เรื่องที่เราจะแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน ขอออกตัวก่อนนะคะว่าเป็นเรื่องของเพื่อนสนิทเรา เค้าเป็นทหารประจำอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เราอยากมาแชร์เพราะช่วงนี้ห้องชานเรือนของเรา มีสาวๆกำลังฟินกับกระทู้ของเจ้บ๊องแบ๊วกะพี่สุดหล่ออยู่ และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่แอบฟินด้วย อิอิ เราก็เลยอยากให้เพื่อนๆได้อ่านอีกมุมหนึ่งของศรีภรรยา และหนุ่มในเครื่องแบบที่มีความเสียสละเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินเกิดบ้างนะคะว่า พวกเค้าหล่านั้นที่สาวๆฝันว่าอยากลอดซุ้มกระบี่ด้วยนั้น ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
เรามีเพื่อนสนิททั้งผู้หญิงและผู้ชายที่โตในครอบครัวทหาร และหนึ่งในเพื่อนผู้ชายของเราคนนึง ก็เป็นทหารตามคุณพ่อของเค้านะคะ ตอนนี้เพื่อนเราประจำอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่งงานมา 5 ปี มีลูกชาย 1 คน เพื่อนเราไม่ได้อยู่กับครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตามากว่า 5 ปีตั้งแต่ไประจำอยู่ที่ภาคใต้แล้วค่ะ ส่วนภรรยาของเพื่อนเราเป็นพยาบาลประจำอยู่ที่กาญจนบุรี
ตอนที่ภรรยาเค้าท้อง ตัวเค้าเองประจำอยู่ที่ทางใต้ตลอด จะลา จะป่วยก็ไม่ได้ เพราะสถานการณ์ภาคใต้แย่มาก เพื่อน รุ่นพี่มีทั้งเจ็บทั้งตาย ในช่วงที่ภรรยาท้องก็ต้องใช้วิธีการคุยทางโทรศัพท์ แล้วถ้าอยากจะคุยกับลูก ก็ให้ภรรยาเอาโทรศัพท์แนบท้องแล้วคุยกับลูก แต่ก็ทำไม่ได้บ่อยนะคะ เพราะไม่มีเวลาเลย เรียกว่านับครั้งจะดีกว่านะคะ จนกระท่งภรรยาคลอดลูก ก็ยังไม่ได้มาดูหน้าตาลูกชายคนแรกเลยว่าเป็นยังไง ซึ่งจริงๆแล้วเค้าบอกว่า ก็ลาไว้ล่วงหน้าแล้วแต่สุดท้ายก็มาไม่ได้ กว่าที่เพื่อนเราจะมาเจอหน้าลูกครั้งแรก ลูกชายก็เกือบ 1 ขวบแล้ว แต่ในระหว่างนั้นก็มีคุยโทรศัพท์บ้างนะคะแต่ไม่บ่อย
เพื่อนเราเล่าว่า วันที่เค้ามาหาลูกครั้งแรก เค้าขออุ้มลูกจากภรรยาลูกชายจ้องหน้าพ่อแบบงงๆ แล้วแสดงสีหน้าแบบประมาณว่า ใครมาอุ้มกรูฟร่ะ จากนั้นก็เบะปาก แล้วร้องลั่นบ้านแทบแตก เพื่อนเรารีบคืนลูกให้ภรรยาเค้าไปอุ้มต่อแทบไม่ทัน เพราะตกใจเสียงลูกร้องไห้ หลังจากนั้นก็ไม่ยอมให้อุ้มหรือแม้กระทั่งแตะตัวอีกเลย ลูกหนีตลอด ตอนที่เค้าโทรมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเราก็เล่าให้เราฟัง เราอึ้งมาก รู้เลยว่าเพื่อนเราเสียใจขนาดไหนที่อุ้มลูกครั้งแรกแล้วลูกร้องไห้ปานจะขาดใจตายต่อหน้า เค้าบอกเราว่า เค้าคิดถึงลูกมาก อยากอุ้ม อยากหอมใจแทบขาด ก็ทำไม่ได้เพราะลูกกลัว ร้องไห้ตลอด
วิธีแก้ปัญหาของเพื่อนและภรรยาเค้า ก็คือ เพื่อนเราทิ้งเสื้อเอาไว้ 2-3 ตัว เอาไว้ให้ลูกได้กลิ่นและเอาไว้ข้างที่นอนหรือห่มให้ลูกค่ะ เพื่อให้ลูกได้คุ้นกลิ่นพ่อบ้าง เรายังแซวเพื่อนเราว่าไม่ใช่ให้แค่ลูกดมมั้ง คงทิ้งกลิ่นเผื่อให้คุณภรรยาด้วยล่ะสิ 555 ตอนเพื่อนเราเล่าให้เราฟังมันก็ขำนะคะ แต่เรารู้ว่า จริงๆแล้วมันเองคงเสียใจอยู่ลึกๆอ่ะ ที่ไม่ได้ดูแลลูกเมียเลย แต่ภรรยาเพื่อนเราเค้าเข้าใจอาชีพของเพื่อนเรานะ ไม่บ่น ไม่งอแง ไม่ว่าสักคำ เวลาเพื่อนเราไปหาตามที่บอกไว้ ภรรยาเพื่อนเราจะพูดแค่ว่า ไม่เป็นไรค่ะ ได้ค่ะ โอเคค่ะ ตามนั้นค่ะ เราเคยถามตรงๆภรรยาเพื่อนเราว่า ถ้าวันนึงเพื่อนเราเป็นอะไร เค้าจะทำยังไง รู้สึกยังไง ภรรยาเค้าตอบเราแบบกรูต้องอึ้งอ่ะ ว่า "เค้าภูมิใจในตัวสามีและอาชีพของสามีเค้ามาก ถึงแม้ว่าอาชีพทหารจะทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่หัวใจของสามีเค้าก็อยู่กับลูกกับเมียตลอด ในฐานะที่เป็นคนหลังบ้านต้องเข้มแข็ง อดทน ให้ได้อย่างสามี อย่าทำให้สามีต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะถ้าทำให้เค้าเป็นห่วงหรือกังวล มันอาจส่งผลต่อภารกิจที่ได้รับ นั่นหมายถึง ชีวิตและความปลอดภัยของสามี แม้ว่าวันนึงเค้าอาจจะต้องเสียชีวิตในภารกิจ เค้าก็พร้อมที่จะเข้าใจและยอมรับกับการสูญเสียนั้นอย่างเต็มใจ เพราะเค้าเลือกแล้วที่จะมีสามีเป็นทหารรับใช้ชาติและแผ่นดิน" แล้วตอนที่ภรรยาเค้าบอกเรานะ แววตาเค้าเต็มไปด้วยความสุข อิ่มใจ ภูมิใจมากจนคนถามอย่างเรารู้สึกได้ว่า เค้าตอบออกมาจากใจจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง เราเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนเราฟัง มันบอกว่า มันดีใจที่เลือกคู่ชีวิตไม่ผิด เราก็แบบดีใจแทนเพื่อนที่ได้ผู้หญิงดี ๆ มาเป็นคู่ครองเป็นแม่ของลูกอ่ะ
เราพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า นี่ขนาดเราเป็นแค่เพื่อนไม่ใช่เมียมัน เรายังภูมิใจในตัวเพื่อนเราเลย ทุกครั้งที่ได้คุยกันก็ดีใจที่มันยังมีชีวิตอยู่ และปฏิบัติภารกิจสำเร็จ ทุกวันนี้ก็ห่วงเพื่อนเรานะว่า ไปอยู่ทางใต้เป็นไงบ้างว่ะ เราก็ภาวนาขอให้ทุกคนในพื้นที่ปลอดภัยไม่ใช่แต่เฉพาะเพื่อนเรานะ เวลาที่มันแวะมาหาลูกเมีย แล้วโทรหาเรา เราก็ดีใจที่ได้ยินเสียงมัน ซึ่งนานทีสองปีหนถึงจะได้คุยกับมัน แล้วเราก็แซวว่า ดีแล้วที่โทรมา ไม่ได้มาเข้าฝัน กรูอยากได้ยินเสียง

ทางโทรศัพท์มากกว่ามาเป็นแบบอื่น เพื่อนเรายังล้อว่า แล้วถ้ากรูมาเข้าฝันหรือมาหา

จะกลัวมั้ย เราบอกว่า ไม่กลัวหรอก กรูจะเอาแป้งโรยตัว

แล้วขูดขอหวยซะเลย 5555
จำไว้นะคะ สาว ๆ ถ้าอยากเป็นคนหลังบ้านให้เหล่าทหาร ตำรวจ ต้องเข้มแข็ง เสียสละ อดทน ให้กำลังใจ อย่าทำให้เค้าเป็นห่วง เข้าใจเค้าให้มากกกกกกกกกกกกกถึงมากที่สุด แล้วก็ต้องซื่อสัตย์ด้วยนะคะ เพราะขณะที่เค้าปฏิบัติภารกิจต้องใช้สมาธิ มีความกดดันสูง เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ในชั่วขณะหนึ่งที่เค้าหมดแรงใจที่จะสู้กับศัตรูสิ่งที่เค้าจะนึกถึงขึ้นมาเพื่อเป็นแรงฮึดและให้มีชีวิตรอดกลับไปคือ พ่อแม่ และลูกเมีย อันนี้เอาที่เพื่อนบอกมานะคะ เพราะเพื่อนเคยไปประจำอยู่ที่ติมอร์ด้วยค่ะ
