สวัสดีครับเพื่อน ๆ … ปลายฝนแบบนี้คนชอบถ่ายภาพแบบผมก็มักจะมีอาการคันไม้คันมือ เพราะไม่ค่อยมีโอกาสนำกล้องออกมาตากแดดรับวิตามันดีเลย เก็บไว้ในตู้นาน ๆ กลัวเหมือนกันว่าจะได้เลนส์ soft มาใช้โดยมิได้ตั้งใจ หุหุ … งานนี้เลยเกิดปฏิบัติการหาจุดหมายเพื่อดำรงไว้ซึ่งคุณภาพของอุปกรณ์ถ่ายภาพ (ว่าไปนั่น … ที่จริงก็หาเรื่องเที่ยวนั่นแหละ อิอิ) …
ไอ้ผมก็เป็นชาวเกาะแถมเพิ่งมีทริปเล็ก ๆ ไปกระบี่เมื่อสองเดือนที่แล้ว งานนี้เลยมองหาจุดหมายที่เป็นป่าเป็นเขาบ้าง แต่ที่สำคัญต้องเดินทางสะดวกหน่อยเพราะวันหยุดวันลาแทบไม่เหลือแล้ว ขืนลามากเกินเจ้านายอาจให้ลาออกไปรู้แล้วรู้รอด … สุดท้ายก็เลยเลือกเชียงใหม่เพราะคุ้นเคยที่สุด แถมเดินทางจากภูเก็ตค่อนข้างสะดวกเพราะมีสายการบินให้บริการเยอะแยะ แต่เนื่องจากตัดสินใจกระชั้นชิดไปหน่อย ตั๋วของบางสายการบินราคาสูงปรี๊ด ทริปนี้จึงตกลงปลงใจกับ Nok Air เพราะราคาไม่แรงและไม่ต้องพะวงเรื่องกระเป๋ากับอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ผมจะต้องแวะไปรับเพิ่มเติมที่กรุงเทพฯ ด้วย อิอิ …
ทริปถ่ายภาพครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งใด ๆ คือจะเอากล้อง DSLR ไป 2 ตัวคือ Nikon D7000 ของตัวเองกับ D610 ที่หยิบยืมมาเพื่อเปรียบเทียบว่า DX format กับ FX full frame มันให้ความรู้สึกในการถ่ายภาพและผลงานแตกต่างกันขนาดไหน (ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขยับไป Full frame ดีหรือไม่) แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คืองานนี้ได้แบกอุปกรณ์กันหลังอานชัวร์ เพราะนอกจากกล้อง 2 ตัวแล้วยังมีเลนส์อีก 5 ตัว ไปรอบนี้เข้าใจเลยว่าช่างภาพอาชีพเขาอึดขนาดไหนตอนแบกอุปกรณ์ระดับโปรไปท่องเที่ยว … เอิ๊ก
สำหรับการเตรียมตัวนั้น ผมลอง search หาข้อมูลดู กลางฤดูฝนแบบนี้มีแต่คนพูดถึง “นาขั้นบันได” ที่อำเภอ “แม่แจ่ม” ซึ่งผมเองยังไม่เคยไป และช่วงนี้น่าจะกำลังเขียวขจีสวยงามทีเดียว … ทริปนี้จึงถูกวางแผนว่าจะใช้เวลา 3 คืน 4 วัน โดยพักในเมืองเชียงใหม่ที่ “Dusit D2” คืนแรกกับคืนสุดท้ายเพื่อเที่ยว Night bazaar กับถนนคนเดิน ส่วนคืนที่สองพักที่ “เฮือนแรม แจ่มเมือง” ในตัวอำเภอแม่แจ่ม … สำหรับการเดินทางใช้วิธีการขับรถเองเหมือนทุกทริปที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ใช้รถของ Thai Rent A Car ซึ่งมีเคาร์เตอร์บริการในสนามบินเชียงใหม่เลย …
เนื่องจากเวลากระชั้นชิดและงานเต็มไม้เต็มมือทำให้ข้อมูลที่เตรียมไปสำหรับทริปนี้ค่อนข้างหยาบมาก เมื่อไปถึงจริง ๆ ก็เลยมีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นมากมาย … ตามไปดูกันเลยครับว่ากว่าจะได้สัมผัสนาขั้นบันได ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
