ข่าวการขายทีมเอสซีจี เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด จากบี บางปะกง แฟนพันธุ์แท้ทีมเมืองทองฯ

บอลถ้วยรายการสุดท้ายของฤดูกาล 2014 ศึก “น็อคเอาท์” ไทยคม เอฟเอคัพ  ปิดท้ายนัดชิงชนะเลิศกันไปแล้ว ด้วยความสำเร็จของขุนพล “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่เฉือนชนะ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี หวุดหวิด 1-0

          คว้าแชมป์แรกของสโมสรนับตั้งแต่แปลงกายจาก “นกวายุภักษ์” ธนาคารกรุงไทย กลายมาเป็น “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส ตั้งแต่ปี 2009

          นับเป็นการสิ้นสุดการรอคอย 6  ปีเต็ม ของพลพรรคนักเตะ บีจี ที่ีมีแต่ความว่างเปล่า ไร้ถ้วยแชมป์ใดๆมาประดับสโมสรทั้งที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน “บิ๊กทีม”ของเมืองไทย ที่ลงทุนมหาศาลบานตะเกียง แต่มักลงเอยด้วยความผิดหวังมันซะทุกปี

         ก็หวังว่าการประเดิมแชมป์ เอฟเอคัพ ของทีมกระต่ายแก้วในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทาง “ความยิ่งใหญ่” ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นมหาอำนาจลูกหนังเมืองไทย เทียบเคียง บุรีรัมย์ ชลบุรี  เมืองทอง และ บีอีซีเทโร อย่างเต็มภาคภูมิ

         ส่วนทีมที่ชีช้ำกะหล่ำปลีที่สุดในซีซั่นนี้ ก็คงหนีไม่พ้น ชลบุรี เอฟซี ที่คว้าตำแหน่ง ซึ่งไม่มีใครปราถนาอยากจะครอง นั่นก็คือ “ดับเบิลรองแชมป์”  ทั้งไทยพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ

          ทำให้ทุกอย่างต้องกลับมารีสตาร์ท เริ่มต้นกันใหม่ ในปีหน้า หลังจากกุนซือซามูไร มาซาฮิโร่ วาดะ กับ “โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ ตัดสินใจอำลาทีม เพื่อรับผิดชอบ “ความผิดหวัง”ที่เกิดขึ้นกับกองเชียร์ฉลาม

        อย่างไรก็ตามด้วยความเป็น “มืออาชีพ”ของทีมงาน ชลบุรี ผมเชื่อว่าพวกเขาไม่น่าจมอยู่กับความอกหักนาน

         เพราะด้วยประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน จะทำให้แข้งฉลาม“แกร่ง”ขึ้น และพร้อมจะกลับมาทวงบัลลังค์ความยิ่งใหญ่ในลีกไทยได้อีกคำรบแน่

         เอาเป็นว่าชลบุรี ผมไม่ห่วงหรอกครับ แต่ที่น่าห่วงตอนนี้ผมว่าเป็นทีม “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด มากกว่า เพราะฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นอะไรที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลยสำหรับสาวกกิเลน

         ส่วนอนาคตของทีม ตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะกระแสข่าวค่อนข้างหนาหูเหลือเกินเรื่องของการ “ขายทีม” เปลี่ยนเจ้าของใหม่

         ซึ่งตรงนี้ขอยืนยันว่า เป็นเรื่อง “จริง” เหมือนกับพี่ผมได้พูดบอกไปในรายการ “สายเลือดบอลไทย”เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา

         นี่เป็นการตัดสินใจของบิ๊กบอสใหญ่สยามกีฬา “เสี่ยระวิ โหลทอง” ที่ก็น่าจะโดนบอร์ดสยามสปอร์ตกดดันมาอีกที

         หลังจากที่ผ่านมาทำธุรกิจฟุตบอลแบบ“เข้าเนื้อ” นอกจากไม่มีกำไรแล้ว ตัวเลขในแต่ละปียังติดลบ “ตัวแดง”มาโดยตลอด

        ที่สำคัญ “เปลืองเนื้อ เปลืองตัว” ยิ่งทำ ยิ่งมีศัตรูเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาพลักษ์ และชื่อเสียงของสยามสปอร์ตโดยตรง และยังส่งผลต่อกิจการของบริษัทในเครืออีกต่างหาก

         สู้ขายทีมออกไป แล้วถอยฉากมาลุยงาน“สื่อ”ที่เป็นเรื่องถนัดแบบเต็มๆดีกว่า

         หรือไม่ก็หันไปเป็นกองหนุนช่วย “ทีมชาติไทย” ให้กลับมาประสบความสำเร็จเป็น “เบอร์ 1”ของอาเซียน และก้าวไปยืนแถวหน้าของทวีปเอเชีย ซึ่งมองแล้วน่าจะเวิร์คกว่ากันเยอะ

          อย่างไรก็ตามบทสรุปของทีมกิเลนผยอง ว่าจะถูกขายให้นายทุนเจ้าไหน เป็นไทยหรือต่างชาติ ก็คงต้องติดตามข่าวกันต่อไป

         ล่าสุดเห็นว่ามี 4 ราย ที่ติดต่อเจรจาขอซื้อทีมอย่างจริงจัง แต่ที่มีภาษีหน่อยก็เห็นจะเป็น นักการเมืองคนดังแถวบางมด ที่เป็นเจ้าของสโมสรใน ดิวิชั่น1 ที่หวุดหวิดจะขึ้นชั้นไทยลีกมาตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

           การเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นนิรันดร์ครับ แฟนๆเมืองทอง ก็อย่าเพิ่งตกอกตกใจ

           เรามีหน้าที่เชียร์ ก็เชียร์กันไป อนาคตถึงจะเปลี่ยนเจ้าของทีมใหม่

          ยังไงเรากองเชียร์กิเลนพันธ์แท้ ก็ต้องเชียร์กันต่ออยู่แล้ว  !!!  


                                                                                                               บี บางปะกง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ก็ถ้าตามนี้ ก็จะเป็นคุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ประธานบางกอกเอฟซีคนปัจจุบันจะมาซื้อทีมนี้จากสยองกาลี (หุ้นของสโมสรเมืองทอง 70% อยู่ในมือตระกูลโหลทอง + พี่เป้ ไฮร็อค + ผู้บริหารสยองกาลีคนอื่น ที่เหลืออีก 30% เป็นของ SCG ส่วนที่จะซื้อกันคือ 70% ส่วนของ SCG ไม่ได้แตะต้อง) เปลี่ยนไส้ใน นอกนั้นไม่เปลี่ยน คงไม่ย้ายมาบางมดด้วยเพราะชื่อเมืองทองและทำเลมันขายได้แล้ว (ถ้ากลายเป็น SCG บางมด ยูไนเต็ด คงแปลกพิกล) แล้วทีมบางกอกใน D1 ตอนนี้จะเป็นยังไงก็คงจับตาดูกันต่อไปอีกที ส่วนดีลนี้ ราคาหุ้นของสโมสรเมืองทองฯ ที่ SCG ถือไว้ 30% คือ 100 ล้านบาท 70% ของส่วนสยองกาลีก็สองร้อยกว่าล้าน แต่ไม่รู้ว่างานนี้จะซื้อกันเกินราคานั้นหรือเปล่า

http://www.ballthaifc.com/view.php?id=9489

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่