หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
12 ประเด็นที่น่าสนใจหลังจากชม INTERSTELLAR [รีวิวนี้มีทั้งแบบสปอยส์และไม่สปอยส์ เลือกอ่านได้ตามสะดวก]
กระทู้สนทนา
ภาพยนตร์ต่างประเทศ
ภาพยนตร์ครอบครัว
ภาพยนตร์ไซไฟ
No.42
จั่วหัว : ที่สุดของหนังไซไฟวิทยาศาสตร์ปรัชญาของยุคนี้ เป็นหนังพล๊อตมหากาฬสุดล้ำในรอบทศวรรษที่ยังไม่มีใครไปถึงมาก่อน แต่เรื่องนี้เอาธงไปปักได้สำเร็จได้อย่างงดงาม
INTERSTELLAR : ทะยานดาวกู้โลก
คมนิด จี๊ดเลย : พลังของความรักนั้นยิ่งใหญ่ อยู่เหนือเหตุผลและกฏเกณฑ์ใดๆในจักรวาล
Napat's Rating : (A+) , 10/10
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! :
https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -
OVERVIEW (No Spoiled) : หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทะเยอทะยานทางการเล่าเรื่องมากที่สุดของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งเทพเจ้าแห่งยุค
ซึ่งตัวหนังนั้นแทบจะไม่เอาใจคนดูเลยแม้แต่น้อย ปูด้วยองค์แรกที่ออกจะเนิบและเต็มไปด้วยทฤษฎีวิทยาศาสตร์ ซึ่งถ้าสมาธิไม่อยู่กับตัวหรือกำลังเพลียๆนี่ มีสิทธิ์หลับได้เลย
กระนั้นสิ่งที่หนังปูให้ในช่วงแรก มันจะเริ่มต่อยอดส่งพลังต่อให้กับช่วงองค์สองที่เป็นกลางเรื่อง ซึ่งเริ่มดำเนินเรื่องได้สนุกขึ้น และน่าติดตามมากขึ้น และเมื่อมาถึงช่วงท้ายๆของเรื่อง หนังมันได้ยกระดับขึ้นไปอีกเท่าตัวของความเหนือชั้นชนิดที่ว่า ฉากตีลังกาตลบหัวในInceptionกลายเป็นขี้ฝุ่นไปเลย อีกทั้งเนื้อเรื่องที่สานต่อกันมาทั้งเรื่องได้ถูกคลี่คลายได้อย่างน่าทึ่ง
เสมือนกับรอบนี้โนแลนได้สร้างเขาวงกตชั้นใหญ่ที่สุด หรือถ้าเรียกสนุกๆคือ "วงกตอวกาศ" ที่สามารถถอดรหัสตอนจบให้เราไปเจอจุดเริ่มต้นด้วยเส้นบางๆที่เรามองไม่เห็นได้อย่างแยบยลและเฉียบขาด และทั้งเรื่องก็เต็มไปด้วยข้อคิดทางปรัชญามากมายที่น่าสนใจ ทำให้มองข้ามช่องโหว่เรื่องบทที่บางคนย้อนแย้งหรือจังหวะหนังในบางส่วนไปได้โดยปริยาย
ต้องบอกว่าหนังฉลาดนี่มันฉลาดจริงๆ ฉลาดไม่พอ แถมยังทะเยอทะยาน ช่างกล้าเอาสิ่งนี้มาเสนอคนดูซึ่งถือว่าเสี่ยงมาก ผลก็อย่างที่เห็นคือมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่ถ้าใครที่เข้าถึงหนังได้นี่ รู้เรื่องแน่นอนสำหรับเรื่องนี้ การแสดงของนักแสดงนี่เรียกได้ว่าท๊อปฟอร์มและอาจเรียกน้ำตาได้ในบางซีนแบบไม่รู้ตัว
ฮานส์ ซิมเมอร์ รอบนี้ไม่โฉ่งฉ่างด้านดนตรีประกอบแบบเก่า แทนที่จะโหมดนตรีกลับมีลูกเล่นค่อยๆพีคขึ้นไปช้าๆซึ่งถือเป็นเสน่ห์อีกแบบ รวมถึงการกล้าตัดสินใจทำให้ฉากบางฉากในอวกาศไม่มีเสียงเลยด้วย ในเรื่องของมุมภาพก็ถือว่าใช้ได้ แต่ยังไม่ได้แปลกใหม่อะไรนัก ที่แปลกใหม่และดูดีคือโปรดักชั่นดีไซน์ ตัวฉากต่างๆทำออกมาได้ดีมาก และเอฟเฟคต่างๆถือว่าทำได้สมจริงและดูดีมากๆ
และที่สำคัญ การดูเรื่องนี้ด้วย IMAX 70 MM ถือเป็นความคุ้มค่าแบบจัดเต็มเท่าที่หนังเรื่องนึงจะมอบให้ได้ เพราะฉากส่วนที่ถูกขยายนั้น เพิ่มอรรถรสในการชมเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งเสียงกระหึ่มต่างๆ ทำให้เรารู้สึกประหนึ่งได้อยู่บนนอกโลกจริงๆ
เรื่องนี้หลายคนเชื่อว่าถ้าไม่ชอบก็เกลียดเลย สำหรับคนที่เกลียดมีถึงขนาดตั้งกระทู้ด่าว่าเป็นหนังห่วยแห่งปีมาแล้ว แต่คนที่ชอบก็ถึงขั้นบอกว่าให้เตรียมซื้อแผ่นมาตั้งบนหิ้งแล้วบูชากราบสามทีได้เลย ส่วนตัวผม ชอบในประเด็นต่างๆที่หนังต้องการจะสื่อมากครับ แม้จะเล่นกับอารมณ์น้อยไปนิด แต่เชื่อไหม ความที่ไม่ต้องพยายามพีคอารมณ์แบบนี้แหละมันทำให้เราอินแบบไม่รู้ตัว ร็อีกทีการเดินทางที่ยิ่งใหญ่และยาวนานนับชั่วอายุคนซึ่งได้กินเวลาเกือบสามชั่วโมง ก็จบลงแบบห้วนๆตามสไตล์โนแลนซะแล้ว
และนี่คือหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปี2014 ถือเป็นงานหนังไซไฟของคนรุ่นใหม่ที่ต้องยกขึ้นหิ้งจดจำกล่าวขานไปอีกยาวนาน นับว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานเลยทีเดียวครับกับInterstellarเรื่องนี้ สมควรดูในโรงภาพยนตร์อย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะในโรงIMAX PARAGON [ที่ฉายด้วยฟิล์ม70 MMเรื่องสุดท้ายของโลก]
.
