เลิกกับเขา แล้วพบเธอ... ผู้ชายที่ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา...^o^

//////คือจริงๆๆแล้วเป็นเพราะกระทู้ของคุณบ๊องแบ๊ว...นะเนี้ย  ที่ทำให้เกิดอยากตั้งกระทู้ตัวเองเก็บเรื่องราวไว้//////
อยากบอกว่าเป็นเรื่องจริง  เกิดขึ้นจริง  กับตัวเอง ไม่ได้เสริมแต่งแต่อย่างใดจ้า
***ก่อนอื่นต้องเกริ่นถึงแฟนเก่าก่อน เพราะเรื่องราวมาจากเขาถึงได้มาเจอคุณสามีค่ะ***
      คบกันแฟนเก่ามาได้เกือบ 8 ปีค่ะ  พี่กอเขาเข้ามาจีบเราก่อน (ตั้งชื่อให้เขาว่าพี่กอหละกันและเขาอายุมากกว่าเรา 2 ปีจ้า) เราเข้ามาทำงานที่ร้านคอมพิวเตอร์ด้วยการแนะนำของเพื่อนก็เลยได้เจอพี่กอ เป็นคนที่เทคแคร์ดูแลดีมาก  ก็เลยตัดสินใจเป็นแฟนกัน  (เป็นช่วงระยะเวลาโปรโมชั่น จากนั้นก็กับเป็นเหมือนเดิม) แต่ว่าที่บ้านเราไม่เห็นด้วยเพราะว่าเขาเป็นคนมั่นใจในตัวเอง  ไม่สนใจใครในบ้านเรา  อยากจะพาเราไปไหนก็ไป  ไม่เคยขอที่บ้านเราเลย  ที่บ้านเราเลยดูเป็นหัวหลักหัวตอและก็อยากให้เลิกกันตั้งแต่ที่คบกันเลย  พี่กอมักจะมั่นใจว่าตัวเองหล่อ  คารมดี  ผู้หญิงชอบ  ไม่ค่อยจะสนใจแฟนตัวเอง  แต่กับสนใจเพื่อนๆ  มากกว่า  เขามักจะบอกเราเสมอว่าเพื่อนสำคัญที่สุด  ช่วงที่คบพี่กอเขาไม่เคยจะมาสสุงสิงกับเพื่อนเราเลย  ทำให้เรากลายเป็นคนไม่เอาเพื่อน นี้แหละค่ะที่ว่านิสัยเดิมๆๆ  หลังจากคบกันได้ 3 ปี พี่กอก็เรียนจบและไปทำงานที่กรุงเทพฯ (พี่กอจบปวส.หลายปีแล้วค่ะ  แล้วก็มาเรียนต่อป.ตรี)  และเราก็ได้เปลี่ยนงานมาทำงานป่าไม้ จากนั้นก็ไปๆ มาๆ หากันบ้างส่วนใหญ่จะโทรศัพท์หากันเพราะว่าเราและพี่กอทำงานในระบบราชการจึงจะเจอกันเฉพาะเวลาหยุดยาวๆๆ แต่ว่าก็จะเจอกับเราแค่เต็มที่ไม่เกิน 2 ชั่วโมงแบบอยู่กันสองคนนะค่ะ  จากนั้นก็จะต้องมีเพื่อนเขาอยู่ด้วยกันเสมอ  หรือไม่เขาก็จะไปหาครอบครัวพ่อพี่กอที่ต่างจังหวัด (พ่อกับแม่พี่กอแยกทางกันค่ะ)  แต่เราไม่ได้มีโอกาสที่พี่กอจะให้เราไปด้วยนะค่ะ  การติดต่อกันส่วนใหญ่จะเป็นโทรศัพท์  โดยส่วนมากเราจะเลือกโทรหาพี่กอช่วงเวลา ทุ่ม หรือ สองทุ่มประมาณเนี้ยค่ะ  แต่โทรหาทุกวัน  แล้วเราก็จะโทรหาเขาเป็นส่วนมาก  มีอยู่วันหนึ่งพี่กอก็ถามเราว่า : น้องโทรหาพี่ทุกวันเพื่ออะไร