เรายกตัวอย่างเคสที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตรายนะคะ โหดกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงกว่ามากกกกกก คิดดูว่าต้องอดทนขนาดไหน เราอยากให้สาวๆที่อยากมีแฟนในเครื่องแบบไม่ว่าจะเหล่าไหนก็ตาม อย่าเพ้อเฉพาะเครื่องแบบที่เค้าสวมใส่นะคะ เพราะมันมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องเสียสละรอสาวๆ อยู่ด้วยจ้าาาา
ขอแชร์เรื่องของศรีภรรยาของหนุ่มในเครื่องแบบอีกมุมหนึ่งค่ะ
เรามีเพื่อนสนิททั้งผู้หญิงและผู้ชายที่โตในครอบครัวทหาร และหนึ่งในเพื่อนผู้ชายของเราคนนึง ก็เป็นทหารตามคุณพ่อของเค้านะคะ ตอนนี้เพื่อนเราประจำอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่งงานมา 5 ปี มีลูกชาย 1 คน เพื่อนเราไม่ได้อยู่กับครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตามากว่า 5 ปีตั้งแต่ไประจำอยู่ที่ภาคใต้แล้วค่ะ ส่วนภรรยาของเพื่อนเราเป็นพยาบาลประจำอยู่ที่กาญจนบุรี
ตอนที่ภรรยาเค้าท้อง ตัวเค้าเองประจำอยู่ที่ทางใต้ตลอด จะลา จะป่วยก็ไม่ได้ เพราะสถานการณ์ภาคใต้แย่มาก เพื่อน รุ่นพี่มีทั้งเจ็บทั้งตาย ในช่วงที่ภรรยาท้องก็ต้องใช้วิธีการคุยทางโทรศัพท์ แล้วถ้าอยากจะคุยกับลูก ก็ให้ภรรยาเอาโทรศัพท์แนบท้องแล้วคุยกับลูก แต่ก็ทำไม่ได้บ่อยนะคะ เพราะไม่มีเวลาเลย เรียกว่านับครั้งจะดีกว่านะคะ จนกระท่งภรรยาคลอดลูก ก็ยังไม่ได้มาดูหน้าตาลูกชายคนแรกเลยว่าเป็นยังไง ซึ่งจริงๆแล้วเค้าบอกว่า ก็ลาไว้ล่วงหน้าแล้วแต่สุดท้ายก็มาไม่ได้ กว่าที่เพื่อนเราจะมาเจอหน้าลูกครั้งแรก ลูกชายก็เกือบ 1 ขวบแล้ว แต่ในระหว่างนั้นก็มีคุยโทรศัพท์บ้างนะคะแต่ไม่บ่อย
เพื่อนเราเล่าว่า วันที่เค้ามาหาลูกครั้งแรก เค้าขออุ้มลูกจากภรรยาลูกชายจ้องหน้าพ่อแบบงงๆ แล้วแสดงสีหน้าแบบประมาณว่า ใครมาอุ้มกรูฟร่ะ จากนั้นก็เบะปาก แล้วร้องลั่นบ้านแทบแตก เพื่อนเรารีบคืนลูกให้ภรรยาเค้าไปอุ้มต่อแทบไม่ทัน เพราะตกใจเสียงลูกร้องไห้ หลังจากนั้นก็ไม่ยอมให้อุ้มหรือแม้กระทั่งแตะตัวอีกเลย ลูกหนีตลอด ตอนที่เค้าโทรมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเราก็เล่าให้เราฟัง เราอึ้งมาก รู้เลยว่าเพื่อนเราเสียใจขนาดไหนที่อุ้มลูกครั้งแรกแล้วลูกร้องไห้ปานจะขาดใจตายต่อหน้า เค้าบอกเราว่า เค้าคิดถึงลูกมาก อยากอุ้ม อยากหอมใจแทบขาด ก็ทำไม่ได้เพราะลูกกลัว ร้องไห้ตลอด
วิธีแก้ปัญหาของเพื่อนและภรรยาเค้า ก็คือ เพื่อนเราทิ้งเสื้อเอาไว้ 2-3 ตัว เอาไว้ให้ลูกได้กลิ่นและเอาไว้ข้างที่นอนหรือห่มให้ลูกค่ะ เพื่อให้ลูกได้คุ้นกลิ่นพ่อบ้าง เรายังแซวเพื่อนเราว่าไม่ใช่ให้แค่ลูกดมมั้ง คงทิ้งกลิ่นเผื่อให้คุณภรรยาด้วยล่ะสิ 555 ตอนเพื่อนเราเล่าให้เราฟังมันก็ขำนะคะ แต่เรารู้ว่า จริงๆแล้วมันเองคงเสียใจอยู่ลึกๆอ่ะ ที่ไม่ได้ดูแลลูกเมียเลย แต่ภรรยาเพื่อนเราเค้าเข้าใจอาชีพของเพื่อนเรานะ ไม่บ่น ไม่งอแง ไม่ว่าสักคำ เวลาเพื่อนเราไปหาตามที่บอกไว้ ภรรยาเพื่อนเราจะพูดแค่ว่า ไม่เป็นไรค่ะ ได้ค่ะ โอเคค่ะ ตามนั้นค่ะ เราเคยถามตรงๆภรรยาเพื่อนเราว่า ถ้าวันนึงเพื่อนเราเป็นอะไร เค้าจะทำยังไง รู้สึกยังไง ภรรยาเค้าตอบเราแบบกรูต้องอึ้งอ่ะ ว่า "เค้าภูมิใจในตัวสามีและอาชีพของสามีเค้ามาก ถึงแม้ว่าอาชีพทหารจะทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่หัวใจของสามีเค้าก็อยู่กับลูกกับเมียตลอด ในฐานะที่เป็นคนหลังบ้านต้องเข้มแข็ง อดทน ให้ได้อย่างสามี อย่าทำให้สามีต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะถ้าทำให้เค้าเป็นห่วงหรือกังวล มันอาจส่งผลต่อภารกิจที่ได้รับ นั่นหมายถึง ชีวิตและความปลอดภัยของสามี แม้ว่าวันนึงเค้าอาจจะต้องเสียชีวิตในภารกิจ เค้าก็พร้อมที่จะเข้าใจและยอมรับกับการสูญเสียนั้นอย่างเต็มใจ เพราะเค้าเลือกแล้วที่จะมีสามีเป็นทหารรับใช้ชาติและแผ่นดิน" แล้วตอนที่ภรรยาเค้าบอกเรานะ แววตาเค้าเต็มไปด้วยความสุข อิ่มใจ ภูมิใจมากจนคนถามอย่างเรารู้สึกได้ว่า เค้าตอบออกมาจากใจจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง เราเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนเราฟัง มันบอกว่า มันดีใจที่เลือกคู่ชีวิตไม่ผิด เราก็แบบดีใจแทนเพื่อนที่ได้ผู้หญิงดี ๆ มาเป็นคู่ครองเป็นแม่ของลูกอ่ะ
เราพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า นี่ขนาดเราเป็นแค่เพื่อนไม่ใช่เมียมัน เรายังภูมิใจในตัวเพื่อนเราเลย ทุกครั้งที่ได้คุยกันก็ดีใจที่มันยังมีชีวิตอยู่ และปฏิบัติภารกิจสำเร็จ ทุกวันนี้ก็ห่วงเพื่อนเรานะว่า ไปอยู่ทางใต้เป็นไงบ้างว่ะ เราก็ภาวนาขอให้ทุกคนในพื้นที่ปลอดภัยไม่ใช่แต่เฉพาะเพื่อนเรานะ เวลาที่มันแวะมาหาลูกเมีย แล้วโทรหาเรา เราก็ดีใจที่ได้ยินเสียงมัน ซึ่งนานทีสองปีหนถึงจะได้คุยกับมัน แล้วเราก็แซวว่า ดีแล้วที่โทรมา ไม่ได้มาเข้าฝัน กรูอยากได้ยินเสียง
จำไว้นะคะ สาว ๆ ถ้าอยากเป็นคนหลังบ้านให้เหล่าทหาร ตำรวจ ต้องเข้มแข็ง เสียสละ อดทน ให้กำลังใจ อย่าทำให้เค้าเป็นห่วง เข้าใจเค้าให้มากกกกกกกกกกกกกถึงมากที่สุด แล้วก็ต้องซื่อสัตย์ด้วยนะคะ เพราะขณะที่เค้าปฏิบัติภารกิจต้องใช้สมาธิ มีความกดดันสูง เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ในชั่วขณะหนึ่งที่เค้าหมดแรงใจที่จะสู้กับศัตรูสิ่งที่เค้าจะนึกถึงขึ้นมาเพื่อเป็นแรงฮึดและให้มีชีวิตรอดกลับไปคือ พ่อแม่ และลูกเมีย อันนี้เอาที่เพื่อนบอกมานะคะ เพราะเพื่อนเคยไปประจำอยู่ที่ติมอร์ด้วยค่ะ
เรายกตัวอย่างเคสที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตรายนะคะ โหดกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงกว่ามากกกกกก คิดดูว่าต้องอดทนขนาดไหน เราอยากให้สาวๆที่อยากมีแฟนในเครื่องแบบไม่ว่าจะเหล่าไหนก็ตาม อย่าเพ้อเฉพาะเครื่องแบบที่เค้าสวมใส่นะคะ เพราะมันมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องเสียสละรอสาวๆ อยู่ด้วยจ้าาาา