คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
รถยนต์กับจักรยานยนต์ชนกัน หากพิสูจน์ไม่ได้ ถือเป็นต่างฝ่ายต่างประมาท
ให้รอดูว่า ตำรวจจะปรับฝ่าย ตามพรบ.จราจรทางบก ไใ่แน่ว่าอาจปรับทั้งสองฝ่าย ถือว่าต่างฝ่ายต่างประมาท
(แต่หากปรับฝ่ายใดฝ่ายเดียว ก็ต้องถือว่าฝ่ายนั้นเสียเปรียบ)
ทางอาญา ฐานประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ต่างฝ่ายจะเอาเรื่องกันไม่ได้ เนื่องจากตามกฎหมายถือว่าไม่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
แต่เนื่องจากเป็นความผิดต่อแผ่นดิน ตำรวจจึงมีสิทธิเอาเรื่องทางอาญาได้ทั้งสองฝ่าย ขึ้นกับว่าฝ่ายใดทำให้ฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บหรือไม่
กรณีนี้ จักรยานยนต์เป็นฝ่ายเจ็บ จึงถือว่ารถยนต์ประมาททำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจึงมีสิทธิตั้งข้อหาว่า ฝ่ายรถยนต์ประมาททำให้ฝ่ายจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ
ทำนองเดียวกัน ฝ่ายจักรยานยนต์ก็ประมาท แต่ความประมาทไม่ได้ทำให้ใคร นอกจากตนเอง ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจึงตั้งข้อหาแบบเดียวกันกับฝ่ายรถยนต์ ไม่ได้
เฉพาะทางอาญา ฝ่ายรถยนต์ต้องรับผิดในความผิดฐาน ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ (ตั้งช้อหาภายหลังจากสอบสวนแล้วก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตั้งข้อหาในวันที่บันทึกประจำวัน) ซึ่งความผิดฐานนี้ มีโทษจำคุก
การดำเนินคดี อาญาฐานความผิดนี้
ส่วนมาก ถ้าไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส หรือตาย หากผู้ต้องหามีการเยียวยาผู้เสียหาย จนไม่ติดใจเอาความ ตำรวจ/อัยการก็มักจะสั่งไม่ฟ้อง คดีก็จะยุติในชั้นสอบสวน หรือชั้นอัยการ
แต่หากไม่มีพฤติกรรมเยียวยาผู้เสียหาย ตำรวจและอัยการก็จะมีความเห็นสั่งฟ้องคนขับรถยนต์ฐานความผิดนี้ และหากศาลเห็นด้วย ศาลต้องกำหนดโทษ เงื่อนไขที่ทำให้ศาลรอลงอาญาคือ พฤติกรรมของผู้กระทำผิด ว่า มีความสำนึกในการกระทำหรือไม่ มีการเยียวยาผู้เสียหายหรือไม่ ฯลฯ
หากไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว ก็ไม่แน่ว่า อาจต้องถูกจำคุกจริงๆก็ได้ ในส่วนนี้ ประกันทำได้เพียงช่วยไกล่เกลี่ยให้ และจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ ไม่เกินความเสียหายจริง และไม่เกินทุนประกัน ส่วนค่าทำขวัญ หรือการติดคุกแทน ประกันทำแทนไม่ได้
ทางแพ่ง ฝ่ายใดประมาท ทำให้เขาเสียหาย ก็ต้องรับผิดฐานละเมิด ต่างฝ่ายต่างประมาท ก็เรียกร้องกันไม่ได้ หากจะเรียกร้องก็ต้องพิสูจน์ความเสียหาย และการกระทำกันเองว่าใครประมาทอย่างไร เท่าใด ส่วนนี้ ประกันช่วยได้
ความผิดตาม พรบ.จราจรทางบก ใครทำผิดก็เสียค่าปรับไป กรณีนี้ จักรยานยนต์ ไม่มี พรบ. ไม่มีใบขับขี่ ไม่ต่อต่อทะเบียน ก็เสียค่าปรับไป แต่ไม่ทำให้ความประมาทของคนขับรถยนต์กลายเป็นไม่ประมาท ส่วนนี้ ประกันก็ช่วยไม่ได้
การช่วยเหลือตามมนุษยธรรม หากพอช่วยเขาได้ ก็ช่วยไป ทางที่ดีเรียกประกันมาคุยจะเหมาะสมกว่า เขาช่วยได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในชั้นพนักงานสอบสวน อย่าเพิ่งไปรับว่าตนเองผิดและยินดีชดใช้ตามที่ผู้เสียหายเรียกร้อง ไม่เช่นนั้นประกันเขาจะพ้นความรับผิดตามสัญญาประกันภัย เราต้องรับชดใช้โดยเรียกจากใครไม่ได้
สวัสดีครับ
ให้รอดูว่า ตำรวจจะปรับฝ่าย ตามพรบ.จราจรทางบก ไใ่แน่ว่าอาจปรับทั้งสองฝ่าย ถือว่าต่างฝ่ายต่างประมาท
(แต่หากปรับฝ่ายใดฝ่ายเดียว ก็ต้องถือว่าฝ่ายนั้นเสียเปรียบ)
ทางอาญา ฐานประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ต่างฝ่ายจะเอาเรื่องกันไม่ได้ เนื่องจากตามกฎหมายถือว่าไม่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
แต่เนื่องจากเป็นความผิดต่อแผ่นดิน ตำรวจจึงมีสิทธิเอาเรื่องทางอาญาได้ทั้งสองฝ่าย ขึ้นกับว่าฝ่ายใดทำให้ฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บหรือไม่
กรณีนี้ จักรยานยนต์เป็นฝ่ายเจ็บ จึงถือว่ารถยนต์ประมาททำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจึงมีสิทธิตั้งข้อหาว่า ฝ่ายรถยนต์ประมาททำให้ฝ่ายจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ
ทำนองเดียวกัน ฝ่ายจักรยานยนต์ก็ประมาท แต่ความประมาทไม่ได้ทำให้ใคร นอกจากตนเอง ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจึงตั้งข้อหาแบบเดียวกันกับฝ่ายรถยนต์ ไม่ได้
เฉพาะทางอาญา ฝ่ายรถยนต์ต้องรับผิดในความผิดฐาน ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ (ตั้งช้อหาภายหลังจากสอบสวนแล้วก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตั้งข้อหาในวันที่บันทึกประจำวัน) ซึ่งความผิดฐานนี้ มีโทษจำคุก
การดำเนินคดี อาญาฐานความผิดนี้
ส่วนมาก ถ้าไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส หรือตาย หากผู้ต้องหามีการเยียวยาผู้เสียหาย จนไม่ติดใจเอาความ ตำรวจ/อัยการก็มักจะสั่งไม่ฟ้อง คดีก็จะยุติในชั้นสอบสวน หรือชั้นอัยการ
แต่หากไม่มีพฤติกรรมเยียวยาผู้เสียหาย ตำรวจและอัยการก็จะมีความเห็นสั่งฟ้องคนขับรถยนต์ฐานความผิดนี้ และหากศาลเห็นด้วย ศาลต้องกำหนดโทษ เงื่อนไขที่ทำให้ศาลรอลงอาญาคือ พฤติกรรมของผู้กระทำผิด ว่า มีความสำนึกในการกระทำหรือไม่ มีการเยียวยาผู้เสียหายหรือไม่ ฯลฯ
หากไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว ก็ไม่แน่ว่า อาจต้องถูกจำคุกจริงๆก็ได้ ในส่วนนี้ ประกันทำได้เพียงช่วยไกล่เกลี่ยให้ และจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ ไม่เกินความเสียหายจริง และไม่เกินทุนประกัน ส่วนค่าทำขวัญ หรือการติดคุกแทน ประกันทำแทนไม่ได้
ทางแพ่ง ฝ่ายใดประมาท ทำให้เขาเสียหาย ก็ต้องรับผิดฐานละเมิด ต่างฝ่ายต่างประมาท ก็เรียกร้องกันไม่ได้ หากจะเรียกร้องก็ต้องพิสูจน์ความเสียหาย และการกระทำกันเองว่าใครประมาทอย่างไร เท่าใด ส่วนนี้ ประกันช่วยได้
ความผิดตาม พรบ.จราจรทางบก ใครทำผิดก็เสียค่าปรับไป กรณีนี้ จักรยานยนต์ ไม่มี พรบ. ไม่มีใบขับขี่ ไม่ต่อต่อทะเบียน ก็เสียค่าปรับไป แต่ไม่ทำให้ความประมาทของคนขับรถยนต์กลายเป็นไม่ประมาท ส่วนนี้ ประกันก็ช่วยไม่ได้
การช่วยเหลือตามมนุษยธรรม หากพอช่วยเขาได้ ก็ช่วยไป ทางที่ดีเรียกประกันมาคุยจะเหมาะสมกว่า เขาช่วยได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในชั้นพนักงานสอบสวน อย่าเพิ่งไปรับว่าตนเองผิดและยินดีชดใช้ตามที่ผู้เสียหายเรียกร้อง ไม่เช่นนั้นประกันเขาจะพ้นความรับผิดตามสัญญาประกันภัย เราต้องรับชดใช้โดยเรียกจากใครไม่ได้
สวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
ขับรถชนผู้เสียหาย พาไปรักษาตัวแล้ว ผู้เสียหายจะเรียกเงินอีก โดยไม่คุยกับประกันค่ะ ขอคำปรึกษาค่ะ
ข้อมูลเท่าที่ทราบ คือ ...
วันเกิดเหตุ เป็นถนน 3 เลน น้าเราขับรถยนต์อยู่เลนกลาง
มอเตอร์ไซค์ผู้เสียหาย เลี้ยวออกจากปั๊มทางซ้ายมือ แล้วขับออกมา ชนกับรถของน้าเราที่อยู่เลนกลาง
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ รถผู้เสียหายล้ม ผู้เสียหายเป็นคนรูปร่างใหญ่ค่ะ น้าเล่าให้ฟังว่ากลิ้ง 3 ตลบ แล้วลุกขึ้นมานั่งได้
ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ มีการลงบันทึกประจำวันไว้ โดยไม่มีการตกลงค่าเสียหาย จ่ายค่าปรับ หรือทำสัญญายอมใดๆทั้งสิ้น
ผู้เสียหายไม่มีใบขับขี่ ทะเบียนและ พรบ.หมดอายุ ไม่ได้ต่อค่ะ
น้าเขย เป็นคนขับ พาผู้เสียหายไปส่งโรงพยาบาล
หมอให้นอนโรงพยาบาล 2 วันแล้วให้ออก
ร่างกายผู้เสียหายมีแผลถลอก ไม่เข้าเฝือก หรือแขนขาหักแต่อย่างใด
น้าให้ค่าทำขวัญไปครั้งแรก 5,000 บาท พร้อมจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้
ต่อมา ผู้เสียหายอ้างว่าปวดตามร่างกาย จะไป X-RAY ขอเงินไปอีก 5,000 บาท
ครั้งนี้น้าเราไปด้วย พาไปโรงพยาบาล X-RAY แล้วปกติทุกอย่าง น้าเก็บใบเสร็จไว้ค่ะ
ล่าสุด ผู้เสียหายอ้างว่าปวดศรีษะ จะขอเงินไป X-RAY สมองอีก 5,000 บาท
น้าเราเลยขอให้คุยกับประกัน ให้ประกันเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้
ผู้เสียหายไม่ตกลง และเรียกให้น้าเราไปคุยค่าเสียหายที่บ้านเขา ทั้งยังบอกว่า ถ้าเอาประกันมา จะไม่คุยด้วย
ความรู้สีกเราคือ ในเมื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าทำขวัญให้ ไม่ได้หลบหนี ผู้เสียหายจะไป x-ray ก็จ่ายให้
แบบนี้เรามีวิธีจัดการอย่างไรได้บ้างคะ ถ้าเขาไม่คุยกับประกัน เราจะทำอย่างไรได้บ้าง