.
.
REVIEW (Spoiled) :
12 ประเด็นที่จะกล่าวถึงในรีวิวนี้ในมุมมองที่อยากแชร์ ลองดูกันครับ [อาจมีสปอยส์]
1.โลกนี้กำลังหมดอายุ
หนังได้มีการเปิดเรื่องให้เห็นถึงสภาวะเสื่อมถอยของโลกมนุษย์ที่ได้เบียดเบียนธรรมชาติมาอย่างยาวนาน จนทำให้ทรัพยากรร่อยหรอ พืชพรรณเริ่มตายและโลกกำลังจะขาดออกซิเจน เห็นได้จากภาวะที่มีแต่ฝุ่นละอองเต็มไปทั่วทั้งเมือง นี่คือสัญญาณเริ่มต้นที่บอกกับเรากลายๆว่า "ถึงเวลาหาบ้านใหม่แล้วนะ"
เพราะในสมัยก่อนเราอาจแหงนหน้าไปมองท้องฟ้าว่าเราอยู่ที่ไหนในหมู่ดาว คราวนี้ถึงเวลาที่เราต้องห่วงตัวเอง มองลงมายังกองดินว่าสภาพเราตอนนี้กำลังจะเป็นเช่นใด?
2. นักสำรวจในร่างของชาวไร่
มีครอบครัวนึง เป็นเจ้าของไร่ข้าวโพดใหญ่โต เขาคือนักวิทยาศาสตร์ที่เคยนักบินทำงานในนาซ่า แต่กลับไม่มีโอกาสได้ใช้วิชาของตัวเองทั้งๆที่ตัวก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย อาจเพราะอุบัติเหตุฝังใจจากเหตุเครื่องบินตก แต่เขาได้รอดชีวิตมา
แต่แล้ววันนึงก็เขาและลูกสาวก็ได้ไปพบกับนาซ่าโดยบังเอิญด้วยพิกัดที่พวกเขาถอดรหัสมาได้จากปริศนาในห้องสมุดซึ่งลูกสาวก็ทึกทักเอาว่ามีผีมาบอกปริศนา นาซ่าขอร้องให้คูปเปอร์เป็นผู้ขับยานออกไปสำรวจอวกาศ ซึ่งมีดร.แบรนด์เป็นตัวตั้งตัวตี นี่อาจจะเป็นโอกาสที่เขาจะได้ช่วยเหลือคนอีกเป็นพันล้านครอบครัว และได้ทำสิ่งที่รักที่เขามีความสามารถไปในเวลาเดียวกัน กระนั้นมันก็มีสิ่งที่เขาต้องแลกไป นั่นคือครอบครัวของเขาเอง
3. คำสัญญาก่อนก้าวไปข้างหน้า และทิ้งบางสิ่งไว้ข้างหลัง
- I'm Coming back
เมิร์ฟ ลูกสาวคนเล็กของเขารู้สึกโกรธที่พ่อจะทิ้งตนไป เธอพยายามห้ามพ่อแต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดความตั้งใจของคูปเปอร์ได้ จึงได้ให้สัญญากับลูกสาวพร้อมให้นาฬิกาเป็นของขวัญเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ในวันนึงเวลาของทั้งสองอาจเท่ากัน พ่อลูกอาจมีอายุเท่ากันก็ได้ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพของเวลา ในฉากที่พ่อจำต้องลาเมิร์ฟและครอบครัวออกมา ระหว่างที่เขาขับรถออกมาช่างน่าเจ็บปวดเหลือเกินกับการที่ต้องฝืนใจตัวเอง ยอมเจ็บปวดหัวใจในวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในวันข้างหน้าของโลกและครอบครัวของเขาเองด้วย ซึ่งเหตุผลนี้อาจมากเกินกว่าที่ลูกของเขาจะเข้าใจในช่วงเวลานั้น เขาได้แต่บอกลูกเพียงว่า "พ่อแม่ได้เกิดมาเป็นความทรงจำของลูก ในอนาคตพ่อก็คือผีนั่นเอง"
4. (เพราะมนุษย์)เราหาทางได้ เราหาได้เสมอ
ในวันที่โลกเริ่มถึงจุดวิกฤติ จึงต้องมีขบวนการสำรวจโลกใหม่ มีประโยคนึงที่ชอบมากๆคือประโยคที่มาจากพระเอกที่คุยกับดร.แบรนด์คนพ่อ ซึ่งเริ่มคุยจากประเด็นวิกฤติบนโลกที่ไร้ซึ่งทางออก แต่คูปเปอร์ได้พูดประโยคที่น่าสนใจไว้ว่า "เราหาทางได้ เราหาได้เสมอ" มันเป็นคำที่สะท้อนถึงหัวใจของความเป็นนักสำรวจในตัวเขาขนานแท้ เพราะนักสำรวจนั้นล้วนแต่มุ่งเสาะแสวงหาสิ่งใหม่ๆเพื่อหาทางแก้ หาทางออก และสัญชาติญาณของมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เราก็มักจะมีหนทางในการเอาตัวรอดเสมอไม่ทางใดก็ทางนึง และในยุคนี้ ด้วยวิวัฒนาการที่มีมากขึ้น ก็ถึงเวลาที่เราจะไปตายเอาดาบหน้าบนห้วงอวกาศที่เราไม่รู้จักเลยสักครั้ง
5. ฉันมาไกลแล้ว แต่ยังไกลไม่พอ
เมื่อได้ผ่านด่านห้วงอวกาศ รวมถึงพบเจอกับการเดินทางทะลุรูหนอนอย่างยากลำบากแล้ว ภารกิจของพวกเขาคือต้องสำรวจดาวดวงใหม่ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้บางคนเริ่มมีปากเสียงกัน บางครั้งพวกเขาก็คิดว่าเราอาจผ่านเส้นทางอะไรมามากมาย แต่จริงๆแล้วแทบจะยังไม่ได้เริ่มต้นภารกิจเสียด้วยซ้ำ แล้วยังต้องมาเจอกับความผิดพลาดที่จะสร้างบทเรียนครั้งใหญ่ให้จดจำอีก ดังนั้นต่อให้เดินทางมาไกล แต่ถ้าหากยังไม่ถึงจุดหมายมันก็ยังไม่ถือว่าสำเร็จ แม้จะเริ่มเข้าใกล้ แต่ถ้ามันยังไม่ถึงเส้นชัยก็แปลว่ายังไม่ถึงอยู่ดี ดังนั้นต้องไปให้ไกลกว่า..
6. ชีวิตจริง ไม่เก๋แบบในทฤษฎี
เมื่อออกภารกิจบนดาวมิลเลอร์ ปัญหาอุปสรรคนั้นก็ถาโถมเข้ามา และเราก็ไม่สามารถลืมได้เลยว่าชีวิตเรามีเทคเดียว ถ้าพลาดก็แปลว่าจบเห่ได้เลย การตัดสินใจที่ช่วงเวลาที่จำกัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือต่อให้ทฤษฎีเราแม่นแค่ไหน ในสนามจริง ถ้าเราไม่รู้จักกระบวนการรับมือให้ถูกวิธี เราก็อาจดับได้ ซึ่งนั่นทำให้ดร.แบรนด์คนลูกหรือนางเอกของเรื่องได้บทเรียนที่ดีเลยทีเดียว
7. "เวลา"ที่ไม่เท่ากัน
สิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจเลี่ยงได้จากการเดินทางสำรวจครั้งนี้ คือ"เวลา"ในแต่ละพื้นที่นั้นล้วนมีไม่เท่ากัน บางที่เวลาเดินช้ากว่าโลกยาวนาน บางที่เร็วกว่า สถานะของเรา ตัวตนของเรา และคนรอบข้างเราสามารถแปรเปลี่ยนไปได้เป็นสิบๆปีทั้งที่เวลาเราเพิ่งจะเดินหน้าไปไม่กี่ชั่วโมง นั่นจึงเป็นเหตุขัดแย้งที่ตัวละครต่างขัดแย้งในภารกิจกัน เนื่องมาจากคนนึงกำลังห่วงคนที่อยู่ในเบื้องหลัง ส่วนอีกคนกำลังห่วงกับสิ่งที่อยู่ตรงข้างหน้า ซึ่งทั้งสองอย่างมีเวลามาคั่นกลางและเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดภารกิจนี้ เพราะเวลานั้น มีค่าและจำกัดเหลือเกิน ทุกวินาทีล้วนมีความหมายต่อมนุษยชาติ ถ้าเราทุกคนสามารถคิดได้แบบนี้ เราอาจจะพบว่าเวลาที่ผ่านไป อาจไม่ได้เสียเปล่าก็เป็นได้ ถ้าว่านั่นมาจากแรงพยายามที่เรากำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ เพื่อที่จะทำให้มันสำเร็จในสักวันหนึ่ง
8. แผนลวงโลกและมวยอวกาศ
ขณะที่ทีมสำรวจกำลังสำรวจอยู่บนดาวอันไกลโพ้น แต่แล้วความจริงก็หลุดออกจากปากดร.แบรนด์คนพ่อ ที่ว่าสิ่งที่เขาทำทุกอย่างที่จะทำให้นักสำรวจเหล่านั้นกลับมาช่วยโลกนั้นเป็นเรื่องโกหก แผนเอที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้สำเร็จกลายเป็นปฏิบัติหน้าม่านซะงั้น ซึ่งปฏิบัติการจริงของเขาคือแผนบี ที่จะนำดีเอ็นเอทางพันธุกรรมไปแพร่พันธุ์ให้เกิดสิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์ดวงอื่นนั่นเอง ทำให้เกิดความช๊อคโลกขึ้นอันเนื่องมาจากดร.แบรนด์ต้องใช้เวลาปกปิดแผนการณ์ที่แท้จริงมาทั้งชีวิต ยอมให้ตัวเองโดนด่า แต่ใจของแกมีอุดมการณ์ที่จะมองอนาคตเพื่อมนุษยชาติ แต่เมิร์ฟในวัยสาวไม่ได้คิดเช่นนั้นเสียแล้ว เพราะเวลาในชีวิตของเมิร์ฟเองมันตรงกับช่วงอายุที่พ่อเธอได้จากไปแล้ว คำสัญญานั้นอาจเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆงั้นหรือ?
ขณะเดียวกันทีมนักสำรวจก็ได้ไปพบกับดร.แมน นักวิทยาศาสตร์ผู้เก่งกาจที่เคยถูกส่งออกมาสำรวจดาวมาก่อน และกำลังส่งสัญญาณต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งพบว่าสุดท้ายมันเป็นแค่กลหลอกลวงที่เขาต้องการจะมาควบคุมอำนาจที่จะทะเยอทะยานไปต่อยอดเป้าหมายของเขาเสียเอง จึงเกิดมวยอวกาศขึ้นซึ่งฉากนี้ทำได้ดีมากๆ แสดงให้เห็นถึงว่ามนุษย์อยู่ที่ไหน สันดานในตัวมนุษย์ กิเลสต่างๆ ก็ยังตามไปได้อยู่ดี สุดท้ายก็เป็นการเอาชนะกัน ซึ่งท้ายที่สุด ธรรมชาติก็จะคัดเลือกผู้ที่แข็งแกร่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นในด้านร่างกายหรือสติปัญญา ใครมีสูงกว่าผู้นั้นก็มักจะเป็นฝ่ายที่รอด
รออ่านต่อในความเห็นที่หนึ่งนะครับ ค่อนข้างยาวพอสมควรกับหนังเรื่องนี้
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! :
https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
รัสเซียส่งหนู 75 ตัว และแมลงวันผลไม้ 1,000 ตัว ขึ้นสู่วงโคจรโลกเพื่อศึกษาผลกระทบในการบินอวกาศ
วันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ประเทศรัสเซียประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียมชีวภาพ Bion-M หมายเลข 2 ขึ้นสู่วงโคจรโลก โดยใช้จรวดโซยุซจากศูนย์อวกาศไบโคนูร์ ประเทศคาซัคสถาน การปล่อยครั้งนี้เกิดขึ้นเวลา 13:1
สมาชิกหมายเลข 6652492
Oppenheimer: ชายผู้สร้างโลกและทำลายมัน มหากาพย์ชีวประวัติอันทรงพลัง
เรื่องย่อ "Oppenheimer" เป็นภาพยนตร์แนวชีวประวัติ ระทึกขวัญ ที่ออกฉายในปี 2023 เขียนบทและกำกับโดย Christopher Nolan หนึ่งในผู้กำกับที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในยุคปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ส
สมาชิกหมายเลข 1361058
นาซาเล็งสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ภายในปี 2573
รักษาการ ผอ.นาซา สั่งการให้เร่งความเร็วของแผนการ เพื่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ให้เสร็จภายในปี 2573 หวั่นจีนกับรัสเซียลงมือตัดหน้าสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานการบินและอวกาศแห่งชาติ
สมาชิกหมายเลข 8457357
NASAก็พากลับมาได้หลังจากที่วิศวกรของภารกิจสามารถซ่อมระบบไอพ่นบนยานVoyager1ที่ปิดใช้ไปนานกว่า21ปี
และแทบทุกคนต่างคิดว่ามันพังไปแล้ว ให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง ยานอวกาศ Voyager 1 ออกเดินทางจากโลกเมื่อ 47 ปีที่แล้ว ด้วยภารกิจบินผ่านไปสำรวจดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ก่อนมุ่งหน้าออกจากระบบสุริยะไปตลอดกาล ด
สมาชิกหมายเลข 8400221
คนรุ่นใหม่ไทย (Gen Y 17%, Gen Z 16%) เลือกไม่เรียนต่อปริญญา กังวลคุณภาพการเรียนรู้-ค่าใช้จ่ายสูง
บางคนหันมาเอาดี ทางการทำงาน ทำเงินไปเลยก็มี เพราะเดี๋ยวนี้ทางเลือกในการทำงานสร้างรายได้ เปิดกว้าง และ มีหลายช่องทางให้เลือกตามความถนัด ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้คนต่างปรับตัวกับการเรียนร
สมาชิกหมายเลข 2933266
เสียงจากดวงดาวที่ลืมเลือน
นิยายแนว Sci-Fi เกี่ยวกับกาลอวกาศ พลังจิต สิ่งมีชีวิต และโลกหลังความตาย เสียงจากดวงดาวที่ลืมเลือน ปี ค.ศ. 2487 หลังจากที่โลกผ่านสงครามพลังงานครั้งสุดท้ายไปได้สองทศวรรษ องค์กร United Stellar Alliance
สมาชิกหมายเลข 8810207
Mission: Impossible 8-The Final Reckoning (2025) ภารกิจชีวิตที่เป็นไปได้ ++ออกจากโรงแล้วชวนคุย/โนสปอย
(CR) เดินทางมาถึงภาคล่าสุด The Final Reckoning กับ คนเหล็ก Ethan Hunt ที่เท่ต่อเนื่องมากว่า 29 ปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าตลอดการเดินทางมา 8 ภาค พี่ทำมาแล้วทุกอย่าง โดนร่ม ปีนตึก เกาะเครื่องบิน... จนถึงภาค
PretendPlayer
Interstellar: ทะยานดาวกู้โลก การเดินทางข้ามกาลเวลาและมิติเพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษย์
เรื่องย่อ "Interstellar" เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟ ผจญภัย ดราม่า ออกฉายในปี 2014 กำกับโดย Christopher Nolan ผู้กำกับชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างภาพยนตร์ที่ซับซ้อนและกระตุ้นความคิด ภาพยนตร์เรื่
สมาชิกหมายเลข 1361058
ฟ้าผ่ามาก โครงการ Artemis จรวด SLS ยาน Orion และ โครงการ Mars Sample Return อาจถูกยกเลิก
ฟ้าผ่ามาก NASA เผยแพร่เอกสาร จัดสรรค์งบประมาณ ปี 2569 ตามนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยตามเอกสารนี้ ทำให้ โครงการ Artemis ยาน Orion และ จรวด SLS อาจดำเนินการได้เพียงถึงโครงการ Artemis 3 เท่านั้น นอก
สมาชิกหมายเลข 5689704
Sentinelle: เธอคือทหาร เธอคือนักล่า เมื่อกฎหมายไม่เป็นธรรม เธอจะทวงคืนด้วยมือตัวเอง
เรื่องย่อ "Sentinelle" เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญสัญชาติฝรั่งเศส ออกฉายในปี 2021 ทาง Netflix กำกับโดย Julien Leclercq เรื่องราวติดตามชีวิตของ Klara (Olga Kurylenko) ทหารหญิงหน่วยรบพิเศษผู
สมาชิกหมายเลข 1361058
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ภาพยนตร์ต่างประเทศ
ภาพยนตร์ครอบครัว
ภาพยนตร์ไซไฟ
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 23
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
12 ประเด็นที่น่าสนใจหลังจากชม INTERSTELLAR [รีวิวนี้มีทั้งแบบสปอยส์และไม่สปอยส์ เลือกอ่านได้ตามสะดวก]
No.42
จั่วหัว : ที่สุดของหนังไซไฟวิทยาศาสตร์ปรัชญาของยุคนี้ เป็นหนังพล๊อตมหากาฬสุดล้ำในรอบทศวรรษที่ยังไม่มีใครไปถึงมาก่อน แต่เรื่องนี้เอาธงไปปักได้สำเร็จได้อย่างงดงาม
INTERSTELLAR : ทะยานดาวกู้โลก
คมนิด จี๊ดเลย : พลังของความรักนั้นยิ่งใหญ่ อยู่เหนือเหตุผลและกฏเกณฑ์ใดๆในจักรวาล
Napat's Rating : (A+) , 10/10
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! : https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -
OVERVIEW (No Spoiled) : หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทะเยอทะยานทางการเล่าเรื่องมากที่สุดของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งเทพเจ้าแห่งยุค
ซึ่งตัวหนังนั้นแทบจะไม่เอาใจคนดูเลยแม้แต่น้อย ปูด้วยองค์แรกที่ออกจะเนิบและเต็มไปด้วยทฤษฎีวิทยาศาสตร์ ซึ่งถ้าสมาธิไม่อยู่กับตัวหรือกำลังเพลียๆนี่ มีสิทธิ์หลับได้เลย
กระนั้นสิ่งที่หนังปูให้ในช่วงแรก มันจะเริ่มต่อยอดส่งพลังต่อให้กับช่วงองค์สองที่เป็นกลางเรื่อง ซึ่งเริ่มดำเนินเรื่องได้สนุกขึ้น และน่าติดตามมากขึ้น และเมื่อมาถึงช่วงท้ายๆของเรื่อง หนังมันได้ยกระดับขึ้นไปอีกเท่าตัวของความเหนือชั้นชนิดที่ว่า ฉากตีลังกาตลบหัวในInceptionกลายเป็นขี้ฝุ่นไปเลย อีกทั้งเนื้อเรื่องที่สานต่อกันมาทั้งเรื่องได้ถูกคลี่คลายได้อย่างน่าทึ่ง
เสมือนกับรอบนี้โนแลนได้สร้างเขาวงกตชั้นใหญ่ที่สุด หรือถ้าเรียกสนุกๆคือ "วงกตอวกาศ" ที่สามารถถอดรหัสตอนจบให้เราไปเจอจุดเริ่มต้นด้วยเส้นบางๆที่เรามองไม่เห็นได้อย่างแยบยลและเฉียบขาด และทั้งเรื่องก็เต็มไปด้วยข้อคิดทางปรัชญามากมายที่น่าสนใจ ทำให้มองข้ามช่องโหว่เรื่องบทที่บางคนย้อนแย้งหรือจังหวะหนังในบางส่วนไปได้โดยปริยาย
ต้องบอกว่าหนังฉลาดนี่มันฉลาดจริงๆ ฉลาดไม่พอ แถมยังทะเยอทะยาน ช่างกล้าเอาสิ่งนี้มาเสนอคนดูซึ่งถือว่าเสี่ยงมาก ผลก็อย่างที่เห็นคือมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่ถ้าใครที่เข้าถึงหนังได้นี่ รู้เรื่องแน่นอนสำหรับเรื่องนี้ การแสดงของนักแสดงนี่เรียกได้ว่าท๊อปฟอร์มและอาจเรียกน้ำตาได้ในบางซีนแบบไม่รู้ตัว
ฮานส์ ซิมเมอร์ รอบนี้ไม่โฉ่งฉ่างด้านดนตรีประกอบแบบเก่า แทนที่จะโหมดนตรีกลับมีลูกเล่นค่อยๆพีคขึ้นไปช้าๆซึ่งถือเป็นเสน่ห์อีกแบบ รวมถึงการกล้าตัดสินใจทำให้ฉากบางฉากในอวกาศไม่มีเสียงเลยด้วย ในเรื่องของมุมภาพก็ถือว่าใช้ได้ แต่ยังไม่ได้แปลกใหม่อะไรนัก ที่แปลกใหม่และดูดีคือโปรดักชั่นดีไซน์ ตัวฉากต่างๆทำออกมาได้ดีมาก และเอฟเฟคต่างๆถือว่าทำได้สมจริงและดูดีมากๆ
และที่สำคัญ การดูเรื่องนี้ด้วย IMAX 70 MM ถือเป็นความคุ้มค่าแบบจัดเต็มเท่าที่หนังเรื่องนึงจะมอบให้ได้ เพราะฉากส่วนที่ถูกขยายนั้น เพิ่มอรรถรสในการชมเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งเสียงกระหึ่มต่างๆ ทำให้เรารู้สึกประหนึ่งได้อยู่บนนอกโลกจริงๆ
เรื่องนี้หลายคนเชื่อว่าถ้าไม่ชอบก็เกลียดเลย สำหรับคนที่เกลียดมีถึงขนาดตั้งกระทู้ด่าว่าเป็นหนังห่วยแห่งปีมาแล้ว แต่คนที่ชอบก็ถึงขั้นบอกว่าให้เตรียมซื้อแผ่นมาตั้งบนหิ้งแล้วบูชากราบสามทีได้เลย ส่วนตัวผม ชอบในประเด็นต่างๆที่หนังต้องการจะสื่อมากครับ แม้จะเล่นกับอารมณ์น้อยไปนิด แต่เชื่อไหม ความที่ไม่ต้องพยายามพีคอารมณ์แบบนี้แหละมันทำให้เราอินแบบไม่รู้ตัว ร็อีกทีการเดินทางที่ยิ่งใหญ่และยาวนานนับชั่วอายุคนซึ่งได้กินเวลาเกือบสามชั่วโมง ก็จบลงแบบห้วนๆตามสไตล์โนแลนซะแล้ว
และนี่คือหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปี2014 ถือเป็นงานหนังไซไฟของคนรุ่นใหม่ที่ต้องยกขึ้นหิ้งจดจำกล่าวขานไปอีกยาวนาน นับว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานเลยทีเดียวครับกับInterstellarเรื่องนี้ สมควรดูในโรงภาพยนตร์อย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะในโรงIMAX PARAGON [ที่ฉายด้วยฟิล์ม70 MMเรื่องสุดท้ายของโลก]
.
.
.
REVIEW (Spoiled) :
12 ประเด็นที่จะกล่าวถึงในรีวิวนี้ในมุมมองที่อยากแชร์ ลองดูกันครับ [อาจมีสปอยส์]
1.โลกนี้กำลังหมดอายุ
หนังได้มีการเปิดเรื่องให้เห็นถึงสภาวะเสื่อมถอยของโลกมนุษย์ที่ได้เบียดเบียนธรรมชาติมาอย่างยาวนาน จนทำให้ทรัพยากรร่อยหรอ พืชพรรณเริ่มตายและโลกกำลังจะขาดออกซิเจน เห็นได้จากภาวะที่มีแต่ฝุ่นละอองเต็มไปทั่วทั้งเมือง นี่คือสัญญาณเริ่มต้นที่บอกกับเรากลายๆว่า "ถึงเวลาหาบ้านใหม่แล้วนะ"
เพราะในสมัยก่อนเราอาจแหงนหน้าไปมองท้องฟ้าว่าเราอยู่ที่ไหนในหมู่ดาว คราวนี้ถึงเวลาที่เราต้องห่วงตัวเอง มองลงมายังกองดินว่าสภาพเราตอนนี้กำลังจะเป็นเช่นใด?
