผิดกฎหมายก็จัดการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว แค่นั้นเอง ก็จะไม่มีคนกลุ่มอื่นๆออกมาเลียนแบบ จนทำให้ความแตกแยกฝังลึก อีกทั้งยังทำให้พรรคการเมืองที่คอยแต่คิดจะอาศัยตัวช่วยนั้น ต้องหันมาปรับปรุงตัวเอง เพื่อชนะใจประชาชนคนส่วนใหญ่ นี่ต่างหากครับคือการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
มันไม่ใช่เพราะคนไม่มีคุณภาพเลือกนักการเมืองไม่มีคุณภาพ จนเกิดการทุจริตมากมายหรอกครับ เพราะแม้แต่เหล่าคนดีที่ได้รับการคัดสรรจากคนดีด้วยกัน ก็ยังมีปัญหาเรื่องส่วนต่างของราคา ยังมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ยังมีปัญหาเรื่องทรัพย์สินที่ไม่กล้าเปิดเผย หรือเปิดเผยแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาที่แสดงความชัดเจนของที่มาไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จึงไม่น่าใช่ปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง
มันไม่ใช่เพราะนักการเมืองลุแก่อำนาจ จนทำให้การย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรมหรอกครับ เพราะการย้ายข้าราชการอย่างมโหฬารก็เกิดขึ้นให้เห็นในหมู่คนดีเช่นกัน ดังนั้นข้อนี้ก็คงไม่ใช่อีกแหละครับ
มันไม่ใช่เพราะนักการเมืองพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรอกครับ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญจะเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือไม่ ก็เป็นการแก้ไขในสภาจากการโหวตผ่านนักการเมืองตามรัฐธรรมนูญ นี่ย่อมแตกต่างจากการฉีกรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน แล้วคิดหรือว่า การร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองหรือพรรคพวกอย่างนั้นหรือ ผมจึงคิดว่านี่ก็ไม่ใช่สาเหตุแห่งความแตกแยก
และมันก็ไม่ใช่เพราะรัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ เพราะมีกลุ่มอภิสิทธิชนที่ต่อต้านทุกรูปแบบ ขัดขวางทุกนโยบาย ด้วยวาทกรรมที่มีทั้งเท็จทั้งหมดกับความจริงครึ่งเดียวต่างหากเล่า ตัวอย่างคงเห็นได้จากรัฐบาลชุดนี้ ล้วนแต่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่แล้ว กลับมีแต่คนเห็นดีเห็นชอบกันทั้งนั้น นี่จึงเป็นปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง
ดังนั้นผมจึงมองว่า ต้นเหตุสำคัญแห่งความแตกแยกนั้น มันจึงเกิดขึ้นเพราะการบังคับกฎหมายสองมาตรฐานเสียมากกว่าครับ การปฏิรูปจึงควรเน้นที่กระบวนการยุติธรรมมากกว่าครับ
อย่าให้มีการตีความเรื่องฝ่ายหนึ่งจับคางคกในที่ห้ามจับสัตว์น้ำนั้น ผิดตามกฎหมาย เพราะคางคกเป็นสัตว์ครึ่งน้ำ
ส่วนอีกฝ่ายจับกบในที่เดียวกัน แต่ยกฟ้อง เพราะกบเป็นพวกสัตว์ครึ่งบกเลยนะครับ ชาวบ้านเดี๋ยวนี้เขารู้ทันแล้วนะครับ ขอบอก
เพราะถ้าไม่เร่งปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมล่ะก้อ ในอนาคตกระบวนการยุติธรรมคงต้องไปอยู่อันดับท้ายๆเป็นแน่
เพราะถ้าไม่เร่งปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมล่ะก้อ องค์กรตรวจสอบการทุจริต คงจะไม่บ๊วยเฉพาะในกลุ่มอาเซี่ยน แต่อาจจะบ๊วยสุดในโลกก็เป็นได้ ใครจะรู้
สรุปในความคิดเห็นผม มีแต่ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเป็นอันดับแรก
แล้วบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันเป็นอันดับต่อมา
จากนั้นต้องยกเลิกกระบวนการคัดสรรต่างๆ ที่ไม่ได้มาจากการคัดสรรของประชาชนทั้งประเทศ เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้มีความหวังที่จะได้ตำแหน่งโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งอีก แล้วก็จะกลายเป็น ความวุ่นวายของประเทศ คือ ความเจริญก้าวหน้าของพวกเขาอีกเลยนะครับ