[SR] ไปดูกัน … มีอะไรที่นาขั้นบันได ทำไมคนถึงดั้นด้นไปกันไม่ขาดสาย
ไอ้ผมก็เป็นชาวเกาะแถมเพิ่งมีทริปเล็ก ๆ ไปกระบี่เมื่อสองเดือนที่แล้ว งานนี้เลยมองหาจุดหมายที่เป็นป่าเป็นเขาบ้าง แต่ที่สำคัญต้องเดินทางสะดวกหน่อยเพราะวันหยุดวันลาแทบไม่เหลือแล้ว ขืนลามากเกินเจ้านายอาจให้ลาออกไปรู้แล้วรู้รอด … สุดท้ายก็เลยเลือกเชียงใหม่เพราะคุ้นเคยที่สุด แถมเดินทางจากภูเก็ตค่อนข้างสะดวกเพราะมีสายการบินให้บริการเยอะแยะ แต่เนื่องจากตัดสินใจกระชั้นชิดไปหน่อย ตั๋วของบางสายการบินราคาสูงปรี๊ด ทริปนี้จึงตกลงปลงใจกับ Nok Air เพราะราคาไม่แรงและไม่ต้องพะวงเรื่องกระเป๋ากับอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ผมจะต้องแวะไปรับเพิ่มเติมที่กรุงเทพฯ ด้วย อิอิ …
ทริปถ่ายภาพครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งใด ๆ คือจะเอากล้อง DSLR ไป 2 ตัวคือ Nikon D7000 ของตัวเองกับ D610 ที่หยิบยืมมาเพื่อเปรียบเทียบว่า DX format กับ FX full frame มันให้ความรู้สึกในการถ่ายภาพและผลงานแตกต่างกันขนาดไหน (ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขยับไป Full frame ดีหรือไม่) แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คืองานนี้ได้แบกอุปกรณ์กันหลังอานชัวร์ เพราะนอกจากกล้อง 2 ตัวแล้วยังมีเลนส์อีก 5 ตัว ไปรอบนี้เข้าใจเลยว่าช่างภาพอาชีพเขาอึดขนาดไหนตอนแบกอุปกรณ์ระดับโปรไปท่องเที่ยว … เอิ๊ก
สำหรับการเตรียมตัวนั้น ผมลอง search หาข้อมูลดู กลางฤดูฝนแบบนี้มีแต่คนพูดถึง “นาขั้นบันได” ที่อำเภอ “แม่แจ่ม” ซึ่งผมเองยังไม่เคยไป และช่วงนี้น่าจะกำลังเขียวขจีสวยงามทีเดียว … ทริปนี้จึงถูกวางแผนว่าจะใช้เวลา 3 คืน 4 วัน โดยพักในเมืองเชียงใหม่ที่ “Dusit D2” คืนแรกกับคืนสุดท้ายเพื่อเที่ยว Night bazaar กับถนนคนเดิน ส่วนคืนที่สองพักที่ “เฮือนแรม แจ่มเมือง” ในตัวอำเภอแม่แจ่ม … สำหรับการเดินทางใช้วิธีการขับรถเองเหมือนทุกทริปที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ใช้รถของ Thai Rent A Car ซึ่งมีเคาร์เตอร์บริการในสนามบินเชียงใหม่เลย …
เนื่องจากเวลากระชั้นชิดและงานเต็มไม้เต็มมือทำให้ข้อมูลที่เตรียมไปสำหรับทริปนี้ค่อนข้างหยาบมาก เมื่อไปถึงจริง ๆ ก็เลยมีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นมากมาย … ตามไปดูกันเลยครับว่ากว่าจะได้สัมผัสนาขั้นบันได ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง