ในเมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ งั้งมันก็คือธรรมชาติ
ผมอาจจะไม่เก่งเรื่องพระธรรม หรือ บทสวดมนต์ต่างๆ(เพราะผมไม่สวดมนต์) และไม่ได้ต้องการนิพพานอะไร
แต่ผมศึกษาว่า
ธรรมมะคืออะไร
เท่าที่ผมรู้ธรรมะคือ การรู้ตัวเรา เพราะเราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
แล้วผมก็เจอในพระไตรปิฎกเรื่อง
กาลามสูตร10 เรื่อง อย่าเชื่อ
ซึ่งหลักๆของธรรมะในเรื่องนี้ คือการให้เชื่อในตัวเราจากการทดลอง และเข้าใจเหตุผล (ผมว่ามันคือสัจธรรม ความจริงแท้)
ผู้คนมองออกไปนอกโลกได้ไกลแสนไกล แต่มองเข้ามาในกายเราได้แค่เม็ดเซล(ใช้ตามอง)
แล้วในจิตของเรา สิ่งเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
ทำไมหลายๆคนยังจะต้องไปแสวงหาสิ่งยึดเหนียวจิตรใจ จากข้างนอกอีก (ไปเชื่อคำคำอื่น ไปเชื่อผู้ถือศีล หรือแม้ไปเชื่อพระ)
*ผมแค่อยากบอกอะไรให้สังคมรับรู้
**ในเมื่อสังคมสมัยนี้มันแย่ลงจนต้องไปหาที่พึ่งทางอื่นจนแย่ลงไปอีก(ไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
***บางคนอาจจะคิดว่า แล้วผมเชื่อคำสอนหรือข้อมูลคนอื่นได้ไงถ้าผมไม่เชื่อคนอื่น
****ผมใช้ความธรรมชาติในการตัดสินมันออกมา
*****ไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรือเชื่อผม
******คุณเท่านั้นที่บอกตัวคุณได้
ถ้า ธรรมะ=ธรรมชาติ แล้วทำไมต้องเชื่อคนอื่น
ผมอาจจะไม่เก่งเรื่องพระธรรม หรือ บทสวดมนต์ต่างๆ(เพราะผมไม่สวดมนต์) และไม่ได้ต้องการนิพพานอะไร
แต่ผมศึกษาว่า ธรรมมะคืออะไร
เท่าที่ผมรู้ธรรมะคือ การรู้ตัวเรา เพราะเราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
แล้วผมก็เจอในพระไตรปิฎกเรื่อง กาลามสูตร10 เรื่อง อย่าเชื่อ
ซึ่งหลักๆของธรรมะในเรื่องนี้ คือการให้เชื่อในตัวเราจากการทดลอง และเข้าใจเหตุผล (ผมว่ามันคือสัจธรรม ความจริงแท้)
ผู้คนมองออกไปนอกโลกได้ไกลแสนไกล แต่มองเข้ามาในกายเราได้แค่เม็ดเซล(ใช้ตามอง)
แล้วในจิตของเรา สิ่งเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
ทำไมหลายๆคนยังจะต้องไปแสวงหาสิ่งยึดเหนียวจิตรใจ จากข้างนอกอีก (ไปเชื่อคำคำอื่น ไปเชื่อผู้ถือศีล หรือแม้ไปเชื่อพระ)
*ผมแค่อยากบอกอะไรให้สังคมรับรู้
**ในเมื่อสังคมสมัยนี้มันแย่ลงจนต้องไปหาที่พึ่งทางอื่นจนแย่ลงไปอีก(ไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
***บางคนอาจจะคิดว่า แล้วผมเชื่อคำสอนหรือข้อมูลคนอื่นได้ไงถ้าผมไม่เชื่อคนอื่น
****ผมใช้ความธรรมชาติในการตัดสินมันออกมา
*****ไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรือเชื่อผม
******คุณเท่านั้นที่บอกตัวคุณได้