เรา : (เอ้าก็คนคิดถึงนี่หว่าหรือมันไม่คิดถึงเราว่ะ)  ก็อยากรู้ว่าพี่เป็นไงแล้วก็อยากคุยด้วย  ไม่สะดวกหรอ
พี่กอ: บางทีอยู่กับเพื่อนก็ไม่สะดวก เหมือนทำไมต้องโทรมาตลอดขี้เกียจคุย
เรา : (อืมมันบอกว่าเพื่อนสำคัญกว่าแฟนตั้งแต่แรกอยู่แล้วเนาะ)  งั้นถ้าพี่ไม่สะดวกโทรมาบอกก่อนหละกันนะจะได้รู้จะได้ไม่ต้องโทร
เป็นอันว่าเราก็พี่กอมีข้อตกลงกันไว้อย่างนี้  พี่กอทำได้บ้างไม่ได้บ้าง  จะไปใหนโทรบอกบ้างแต่เป็นส่วนน้อยพอเราโทรไปจังหวะไม่ดีก็โดนด่าสิค่ะตามระเบียบต่อไป
     จุดที่ทำให้เราคิดว่าเราคงต้องเลิกกับพี่กอประเด็นแรก  ก็คือว่าที่บ้านเราก็มีปัญหาคือหลานชายของเราเป็นโรคหัวใจต้องไปผ่าตัดเราเลยเลือกไปผ่าตัดกันที่กรุงเทพฯ  หลังจากที่หมอให้หลานเรานอนโรงพยาบาลเพื่อรอการผ่าตัด  พวกเราก็เลยต้องหาที่นอน ก็เลยไปขอพี่กอนอน  ที่ไปมีเรา  แม่  น้องสาว น้องเขย  ก็เลยไปขอพี่กอนอนที่ห้อง  ก็มีโว้ยวายว่า
พี่กอ: ถ้ามานอนแล้วอย่ามาว่านะว่าห้องนะสกปรก  
เรา: อืมแล้วจะให้นอนหรือป่าว (เพราะเวลานั้นหาที่นอนกันไม่ได้แล้ว  และเราเคยว่ามันหรอ เริ่มมีอารมณ์แล้ว)
พี่กอ: มาก็มา
สรุปว่าเราก็ต้องไปพึ่งพี่กอค่ะ  และมันเป็นการสั่งสมอารมณ์เราเลยที่เดียวที่คิดจะเลิกกับเขาเพราะว่าอะไรหรอค่ะ  ห้องเขามีเตียงอยู่ 1 เตียง  การที่เขาคิดจะมาเป็นลูกเขยบ้านเราก็ต้องเคารพแม่เรา  แต่เขาให้แม่เรานอนที่พื้นค่ะเขานอนบนเตียงเรานี้ปี๊ดแตกแต่ไม่พูดเพราะว่าหลานผ่าตัดก็เครียดกันมากพอแล้ว  เลยอดทนไว้  แค่นอนคืนเดียวเอง  นี้คือความสะสมที่ทำให้เราคิดเลิกเลยนะค่ะ  
     ประเด็นที่สอง  หลังจากนั้นเราโทรไปหาเขาบอกว่าไม่สบาย  เราก็ไม่อยากกวนเลยบอกว่ากินยาพักผ่อนนะ  พรุ่งนี้จะโทรหาอีกทีว่าอาการเป็นอย่างไง  ก็โอเคนะไม่มีอะไร  วันรุ่งขึ้นโทรหาจะถามว่าอาการเป็นไง  เราก็โทรเวลาเดิมจ้า...ฮีรับโทรศัพท์แล้วบอกว่ากำลังดูหนังกับน้องอยู่เดี๋ยวโทรกับนะ  เอาไงไหนบอกว่าจะไปไหนอะไรจะโทรบอกก่อนไง  แล้วที่เมื่อวานบอกว่าป่วยอะไรอย่างไง  (แต่ไม่เคยคิดว่าเขามีใครนะค่ะ  เพราะคบกับใครเชื่อใจตลอด)  พอพี่กอโทรมาหาเราแต่โทรมาอีกวันนะค่ะประมาณว่าวันนี้จะสามทุ่มแล้วทำไมเรายังไม่โทรไปประมาณนั้น   แต่เราก็ปณิธานตัวเองในครั้งนี้ว่าเราจะให้อภัยเขาได้แค่สามครั้ง  ถ้าเขาทำครบสามครั้งเมื่อไรเราจะไม่ให้อภัยอีกต่อไป  แต่หลังจากนั้นพี่กอก็ทำอีกค่ะ  แล้วก็ไม่ค่อยจะโทรมาบอกว่าออกไปไหนอย่างไงเมื่อไร  เราโทรไปก็จะเจอทุกทีว่าอยู่กับเพื่อน  ก็ยังให้อภัยเสมอนะที่ตังปณิธานไว้
   แต่ประเด็นที่สาม  ครั้งนี้เป็นครั้งที่แตกหักเลยค่ะ  วันนั้นเป็นวันวาเลนไทน์  เอานะปกติเราก็ไม่ค่อยหวานให้กันอะไร  แต่ก็มีไปกินข้าวด้วยกันถ้าอยู่ด้วยกัน  ถ้าไกลกันก็จะบอกรักกันบ้าง  ครั้งนี้มันไม่แน่ใจว่าเรารักพี่กอจริงหรือป่าว  หรือแค่อยากเปลี่ยนนิสัยเขา  เราก็โทรไปปกตินะ  ตามเวลาเดิมพี่กอก็ไม่รับ  อืมอาจยังไม่ว่างเนาะไม่เป็นไรอีกชั่วโมงโทรไปหละกัน  พอโทรไปค่ะ  
พี่กอ : (ตะหวาดเลยจ้าเสียงดังด้วย)  พี่อยู่กับเพื่อนโทรมาทำไม ครั้งแรกไม่รับก็น่าจะรู้
เรา :  (จะรู้มั้ยว่าที่ไม่รับอยู่กับเพื่อนก็ไหนบอกว่าจะโทรมาบอกก่อนว่าจะไปไหนจะได้ไม่รบกวนนี้เราผิดสินะ)  ไม่รู้อะนึกว่าอาบน้ำ
พี่กอ : ตอนนี้ก็รู้แล้วนี้  เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงโทรมาใหม่หละกัน
เรา : ได้ค่อยไว้ว่ากัน (นี้เราต้องโทรไปหาอีกหรอ อุตสาห์จะโทรมาคุยแล้ว นี้ก็วาเลนไทน์คุยกับแฟนก่อนมั้ย)
พี่กอ : อืมแค่นี้นะ  
แล้วก็ว่างสายไปจ้า  เราก็ได้แต่ปี๊ดแตกคนเดียวที่บ้าน  ร้องไห้สักพักแล้วก็ตัดสินใจจับโทรศัพท์มาส่งข้อความไปว่า "เราเลิกกันเถอะ" นางคนนี้ขอตัดใจจ้า
   แต่จริงๆๆ แล้วที่คิดว่าควรจะตัดสินใจได้แล้วเพราะว่าเรามองไม่เห็นอนาคตเราต่างหาก  ทำไมเราต้องเปลี่นแปลงตัวเองเพื่อเขาด้วย  แต่เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเขาเองเพื่อเราเลย  บวกกับว่าเราสะสมสิ่งที่เขาทำมาเยอะด้วย  หลังจากวันนั้นเราไม่โทรไปหาเขาเลยประมาณ 3 วัน  (แต่ร้องไห้ทุกวันนะจ่ะ  ไม่มีวันไหนที่จะไม่ร้องไห้เลย)  เราก็ตัดสินใจโทรไปหาเขา
พี่ก้อ : เป็นไงบ้าง (ทำเหมือนไม่ได้อ่านข้อความ)
เรา : เห็นข้อความที่น้อง (ขอใช้เรียกคำว่าน้องแทนชื่อตัวเองนะค่ะ) ส่งไปหรือป่าว
พี่ก้อ : เห็นแล้ว
เรา : เห็นแล้วว่าอย่างไง
พี่ก้อ : ก็แล้วแต่น้อง
เรา : งั้นตามนั้นนะ  
แล้วเราก็ว่าโทรศัพท์ไปเลยจ้า  และไม่มีน้ำตาอีกเลยเพราะว่าคำพูดที่ว่า  "ก็แล้วแต่น้อง" นี้หละค่ะที่ทำให้ทุกอย่างมันขาดจากกันแบบง่ายที่สุด  แต่ก็มีคนช่วยดามหัวใจอย่างเร็วนะค่ะเพราะว่า....

