นาทีนี้ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำอะไรที่ไหน แต่หากมีการเชื่อมต่อมอินเทอร์เน็ตก็อาจทำให้ตกเป็นเหยื่อของแฮ็คเกอร์จอมวายร้ายได้ทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จาก Kaspersky Lab นี้อาจจะทำให้บรรดานักธุรกิจหรือผู้บริหารระดับสูงที่มักต้องเดินทางไปติดต่อเจรจาและพักตามโรงแรมต่างๆ ต้องระวังมากขึ้น เมื่อมีการเปิดเผยว่า มีการโจมตีรูปแบบใหม่ที่อาศัยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของโรงแรมและทำการแทรกซึมเข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อขโมยข้อมูลหรือที่มีชื่อเรียกว่า Darkhotel
รายละเอียดเกี่ยวกับการโจรกรรมข้อมูลรูปแบบนี้ ถูกอธิบายว่า เมื่อใดก็ตามที่เหยื่อทำการเช็คอินที่โรงแรม แฮ็คเกอร์ก็จะทำการซุ่มรอจนกว่าเหยื่อจะทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi โดยใช้หมายเลขห้องและนามสกุล จากนั้นมันก็จะทำการโจมตีไปยังเครือข่ายและใช้เล่ห์เหลี่ยมในการแอบติดตั้งโปรแกรมที่ด้านหลัง ซึ่งบ่อยครั้งมันมักจะปลอมตัวเป็นตัวอัพเดทของโปรแกรมที่ได้รับความไว้ใจสูงเช่น Adobe Flash, Google Toolbar หรือ Windows Messenger
เมื่อระบบถูกควบคุมได้แล้ว มันก็จะทำการดาวน์โหลดเครื่องมือระดับสูงสำหรับการขโมยข้อมูลต่างๆ เช่นลายเซ็นดิจิตอล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ รหัสผ่านและข้อมูลส่วน และหลังจากที่จัดการเรียบร้อย แฮ็คเกอร์ก็จะทำการลบเครื่องมือดังกล่าวออกจากเครือข่ายของโรงแรมและกลับไปซ่อนตัวดังเดิม
Kaspersky Lab เผยว่า วิธีการโจมตีแบบ Darkhotel เกิดขึ้นมาเป็นเวลาอย่างน้อยสี่ปีแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานว่า มีโรงแรมใดบ้างที่ถูกโจมตี แต่ส่วนใหญ่การละเมิดมักจะเกิดขึ้นในจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ และไต้หวัน
ที่มา TechSpot
Kaspersky Lab เผย เชื่อมต่อ Wi-Fi ที่โรงแรมอาจโดนแฮ็คข้อมูลได้
นาทีนี้ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำอะไรที่ไหน แต่หากมีการเชื่อมต่อมอินเทอร์เน็ตก็อาจทำให้ตกเป็นเหยื่อของแฮ็คเกอร์จอมวายร้ายได้ทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จาก Kaspersky Lab นี้อาจจะทำให้บรรดานักธุรกิจหรือผู้บริหารระดับสูงที่มักต้องเดินทางไปติดต่อเจรจาและพักตามโรงแรมต่างๆ ต้องระวังมากขึ้น เมื่อมีการเปิดเผยว่า มีการโจมตีรูปแบบใหม่ที่อาศัยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของโรงแรมและทำการแทรกซึมเข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อขโมยข้อมูลหรือที่มีชื่อเรียกว่า Darkhotel
รายละเอียดเกี่ยวกับการโจรกรรมข้อมูลรูปแบบนี้ ถูกอธิบายว่า เมื่อใดก็ตามที่เหยื่อทำการเช็คอินที่โรงแรม แฮ็คเกอร์ก็จะทำการซุ่มรอจนกว่าเหยื่อจะทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi โดยใช้หมายเลขห้องและนามสกุล จากนั้นมันก็จะทำการโจมตีไปยังเครือข่ายและใช้เล่ห์เหลี่ยมในการแอบติดตั้งโปรแกรมที่ด้านหลัง ซึ่งบ่อยครั้งมันมักจะปลอมตัวเป็นตัวอัพเดทของโปรแกรมที่ได้รับความไว้ใจสูงเช่น Adobe Flash, Google Toolbar หรือ Windows Messenger
เมื่อระบบถูกควบคุมได้แล้ว มันก็จะทำการดาวน์โหลดเครื่องมือระดับสูงสำหรับการขโมยข้อมูลต่างๆ เช่นลายเซ็นดิจิตอล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ รหัสผ่านและข้อมูลส่วน และหลังจากที่จัดการเรียบร้อย แฮ็คเกอร์ก็จะทำการลบเครื่องมือดังกล่าวออกจากเครือข่ายของโรงแรมและกลับไปซ่อนตัวดังเดิม
Kaspersky Lab เผยว่า วิธีการโจมตีแบบ Darkhotel เกิดขึ้นมาเป็นเวลาอย่างน้อยสี่ปีแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานว่า มีโรงแรมใดบ้างที่ถูกโจมตี แต่ส่วนใหญ่การละเมิดมักจะเกิดขึ้นในจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ และไต้หวัน
ที่มา TechSpot