2. นักสำรวจในร่างของชาวไร่
มีครอบครัวนึง เป็นเจ้าของไร่ข้าวโพดใหญ่โต เขาคือนักวิทยาศาสตร์ที่เคยนักบินทำงานในนาซ่า แต่กลับไม่มีโอกาสได้ใช้วิชาของตัวเองทั้งๆที่ตัวก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย อาจเพราะอุบัติเหตุฝังใจจากเหตุเครื่องบินตก แต่เขาได้รอดชีวิตมา
แต่แล้ววันนึงก็เขาและลูกสาวก็ได้ไปพบกับนาซ่าโดยบังเอิญด้วยพิกัดที่พวกเขาถอดรหัสมาได้จากปริศนาในห้องสมุดซึ่งลูกสาวก็ทึกทักเอาว่ามีผีมาบอกปริศนา นาซ่าขอร้องให้คูปเปอร์เป็นผู้ขับยานออกไปสำรวจอวกาศ ซึ่งมีดร.แบรนด์เป็นตัวตั้งตัวตี นี่อาจจะเป็นโอกาสที่เขาจะได้ช่วยเหลือคนอีกเป็นพันล้านครอบครัว และได้ทำสิ่งที่รักที่เขามีความสามารถไปในเวลาเดียวกัน กระนั้นมันก็มีสิ่งที่เขาต้องแลกไป นั่นคือครอบครัวของเขาเอง
3. คำสัญญาก่อนก้าวไปข้างหน้า และทิ้งบางสิ่งไว้ข้างหลัง
- I'm Coming back
เมิร์ฟ ลูกสาวคนเล็กของเขารู้สึกโกรธที่พ่อจะทิ้งตนไป เธอพยายามห้ามพ่อแต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดความตั้งใจของคูปเปอร์ได้ จึงได้ให้สัญญากับลูกสาวพร้อมให้นาฬิกาเป็นของขวัญเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ในวันนึงเวลาของทั้งสองอาจเท่ากัน พ่อลูกอาจมีอายุเท่ากันก็ได้ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพของเวลา ในฉากที่พ่อจำต้องลาเมิร์ฟและครอบครัวออกมา ระหว่างที่เขาขับรถออกมาช่างน่าเจ็บปวดเหลือเกินกับการที่ต้องฝืนใจตัวเอง ยอมเจ็บปวดหัวใจในวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในวันข้างหน้าของโลกและครอบครัวของเขาเองด้วย ซึ่งเหตุผลนี้อาจมากเกินกว่าที่ลูกของเขาจะเข้าใจในช่วงเวลานั้น เขาได้แต่บอกลูกเพียงว่า "พ่อแม่ได้เกิดมาเป็นความทรงจำของลูก ในอนาคตพ่อก็คือผีนั่นเอง"
4. (เพราะมนุษย์)เราหาทางได้ เราหาได้เสมอ
ในวันที่โลกเริ่มถึงจุดวิกฤติ จึงต้องมีขบวนการสำรวจโลกใหม่ มีประโยคนึงที่ชอบมากๆคือประโยคที่มาจากพระเอกที่คุยกับดร.แบรนด์คนพ่อ ซึ่งเริ่มคุยจากประเด็นวิกฤติบนโลกที่ไร้ซึ่งทางออก แต่คูปเปอร์ได้พูดประโยคที่น่าสนใจไว้ว่า "เราหาทางได้ เราหาได้เสมอ" มันเป็นคำที่สะท้อนถึงหัวใจของความเป็นนักสำรวจในตัวเขาขนานแท้ เพราะนักสำรวจนั้นล้วนแต่มุ่งเสาะแสวงหาสิ่งใหม่ๆเพื่อหาทางแก้ หาทางออก และสัญชาติญาณของมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เราก็มักจะมีหนทางในการเอาตัวรอดเสมอไม่ทางใดก็ทางนึง และในยุคนี้ ด้วยวิวัฒนาการที่มีมากขึ้น ก็ถึงเวลาที่เราจะไปตายเอาดาบหน้าบนห้วงอวกาศที่เราไม่รู้จักเลยสักครั้ง
5. ฉันมาไกลแล้ว แต่ยังไกลไม่พอ
เมื่อได้ผ่านด่านห้วงอวกาศ รวมถึงพบเจอกับการเดินทางทะลุรูหนอนอย่างยากลำบากแล้ว ภารกิจของพวกเขาคือต้องสำรวจดาวดวงใหม่ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้บางคนเริ่มมีปากเสียงกัน บางครั้งพวกเขาก็คิดว่าเราอาจผ่านเส้นทางอะไรมามากมาย แต่จริงๆแล้วแทบจะยังไม่ได้เริ่มต้นภารกิจเสียด้วยซ้ำ แล้วยังต้องมาเจอกับความผิดพลาดที่จะสร้างบทเรียนครั้งใหญ่ให้จดจำอีก ดังนั้นต่อให้เดินทางมาไกล แต่ถ้าหากยังไม่ถึงจุดหมายมันก็ยังไม่ถือว่าสำเร็จ แม้จะเริ่มเข้าใกล้ แต่ถ้ามันยังไม่ถึงเส้นชัยก็แปลว่ายังไม่ถึงอยู่ดี ดังนั้นต้องไปให้ไกลกว่า..
