"ชีวิตหลังความตาย"

เพื่อนๆ เชื่อว่า จะมีชีวิตหลังความตายไหม  แล้วมันจะเป็นไปในรูปแบบไหน ?
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
ผมก็เป็นคนนึงที่เปิดใจอ่านในหลายๆศาสนาครับ อย่างเช่น พระเยซูถูกตรึงกางเขน ผมมองว่าตรงนั้นเป็นการกระทำซึ่งปลดแอกชาวยิวครับ การฟื้นจากความตายก็คือชาวยิวที่ได้รับชีวิตใหม่ และความตายนั้นจะเป็นนิรันดร์คือการเสียสละของพระเยซูเพียงคนเดียวทำให้ไม่เกิดการจลาจล เพราะในสมัยนั้นชาวยิวถูกกดขี่มาก ผู้คนซึ่งจะจำการเสียสละนั้นตลอดไป(อันนี้ตีความด้วยตัวเองนะครับ)

ในศาสนาพุทธก็มีความเชื่อในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด พุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่าทุกสิ่งมีเกิดย่อมต้องมีดับ นั่นก็คือร่างกายเราตายวิญญาณก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้(ผมคิดว่าวิญญาณของเราคือพลังงานอย่างหนึ่ง เหมือนที่ไอสไตล์บอกไว้ว่า มวล=พลังงาน) ร่างการเราเป็นสสารเมื่อสลายพลังงานก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ร่างกายเมื่อสลายก็นำไปประกอบพิธีกรรมต่างๆคืนสู่ธรรมชาติ ละธรรมชาติก็สร้างร่างกายขึ้นมาให้ใหม่ในครรค์แม่พลังงานเหล่านั้นจึงสามารถกลับมาดำรงอยู่ได้ใหม่

ว่ากันว่า(ใครว่าก็ไม่รู้55+)คนเราอยู่ในมิติที่ 4 จึงสามารถมองเห็นวัตถุได้ 3 มิติ นั่นคือเรามองเห็นรูปร่างรูปทรง แต่เมื่ออยู่ในมิติที่ 5 ซึ่งในที่นั้นเวลาไม่ใช่ตัวกำหนดทุกอย่าง แต่ในมิติที่ 5 จะมีแค่พลังงานเท่านั้นที่เข้าไปได้ เมื่อเวลาไม่ใช่เป็นตัวกำหนดก็จะสามารถรู้ได้ถึงเหตุการณ์ในอดีตและเวลาในอนาคตพร้อมๆกันเหมือนกับแผ่นใสที่มีข้อความอยู่ทับซ้อนกันหลายๆชั้นก็สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ในแผ่นใสนั้นได้พร้อมๆกัน แต่ไม่สารมารถเปลี่ยนแปลงได้เพราะสิ่งที่รับรู้อยู่คือพลังงานส่วนเหตุการณ์ในช่วงเวลาต่างๆนั้นอยู่ในมิติที่ 4 คือมวลและสสาร กล่าวคือถ้าเราอยู่ในมิติที่ 5  ซึ่งเวลาไม่ใช่หน่วยวัด เราก็จะมองเห็นมิติที่ 4 ได้อย่างที่เรามองมิติ ที่ 3 แล้วรู้ได้ว่านั่นเป้นรูปร่างรูปทรงอย่างไรเพราะเราอยู่ในมิติที่ 4  

ขันธ์ 5 สัญญาและวิญญาณเป็นการรับรู้ของจิต ดวงจิตเป็นพลังงานจึงสามารถดำรงอยู่ในมิติที่ 5 ได้ ในพระพระไตรปิฎกจึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับการระลึกชาติของพุทธองค์ มีอยู่ตอนหนึ่งได้ทำนายว่า ในอนาคตข้างหน้ามนุษย์จะสามารถเดินทางด้วยการเหาะเหินเดินอากาศ ซึ่งมันก็จริงเพราะสมัยนี้ไม่ได้ทำได้แค่การบินแต่ออกไปนอกโลกได้ด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่าในสมัยนั้นพุทธองค์ทรงรับรู้แต่มันไม่เป็นประโยชน์อะไรกับคนในสมัยนั้น จึงดัดแปลงมาเป็นคำสอนในหลักธรรมไว้แทน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในสิ่งที่เล็กที่สุดนั้นยังมีสิ่งวที่เล็กยิ่งกว่าวนเวียนอยู่ อาจจะหมายถึงอะตอมหรือเปล่า

สวากขาโต ภควตา ธัมโม ธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว
สันทิฏฐิโก ผู้ปฏิบัติจะเห็นได้ด้วยตนเอง*ถ้าลองปฏิบัติตามก็จะรู้ได้เอง ถ้าไม่ลองปฏิบัติแล้วให้คนอื่นมาบอกก็ไม่สามารถเห็นได้
อกาลิโก ผู้ปฏิบัติไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา*พุทธองค์ค้นพบเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว ฉะนั้นจะเมื่อไหร่ก็สามารถค้นพบได้เช่นกัน
เอหิปัสสิโก พระธรรมเป็นคุณอัศจรรย์ดุจของประหลาดที่ควรเชิญชวนให้มาชมและพิสูจน์หรือท้าทายต่อการตรวจสอบ เพราะเป็นของจริง
โอปนยิโก ควรน้อมเข้ามา*ผู้ควรน้อมเข้ามาควรนำไปปฏิบัติให้รู้แก่ใจตน
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน*ไม่สารมารถได้รับจากใครได้ ผู้ที่ปฏิบัติจะพึงรับรู้ได้เฉพาะตนเองเท่านั้น

การเกิดการดับเป็นสิ่งที่ไม่รู้จักจบสิ้น ดังนั้นเราต้องรับรู้ได้ถึงจิตเมื่อรู้ได้ถึงจิตก็จะสามารถก้าวข้ามกาลเวลาไปได้ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดนั่นก็นิพพานนั่นเอง หรือนี่อาจจะหมายถึงสิ่งที่พุทธองค์กำลังจะบอกกับเราจึงดัดแปลงมาในรูปแบบของพระธรรมแทนว่าถ้าปฏิบัติในแบบเดียวกันก็จะพบกับสิ่งเดียวกันที่พุทธองค์ค้นพบ(ความเห็นส่วนตัวอีกนั่นแหละ)

***คิดซะว่าอ่านเอาบันเทิงละกันนะครับ55+
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่