////ขอบอกว่าดิฉันก็มีคนมาจีบอยู่จ้า... แต่ตอนที่คบกับพี่กอ ก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับใครเพราะเป็นคนรักเดียวใจด้วยจ้า...55555+////
***มาแล้วจ้าถึงหน้าที่ของผู้ชายธรรมดาที่ไม่ธรรมดาแล้ว***
     ประมาณเดือนมกราคมก่อนที่เราจะบอกเลิกกะพี่กอ ก็พอดีว่าพี่ที่ทำงานเสียชีวิต  เพื่อการจัดงานศพอย่างสมเกียติการทำหน้าที่การงานพี่ที่เสียชีวิต  ทางหัวหน้าก็เลยจัดชุดลูกน้องที่อยู่ในหน่วยออกมา  (อย่างที่บอกจ้าว่าเราทำงานป่าไม้มันต้องติดป่าใช่มั้ยแต่เราทำงานอยู่ในเมืองนะ)  ส่งศพพี่เขาให้สมเกียรติ  ก็มีผู้ชายนั่งท้ายรถมาพูดแซวมาว่า"น่ารักจังเลยเจอกันตอนกินเลี้ยงปีใหม่นะ" เสียงแซวๆๆ  อี้วๆๆๆอะไรประมาณเนี้ย...ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรนะตอนที่มีงานเผาศพ  เพราะว่าเราต้องเจอกับเจ้าหน้าที่ที่ออกมาช่วยงานในหน่วยงานกลางอยู่แล้ว (ตอนเผาศพนั้นเป็นสิ้นเดือนมกราคมพอดีแล้วเราก็เครียดๆๆ เรื่องพี่กอด้วยเลยไม่ได้คิดอะไรมากนัก)    แต่ก็แปลกใจอยู่ว่าปกติพวกพี่เขาไม่ค่อยจะแซวเราเท่าไรเพราะรู้จักกันดี...
   และแล้วก็มาถึงวันงานเลี้ยงปีใหม่  ทางหน่วยงานภาคสนามแห่งนั้นก็ให้เราเป็นพิธีกรในงานเพราะว่าไม่มีใครก็เลยได้รับหน้าที่เป็นพิธีกร  ก็มีพี่หญิง (รู้กันหละกันว่าเป็นผู้หญิงนะ)  เขาให้เอาซองกฐินไปให้พี่เสื้อฟ้า (คนนี้หละจ้าผู้ชายธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของเราและมารู้ที่หลังว่าพี่ๆ ในที่ทำงานลุ้นเรากับพี่เสื้อฟ้าเต็มที่เพราะพี่เสื้อฟ้าเขาบอกว่าชอบเราอิอิ) พอเราเอาไปให้เขาก็หน้าแดง  อาย  แบบว่าอยากจะหนีไปทางอี่นเลยอะ...คนแซวกันเยอะมาก  เราก็งงว่าผู้ชายคนนี้ทำไมขี้อายจริง  จากนั้นก็เลยพิธีการของการเลี้ยงงานปีใหม่มีร้องเพลงสลับไปกับการจับฉลากรางวัล  โดยเรียกตามหน่วยฯที่เขาสังกัดกันอยู่  ก็ต้องมีดริ้งกันบ้างจ้า  เราก็สปายสิคะเพราะว่าผุ้หญิงมีอยู่หลายคน  หัวหน้าเขาก็จัดให้เต็มที่  เพราะพาส่วนกลางมาผ่อนคลายแทนมากับผอ.อีกต่างหาก  แล้วพวกพี่ๆๆ ที่นั่งวงเราก็บอกว่าให้เราไปคุยกับพี่เสี้อฟ้าเขาบอกว่าจะให้สปายลังหนึ่ง  แต่ก็มีพี่หญิงบอกว่ามันขี้งกแต่ถ้าน้องมาได้มันจะให้ลังหนึ่ง  เราก็เอาสิหน้าด้านอยู่แล้ว  เดินไปเลยจ้าก็เดินถือแก้วสปายไปเลย คนอย่างน้องใจกล้าจ้า
เรา : สวัสดีค่ะพี่ๆๆ  (วงนี้วงใหญ่ก็สวัสดีกันไปทุกคน)
พี่เจ้าหน้าที่ : จ้า ชนแก้ว
(ส่วนพี่เสื้อฟ้าอยากจะมุดหนีเลยจ้าถ้ามุดดินได้ลงดิน ดำดินไปแล้ว 5555 เราก็พูดเกินไป)  เราก็ชนแก้ว
เรา : พี่เสื้อฟ้า  สปายหนูหมดซื้อให้หน่อยสิ  (เอาสิเราก็พี่หญิงบอกว่าพี่จะให้สปายหนูก็ใส่เต็มเพราะว่าจะได้กินให้เมาๆๆๆลืมพี่กอไปเลยจ้า)
พี่เสื้อฟ้า : ได้ๆๆ  เดี๋ยวบอกพี่หญิงมานะเดี๋ยวพี่จัดการให้
เรา : จ้าขอบคุณนะค่ะ  แล้วพี่ได้ของขวัญหรือยัง
พี่เสื้อฟ้า : ยังไม่ถึงที่พี่จับเลย
เรา :  ถ้าจับได้ขอนะ (คุยแบบทีเล่นทีจริงอิอิ ใจก็งกอยากได้ของขวัญด้วย 555)
พี่เสื้อฟ้า : ได้ถ้าได้แล้วพี่จะให้นะ
เราก็ยิ้มแล้วก็เดินไปหาพี่หญิงบอกให้พี่หญิงไปเอาสปาย  บอกก่อนว่าที่จัดเลี้ยงปีใหม่นั้นอยู่บนเขาบนดอยก็มีร้านค้าสวัสดิการของเจ้าหน้าที่  พี่ๆๆ ที่ทำก็รู้หน้าที่ว่างานอย่างนี้อาหารการกิน  เครื่องดืมต้องไม่เพียงพอต่อจำนวนเจ้าหน้าที่ก็เลยจัดเต็มร้านจ้า  ก็เลยได้กินสบายฟรีอีกจ้า....
    พอหมดหน้าที่การเป็นพิธีกรก็กินเต็มที่เลยจ้า  แต่เราเป็นคนกินไม่เยอะเพราะน้องที่ทำงานไปด้วยแล้วก็บอกได้เลยใครเมาก่อนได้เปรียบมันเป็นเรื่องจริงจ้า...  คนทำงานเดินป่านานๆๆ จะมีงานเลี้ยงก็เลยจัดเต็มที่  เพราะตลอด 30 วันเลยต้องเดินป่า เกือบๆๆจะ  20 วันที่เหลือก็ต้องออกมาหาเสบียง  มารายงานภารกิจ  แล้วก็อื่นๆๆ อีก ได้เจอแสงสีเสียงทีก็เลยจัดให้แบบจุใจไป ปีหนึ่ง มีสักครั้ง  จากนั้นก็รวมวงจ้าเพราะว่าผอ.บอกว่ามานั่งเป็นวงใหญ่สนุกกว่า  เข้าทางพวกสนับสนุนเลยจ้าจัดพี่เสื้อฟ้ามานั่งใกล้เรา  ตอนนี้เราก็ถึงกับบางอ้อเลยเพราะเขาใจพวกพี่เขาทุกคน  เพราะเขารู้จักพี่กอเราดี  แล้วอยากให้เราได้คนที่ดีจ้า  เราก็เต็มที่กับการกิน  แต่อากาศไม่เอื้ออำนวยกับเราท่านภูมิแพ้มาแบบไม่ให้รู้ตัว  ก็ต้องกลับที่ตั้งสิค่ะ  ขอตัวไปนอน  พี่เสื้อฟ้าเขาก็อาสาไปส่ง  ที่หน้าที่พักเรามีที่นั่งเป็นศาลา  พี่เสื้อฟ้าบอกว่าของให้นั่งคุยกันก่อนได้มั้ย  บอกเลยว่าพี่เสื้อฟ้าเมานะจ่ะ  พูดแบบใจกล้ามาก  อ๋อน้ำเปลี่ยนนิสัยทำให้ใจกล้าพูดได้เนาะ  
พี่เสื้อฟ้า : พี่มีเรื่องจะพูดด้วยนะ
เรา : จ้าว่าไงพี่เสื้อฟ้า
พี่เสื้อฟ้า : พี่ขอพูดๆๆๆ  เออพูดๆๆๆๆ  แล้วก็เงียบ
เรา : อะไรค่ะพี่เสื้อฟ้า  พูดมาเลย
พี่เสื้อฟ้า : ถ้าน้องกลับพี่ขอเบอร์โทรหาได้มั้ย
เรา : ได้เลยพี่ เพราะว่าเบอร์น้องก็อยู่ที่นี้อยู่แล้วพี่เอาได้เลย
พี่เสื้อฟ้า :  พี่จะขอส่วนตัวได้มั้ย  เพราะพี่ไม่กล้าไปขอ
เรา : อ๋อได้จ้า เดี๋ยวจดให้ (เราก็จดไปแล้วพี่เขาก็เก็บไว้อย่างดี) แต่จะเอาไปคุยอะไร
พี่เสื้อฟ้า : จะเอาทองไปหมั้น  พรุ่งจะซื้อทองไปเลย
เราเอาหละสิผู้ชายคนนี้พูดทีพี่ตั้งตัวไม่ทันนะ  พี่เสื้อฟ้าเล่นพูดแบบนี้  อายสิค่ะ  ทำไรไม่ถูกเลยจ้า...
การสนทนาตอนนั้นทำเอาเราคนที่ใจกล้าหน้าด้านอายเป็นเหมือนกันนะจ่ะ....

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่