6. ชีวิตจริง ไม่เก๋แบบในทฤษฎี
เมื่อออกภารกิจบนดาวมิลเลอร์ ปัญหาอุปสรรคนั้นก็ถาโถมเข้ามา และเราก็ไม่สามารถลืมได้เลยว่าชีวิตเรามีเทคเดียว ถ้าพลาดก็แปลว่าจบเห่ได้เลย การตัดสินใจที่ช่วงเวลาที่จำกัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือต่อให้ทฤษฎีเราแม่นแค่ไหน ในสนามจริง ถ้าเราไม่รู้จักกระบวนการรับมือให้ถูกวิธี เราก็อาจดับได้ ซึ่งนั่นทำให้ดร.แบรนด์คนลูกหรือนางเอกของเรื่องได้บทเรียนที่ดีเลยทีเดียว
7. "เวลา"ที่ไม่เท่ากัน
สิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจเลี่ยงได้จากการเดินทางสำรวจครั้งนี้ คือ"เวลา"ในแต่ละพื้นที่นั้นล้วนมีไม่เท่ากัน บางที่เวลาเดินช้ากว่าโลกยาวนาน บางที่เร็วกว่า สถานะของเรา ตัวตนของเรา และคนรอบข้างเราสามารถแปรเปลี่ยนไปได้เป็นสิบๆปีทั้งที่เวลาเราเพิ่งจะเดินหน้าไปไม่กี่ชั่วโมง นั่นจึงเป็นเหตุขัดแย้งที่ตัวละครต่างขัดแย้งในภารกิจกัน เนื่องมาจากคนนึงกำลังห่วงคนที่อยู่ในเบื้องหลัง ส่วนอีกคนกำลังห่วงกับสิ่งที่อยู่ตรงข้างหน้า ซึ่งทั้งสองอย่างมีเวลามาคั่นกลางและเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดภารกิจนี้ เพราะเวลานั้น มีค่าและจำกัดเหลือเกิน ทุกวินาทีล้วนมีความหมายต่อมนุษยชาติ ถ้าเราทุกคนสามารถคิดได้แบบนี้ เราอาจจะพบว่าเวลาที่ผ่านไป อาจไม่ได้เสียเปล่าก็เป็นได้ ถ้าว่านั่นมาจากแรงพยายามที่เรากำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ เพื่อที่จะทำให้มันสำเร็จในสักวันหนึ่ง
8. แผนลวงโลกและมวยอวกาศ
ขณะที่ทีมสำรวจกำลังสำรวจอยู่บนดาวอันไกลโพ้น แต่แล้วความจริงก็หลุดออกจากปากดร.แบรนด์คนพ่อ ที่ว่าสิ่งที่เขาทำทุกอย่างที่จะทำให้นักสำรวจเหล่านั้นกลับมาช่วยโลกนั้นเป็นเรื่องโกหก แผนเอที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้สำเร็จกลายเป็นปฏิบัติหน้าม่านซะงั้น ซึ่งปฏิบัติการจริงของเขาคือแผนบี ที่จะนำดีเอ็นเอทางพันธุกรรมไปแพร่พันธุ์ให้เกิดสิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์ดวงอื่นนั่นเอง ทำให้เกิดความช๊อคโลกขึ้นอันเนื่องมาจากดร.แบรนด์ต้องใช้เวลาปกปิดแผนการณ์ที่แท้จริงมาทั้งชีวิต ยอมให้ตัวเองโดนด่า แต่ใจของแกมีอุดมการณ์ที่จะมองอนาคตเพื่อมนุษยชาติ แต่เมิร์ฟในวัยสาวไม่ได้คิดเช่นนั้นเสียแล้ว เพราะเวลาในชีวิตของเมิร์ฟเองมันตรงกับช่วงอายุที่พ่อเธอได้จากไปแล้ว คำสัญญานั้นอาจเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆงั้นหรือ?
ขณะเดียวกันทีมนักสำรวจก็ได้ไปพบกับดร.แมน นักวิทยาศาสตร์ผู้เก่งกาจที่เคยถูกส่งออกมาสำรวจดาวมาก่อน และกำลังส่งสัญญาณต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งพบว่าสุดท้ายมันเป็นแค่กลหลอกลวงที่เขาต้องการจะมาควบคุมอำนาจที่จะทะเยอทะยานไปต่อยอดเป้าหมายของเขาเสียเอง จึงเกิดมวยอวกาศขึ้นซึ่งฉากนี้ทำได้ดีมากๆ แสดงให้เห็นถึงว่ามนุษย์อยู่ที่ไหน สันดานในตัวมนุษย์ กิเลสต่างๆ ก็ยังตามไปได้อยู่ดี สุดท้ายก็เป็นการเอาชนะกัน ซึ่งท้ายที่สุด ธรรมชาติก็จะคัดเลือกผู้ที่แข็งแกร่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นในด้านร่างกายหรือสติปัญญา ใครมีสูงกว่าผู้นั้นก็มักจะเป็นฝ่ายที่รอด
รออ่านต่อในความเห็นที่หนึ่งนะครับ ค่อนข้างยาวพอสมควรกับหนังเรื่องนี้
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! : https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans