//////คือจริงๆๆแล้วเป็นเพราะกระทู้ของคุณบ๊องแบ๊ว...นะเนี้ย ที่ทำให้เกิดอยากตั้งกระทู้ตัวเองเก็บเรื่องราวไว้//////
อยากบอกว่าเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นจริง กับตัวเอง ไม่ได้เสริมแต่งแต่อย่างใดจ้า
***ก่อนอื่นต้องเกริ่นถึงแฟนเก่าก่อน เพราะเรื่องราวมาจากเขาถึงได้มาเจอคุณสามีค่ะ***
คบกันแฟนเก่ามาได้เกือบ 8 ปีค่ะ พี่กอเขาเข้ามาจีบเราก่อน (ตั้งชื่อให้เขาว่าพี่กอหละกันและเขาอายุมากกว่าเรา 2 ปีจ้า) เราเข้ามาทำงานที่ร้านคอมพิวเตอร์ด้วยการแนะนำของเพื่อนก็เลยได้เจอพี่กอ เป็นคนที่เทคแคร์ดูแลดีมาก ก็เลยตัดสินใจเป็นแฟนกัน (เป็นช่วงระยะเวลาโปรโมชั่น จากนั้นก็กับเป็นเหมือนเดิม) แต่ว่าที่บ้านเราไม่เห็นด้วยเพราะว่าเขาเป็นคนมั่นใจในตัวเอง ไม่สนใจใครในบ้านเรา อยากจะพาเราไปไหนก็ไป ไม่เคยขอที่บ้านเราเลย ที่บ้านเราเลยดูเป็นหัวหลักหัวตอและก็อยากให้เลิกกันตั้งแต่ที่คบกันเลย พี่กอมักจะมั่นใจว่าตัวเองหล่อ คารมดี ผู้หญิงชอบ ไม่ค่อยจะสนใจแฟนตัวเอง แต่กับสนใจเพื่อนๆ มากกว่า เขามักจะบอกเราเสมอว่าเพื่อนสำคัญที่สุด ช่วงที่คบพี่กอเขาไม่เคยจะมาสสุงสิงกับเพื่อนเราเลย ทำให้เรากลายเป็นคนไม่เอาเพื่อน นี้แหละค่ะที่ว่านิสัยเดิมๆๆ หลังจากคบกันได้ 3 ปี พี่กอก็เรียนจบและไปทำงานที่กรุงเทพฯ (พี่กอจบปวส.หลายปีแล้วค่ะ แล้วก็มาเรียนต่อป.ตรี) และเราก็ได้เปลี่ยนงานมาทำงานป่าไม้ จากนั้นก็ไปๆ มาๆ หากันบ้างส่วนใหญ่จะโทรศัพท์หากันเพราะว่าเราและพี่กอทำงานในระบบราชการจึงจะเจอกันเฉพาะเวลาหยุดยาวๆๆ แต่ว่าก็จะเจอกับเราแค่เต็มที่ไม่เกิน 2 ชั่วโมงแบบอยู่กันสองคนนะค่ะ จากนั้นก็จะต้องมีเพื่อนเขาอยู่ด้วยกันเสมอ หรือไม่เขาก็จะไปหาครอบครัวพ่อพี่กอที่ต่างจังหวัด (พ่อกับแม่พี่กอแยกทางกันค่ะ) แต่เราไม่ได้มีโอกาสที่พี่กอจะให้เราไปด้วยนะค่ะ การติดต่อกันส่วนใหญ่จะเป็นโทรศัพท์ โดยส่วนมากเราจะเลือกโทรหาพี่กอช่วงเวลา ทุ่ม หรือ สองทุ่มประมาณเนี้ยค่ะ แต่โทรหาทุกวัน แล้วเราก็จะโทรหาเขาเป็นส่วนมาก มีอยู่วันหนึ่งพี่กอก็ถามเราว่า : น้องโทรหาพี่ทุกวันเพื่ออะไร
เรา : (เอ้าก็คนคิดถึงนี่หว่าหรือมันไม่คิดถึงเราว่ะ) ก็อยากรู้ว่าพี่เป็นไงแล้วก็อยากคุยด้วย ไม่สะดวกหรอ
พี่กอ: บางทีอยู่กับเพื่อนก็ไม่สะดวก เหมือนทำไมต้องโทรมาตลอดขี้เกียจคุย
เรา : (อืมมันบอกว่าเพื่อนสำคัญกว่าแฟนตั้งแต่แรกอยู่แล้วเนาะ) งั้นถ้าพี่ไม่สะดวกโทรมาบอกก่อนหละกันนะจะได้รู้จะได้ไม่ต้องโทร
เป็นอันว่าเราก็พี่กอมีข้อตกลงกันไว้อย่างนี้ พี่กอทำได้บ้างไม่ได้บ้าง จะไปใหนโทรบอกบ้างแต่เป็นส่วนน้อยพอเราโทรไปจังหวะไม่ดีก็โดนด่าสิค่ะตามระเบียบต่อไป
จุดที่ทำให้เราคิดว่าเราคงต้องเลิกกับพี่กอประเด็นแรก ก็คือว่าที่บ้านเราก็มีปัญหาคือหลานชายของเราเป็นโรคหัวใจต้องไปผ่าตัดเราเลยเลือกไปผ่าตัดกันที่กรุงเทพฯ หลังจากที่หมอให้หลานเรานอนโรงพยาบาลเพื่อรอการผ่าตัด พวกเราก็เลยต้องหาที่นอน ก็เลยไปขอพี่กอนอน ที่ไปมีเรา แม่ น้องสาว น้องเขย ก็เลยไปขอพี่กอนอนที่ห้อง ก็มีโว้ยวายว่า
พี่กอ: ถ้ามานอนแล้วอย่ามาว่านะว่าห้องนะสกปรก
เรา: อืมแล้วจะให้นอนหรือป่าว (เพราะเวลานั้นหาที่นอนกันไม่ได้แล้ว และเราเคยว่ามันหรอ เริ่มมีอารมณ์แล้ว)
พี่กอ: มาก็มา
สรุปว่าเราก็ต้องไปพึ่งพี่กอค่ะ และมันเป็นการสั่งสมอารมณ์เราเลยที่เดียวที่คิดจะเลิกกับเขาเพราะว่าอะไรหรอค่ะ ห้องเขามีเตียงอยู่ 1 เตียง การที่เขาคิดจะมาเป็นลูกเขยบ้านเราก็ต้องเคารพแม่เรา แต่เขาให้แม่เรานอนที่พื้นค่ะเขานอนบนเตียงเรานี้ปี๊ดแตกแต่ไม่พูดเพราะว่าหลานผ่าตัดก็เครียดกันมากพอแล้ว เลยอดทนไว้ แค่นอนคืนเดียวเอง นี้คือความสะสมที่ทำให้เราคิดเลิกเลยนะค่ะ
ประเด็นที่สอง หลังจากนั้นเราโทรไปหาเขาบอกว่าไม่สบาย เราก็ไม่อยากกวนเลยบอกว่ากินยาพักผ่อนนะ พรุ่งนี้จะโทรหาอีกทีว่าอาการเป็นอย่างไง ก็โอเคนะไม่มีอะไร วันรุ่งขึ้นโทรหาจะถามว่าอาการเป็นไง เราก็โทรเวลาเดิมจ้า...ฮีรับโทรศัพท์แล้วบอกว่ากำลังดูหนังกับน้องอยู่เดี๋ยวโทรกับนะ เอาไงไหนบอกว่าจะไปไหนอะไรจะโทรบอกก่อนไง แล้วที่เมื่อวานบอกว่าป่วยอะไรอย่างไง (แต่ไม่เคยคิดว่าเขามีใครนะค่ะ เพราะคบกับใครเชื่อใจตลอด) พอพี่กอโทรมาหาเราแต่โทรมาอีกวันนะค่ะประมาณว่าวันนี้จะสามทุ่มแล้วทำไมเรายังไม่โทรไปประมาณนั้น แต่เราก็ปณิธานตัวเองในครั้งนี้ว่าเราจะให้อภัยเขาได้แค่สามครั้ง ถ้าเขาทำครบสามครั้งเมื่อไรเราจะไม่ให้อภัยอีกต่อไป แต่หลังจากนั้นพี่กอก็ทำอีกค่ะ แล้วก็ไม่ค่อยจะโทรมาบอกว่าออกไปไหนอย่างไงเมื่อไร เราโทรไปก็จะเจอทุกทีว่าอยู่กับเพื่อน ก็ยังให้อภัยเสมอนะที่ตังปณิธานไว้
แต่ประเด็นที่สาม ครั้งนี้เป็นครั้งที่แตกหักเลยค่ะ วันนั้นเป็นวันวาเลนไทน์ เอานะปกติเราก็ไม่ค่อยหวานให้กันอะไร แต่ก็มีไปกินข้าวด้วยกันถ้าอยู่ด้วยกัน ถ้าไกลกันก็จะบอกรักกันบ้าง ครั้งนี้มันไม่แน่ใจว่าเรารักพี่กอจริงหรือป่าว หรือแค่อยากเปลี่ยนนิสัยเขา เราก็โทรไปปกตินะ ตามเวลาเดิมพี่กอก็ไม่รับ อืมอาจยังไม่ว่างเนาะไม่เป็นไรอีกชั่วโมงโทรไปหละกัน พอโทรไปค่ะ
พี่กอ : (ตะหวาดเลยจ้าเสียงดังด้วย) พี่อยู่กับเพื่อนโทรมาทำไม ครั้งแรกไม่รับก็น่าจะรู้
เรา : (จะรู้มั้ยว่าที่ไม่รับอยู่กับเพื่อนก็ไหนบอกว่าจะโทรมาบอกก่อนว่าจะไปไหนจะได้ไม่รบกวนนี้เราผิดสินะ) ไม่รู้อะนึกว่าอาบน้ำ
พี่กอ : ตอนนี้ก็รู้แล้วนี้ เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงโทรมาใหม่หละกัน
เรา : ได้ค่อยไว้ว่ากัน (นี้เราต้องโทรไปหาอีกหรอ อุตสาห์จะโทรมาคุยแล้ว นี้ก็วาเลนไทน์คุยกับแฟนก่อนมั้ย)
พี่กอ : อืมแค่นี้นะ
แล้วก็ว่างสายไปจ้า เราก็ได้แต่ปี๊ดแตกคนเดียวที่บ้าน ร้องไห้สักพักแล้วก็ตัดสินใจจับโทรศัพท์มาส่งข้อความไปว่า "เราเลิกกันเถอะ" นางคนนี้ขอตัดใจจ้า
แต่จริงๆๆ แล้วที่คิดว่าควรจะตัดสินใจได้แล้วเพราะว่าเรามองไม่เห็นอนาคตเราต่างหาก ทำไมเราต้องเปลี่นแปลงตัวเองเพื่อเขาด้วย แต่เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเขาเองเพื่อเราเลย บวกกับว่าเราสะสมสิ่งที่เขาทำมาเยอะด้วย หลังจากวันนั้นเราไม่โทรไปหาเขาเลยประมาณ 3 วัน (แต่ร้องไห้ทุกวันนะจ่ะ ไม่มีวันไหนที่จะไม่ร้องไห้เลย) เราก็ตัดสินใจโทรไปหาเขา
พี่ก้อ : เป็นไงบ้าง (ทำเหมือนไม่ได้อ่านข้อความ)
เรา : เห็นข้อความที่น้อง (ขอใช้เรียกคำว่าน้องแทนชื่อตัวเองนะค่ะ) ส่งไปหรือป่าว
พี่ก้อ : เห็นแล้ว
เรา : เห็นแล้วว่าอย่างไง
พี่ก้อ : ก็แล้วแต่น้อง
เรา : งั้นตามนั้นนะ
แล้วเราก็ว่าโทรศัพท์ไปเลยจ้า และไม่มีน้ำตาอีกเลยเพราะว่าคำพูดที่ว่า "ก็แล้วแต่น้อง" นี้หละค่ะที่ทำให้ทุกอย่างมันขาดจากกันแบบง่ายที่สุด แต่ก็มีคนช่วยดามหัวใจอย่างเร็วนะค่ะเพราะว่า....
////ขอบอกว่าดิฉันก็มีคนมาจีบอยู่จ้า... แต่ตอนที่คบกับพี่กอ ก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับใครเพราะเป็นคนรักเดียวใจด้วยจ้า...55555+////
***มาแล้วจ้าถึงหน้าที่ของผู้ชายธรรมดาที่ไม่ธรรมดาแล้ว***
ประมาณเดือนมกราคมก่อนที่เราจะบอกเลิกกะพี่กอ ก็พอดีว่าพี่ที่ทำงานเสียชีวิต เพื่อการจัดงานศพอย่างสมเกียติการทำหน้าที่การงานพี่ที่เสียชีวิต ทางหัวหน้าก็เลยจัดชุดลูกน้องที่อยู่ในหน่วยออกมา (อย่างที่บอกจ้าว่าเราทำงานป่าไม้มันต้องติดป่าใช่มั้ยแต่เราทำงานอยู่ในเมืองนะ) ส่งศพพี่เขาให้สมเกียรติ ก็มีผู้ชายนั่งท้ายรถมาพูดแซวมาว่า"น่ารักจังเลยเจอกันตอนกินเลี้ยงปีใหม่นะ" เสียงแซวๆๆ อี้วๆๆๆอะไรประมาณเนี้ย...ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรนะตอนที่มีงานเผาศพ เพราะว่าเราต้องเจอกับเจ้าหน้าที่ที่ออกมาช่วยงานในหน่วยงานกลางอยู่แล้ว (ตอนเผาศพนั้นเป็นสิ้นเดือนมกราคมพอดีแล้วเราก็เครียดๆๆ เรื่องพี่กอด้วยเลยไม่ได้คิดอะไรมากนัก) แต่ก็แปลกใจอยู่ว่าปกติพวกพี่เขาไม่ค่อยจะแซวเราเท่าไรเพราะรู้จักกันดี...
และแล้วก็มาถึงวันงานเลี้ยงปีใหม่ ทางหน่วยงานภาคสนามแห่งนั้นก็ให้เราเป็นพิธีกรในงานเพราะว่าไม่มีใครก็เลยได้รับหน้าที่เป็นพิธีกร ก็มีพี่หญิง (รู้กันหละกันว่าเป็นผู้หญิงนะ) เขาให้เอาซองกฐินไปให้พี่เสื้อฟ้า (คนนี้หละจ้าผู้ชายธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของเราและมารู้ที่หลังว่าพี่ๆ ในที่ทำงานลุ้นเรากับพี่เสื้อฟ้าเต็มที่เพราะพี่เสื้อฟ้าเขาบอกว่าชอบเราอิอิ) พอเราเอาไปให้เขาก็หน้าแดง อาย แบบว่าอยากจะหนีไปทางอี่นเลยอะ...คนแซวกันเยอะมาก เราก็งงว่าผู้ชายคนนี้ทำไมขี้อายจริง จากนั้นก็เลยพิธีการของการเลี้ยงงานปีใหม่มีร้องเพลงสลับไปกับการจับฉลากรางวัล โดยเรียกตามหน่วยฯที่เขาสังกัดกันอยู่ ก็ต้องมีดริ้งกันบ้างจ้า เราก็สปายสิคะเพราะว่าผุ้หญิงมีอยู่หลายคน หัวหน้าเขาก็จัดให้เต็มที่ เพราะพาส่วนกลางมาผ่อนคลายแทนมากับผอ.อีกต่างหาก แล้วพวกพี่ๆๆ ที่นั่งวงเราก็บอกว่าให้เราไปคุยกับพี่เสี้อฟ้าเขาบอกว่าจะให้สปายลังหนึ่ง แต่ก็มีพี่หญิงบอกว่ามันขี้งกแต่ถ้าน้องมาได้มันจะให้ลังหนึ่ง เราก็เอาสิหน้าด้านอยู่แล้ว เดินไปเลยจ้าก็เดินถือแก้วสปายไปเลย คนอย่างน้องใจกล้าจ้า
เรา : สวัสดีค่ะพี่ๆๆ (วงนี้วงใหญ่ก็สวัสดีกันไปทุกคน)
พี่เจ้าหน้าที่ : จ้า ชนแก้ว
(ส่วนพี่เสื้อฟ้าอยากจะมุดหนีเลยจ้าถ้ามุดดินได้ลงดิน ดำดินไปแล้ว 5555 เราก็พูดเกินไป) เราก็ชนแก้ว
เรา : พี่เสื้อฟ้า สปายหนูหมดซื้อให้หน่อยสิ (เอาสิเราก็พี่หญิงบอกว่าพี่จะให้สปายหนูก็ใส่เต็มเพราะว่าจะได้กินให้เมาๆๆๆลืมพี่กอไปเลยจ้า)
พี่เสื้อฟ้า : ได้ๆๆ เดี๋ยวบอกพี่หญิงมานะเดี๋ยวพี่จัดการให้
เรา : จ้าขอบคุณนะค่ะ แล้วพี่ได้ของขวัญหรือยัง
พี่เสื้อฟ้า : ยังไม่ถึงที่พี่จับเลย
เรา : ถ้าจับได้ขอนะ (คุยแบบทีเล่นทีจริงอิอิ ใจก็งกอยากได้ของขวัญด้วย 555)
พี่เสื้อฟ้า : ได้ถ้าได้แล้วพี่จะให้นะ
เราก็ยิ้มแล้วก็เดินไปหาพี่หญิงบอกให้พี่หญิงไปเอาสปาย บอกก่อนว่าที่จัดเลี้ยงปีใหม่นั้นอยู่บนเขาบนดอยก็มีร้านค้าสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ พี่ๆๆ ที่ทำก็รู้หน้าที่ว่างานอย่างนี้อาหารการกิน เครื่องดืมต้องไม่เพียงพอต่อจำนวนเจ้าหน้าที่ก็เลยจัดเต็มร้านจ้า ก็เลยได้กินสบายฟรีอีกจ้า....
พอหมดหน้าที่การเป็นพิธีกรก็กินเต็มที่เลยจ้า แต่เราเป็นคนกินไม่เยอะเพราะน้องที่ทำงานไปด้วยแล้วก็บอกได้เลยใครเมาก่อนได้เปรียบมันเป็นเรื่องจริงจ้า... คนทำงานเดินป่านานๆๆ จะมีงานเลี้ยงก็เลยจัดเต็มที่ เพราะตลอด 30 วันเลยต้องเดินป่า เกือบๆๆจะ 20 วันที่เหลือก็ต้องออกมาหาเสบียง มารายงานภารกิจ แล้วก็อื่นๆๆ อีก ได้เจอแสงสีเสียงทีก็เลยจัดให้แบบจุใจไป ปีหนึ่ง มีสักครั้ง จากนั้นก็รวมวงจ้าเพราะว่าผอ.บอกว่ามานั่งเป็นวงใหญ่สนุกกว่า เข้าทางพวกสนับสนุนเลยจ้าจัดพี่เสื้อฟ้ามานั่งใกล้เรา ตอนนี้เราก็ถึงกับบางอ้อเลยเพราะเขาใจพวกพี่เขาทุกคน เพราะเขารู้จักพี่กอเราดี แล้วอยากให้เราได้คนที่ดีจ้า เราก็เต็มที่กับการกิน แต่อากาศไม่เอื้ออำนวยกับเราท่านภูมิแพ้มาแบบไม่ให้รู้ตัว ก็ต้องกลับที่ตั้งสิค่ะ ขอตัวไปนอน พี่เสื้อฟ้าเขาก็อาสาไปส่ง ที่หน้าที่พักเรามีที่นั่งเป็นศาลา พี่เสื้อฟ้าบอกว่าของให้นั่งคุยกันก่อนได้มั้ย บอกเลยว่าพี่เสื้อฟ้าเมานะจ่ะ พูดแบบใจกล้ามาก อ๋อน้ำเปลี่ยนนิสัยทำให้ใจกล้าพูดได้เนาะ
พี่เสื้อฟ้า : พี่มีเรื่องจะพูดด้วยนะ
เรา : จ้าว่าไงพี่เสื้อฟ้า
พี่เสื้อฟ้า : พี่ขอพูดๆๆๆ เออพูดๆๆๆๆ แล้วก็เงียบ
เรา : อะไรค่ะพี่เสื้อฟ้า พูดมาเลย
พี่เสื้อฟ้า : ถ้าน้องกลับพี่ขอเบอร์โทรหาได้มั้ย
เรา : ได้เลยพี่ เพราะว่าเบอร์น้องก็อยู่ที่นี้อยู่แล้วพี่เอาได้เลย
พี่เสื้อฟ้า : พี่จะขอส่วนตัวได้มั้ย เพราะพี่ไม่กล้าไปขอ
เรา : อ๋อได้จ้า เดี๋ยวจดให้ (เราก็จดไปแล้วพี่เขาก็เก็บไว้อย่างดี) แต่จะเอาไปคุยอะไร
พี่เสื้อฟ้า : จะเอาทองไปหมั้น พรุ่งจะซื้อทองไปเลย
เราเอาหละสิผู้ชายคนนี้พูดทีพี่ตั้งตัวไม่ทันนะ พี่เสื้อฟ้าเล่นพูดแบบนี้ อายสิค่ะ ทำไรไม่ถูกเลยจ้า...
การสนทนาตอนนั้นทำเอาเราคนที่ใจกล้าหน้าด้านอายเป็นเหมือนกันนะจ่ะ....
เลิกกับเขา แล้วพบเธอ... ผู้ชายที่ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา...^o^
อยากบอกว่าเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นจริง กับตัวเอง ไม่ได้เสริมแต่งแต่อย่างใดจ้า
***ก่อนอื่นต้องเกริ่นถึงแฟนเก่าก่อน เพราะเรื่องราวมาจากเขาถึงได้มาเจอคุณสามีค่ะ***
คบกันแฟนเก่ามาได้เกือบ 8 ปีค่ะ พี่กอเขาเข้ามาจีบเราก่อน (ตั้งชื่อให้เขาว่าพี่กอหละกันและเขาอายุมากกว่าเรา 2 ปีจ้า) เราเข้ามาทำงานที่ร้านคอมพิวเตอร์ด้วยการแนะนำของเพื่อนก็เลยได้เจอพี่กอ เป็นคนที่เทคแคร์ดูแลดีมาก ก็เลยตัดสินใจเป็นแฟนกัน (เป็นช่วงระยะเวลาโปรโมชั่น จากนั้นก็กับเป็นเหมือนเดิม) แต่ว่าที่บ้านเราไม่เห็นด้วยเพราะว่าเขาเป็นคนมั่นใจในตัวเอง ไม่สนใจใครในบ้านเรา อยากจะพาเราไปไหนก็ไป ไม่เคยขอที่บ้านเราเลย ที่บ้านเราเลยดูเป็นหัวหลักหัวตอและก็อยากให้เลิกกันตั้งแต่ที่คบกันเลย พี่กอมักจะมั่นใจว่าตัวเองหล่อ คารมดี ผู้หญิงชอบ ไม่ค่อยจะสนใจแฟนตัวเอง แต่กับสนใจเพื่อนๆ มากกว่า เขามักจะบอกเราเสมอว่าเพื่อนสำคัญที่สุด ช่วงที่คบพี่กอเขาไม่เคยจะมาสสุงสิงกับเพื่อนเราเลย ทำให้เรากลายเป็นคนไม่เอาเพื่อน นี้แหละค่ะที่ว่านิสัยเดิมๆๆ หลังจากคบกันได้ 3 ปี พี่กอก็เรียนจบและไปทำงานที่กรุงเทพฯ (พี่กอจบปวส.หลายปีแล้วค่ะ แล้วก็มาเรียนต่อป.ตรี) และเราก็ได้เปลี่ยนงานมาทำงานป่าไม้ จากนั้นก็ไปๆ มาๆ หากันบ้างส่วนใหญ่จะโทรศัพท์หากันเพราะว่าเราและพี่กอทำงานในระบบราชการจึงจะเจอกันเฉพาะเวลาหยุดยาวๆๆ แต่ว่าก็จะเจอกับเราแค่เต็มที่ไม่เกิน 2 ชั่วโมงแบบอยู่กันสองคนนะค่ะ จากนั้นก็จะต้องมีเพื่อนเขาอยู่ด้วยกันเสมอ หรือไม่เขาก็จะไปหาครอบครัวพ่อพี่กอที่ต่างจังหวัด (พ่อกับแม่พี่กอแยกทางกันค่ะ) แต่เราไม่ได้มีโอกาสที่พี่กอจะให้เราไปด้วยนะค่ะ การติดต่อกันส่วนใหญ่จะเป็นโทรศัพท์ โดยส่วนมากเราจะเลือกโทรหาพี่กอช่วงเวลา ทุ่ม หรือ สองทุ่มประมาณเนี้ยค่ะ แต่โทรหาทุกวัน แล้วเราก็จะโทรหาเขาเป็นส่วนมาก มีอยู่วันหนึ่งพี่กอก็ถามเราว่า : น้องโทรหาพี่ทุกวันเพื่ออะไร
เรา : (เอ้าก็คนคิดถึงนี่หว่าหรือมันไม่คิดถึงเราว่ะ) ก็อยากรู้ว่าพี่เป็นไงแล้วก็อยากคุยด้วย ไม่สะดวกหรอ
พี่กอ: บางทีอยู่กับเพื่อนก็ไม่สะดวก เหมือนทำไมต้องโทรมาตลอดขี้เกียจคุย
เรา : (อืมมันบอกว่าเพื่อนสำคัญกว่าแฟนตั้งแต่แรกอยู่แล้วเนาะ) งั้นถ้าพี่ไม่สะดวกโทรมาบอกก่อนหละกันนะจะได้รู้จะได้ไม่ต้องโทร
เป็นอันว่าเราก็พี่กอมีข้อตกลงกันไว้อย่างนี้ พี่กอทำได้บ้างไม่ได้บ้าง จะไปใหนโทรบอกบ้างแต่เป็นส่วนน้อยพอเราโทรไปจังหวะไม่ดีก็โดนด่าสิค่ะตามระเบียบต่อไป
จุดที่ทำให้เราคิดว่าเราคงต้องเลิกกับพี่กอประเด็นแรก ก็คือว่าที่บ้านเราก็มีปัญหาคือหลานชายของเราเป็นโรคหัวใจต้องไปผ่าตัดเราเลยเลือกไปผ่าตัดกันที่กรุงเทพฯ หลังจากที่หมอให้หลานเรานอนโรงพยาบาลเพื่อรอการผ่าตัด พวกเราก็เลยต้องหาที่นอน ก็เลยไปขอพี่กอนอน ที่ไปมีเรา แม่ น้องสาว น้องเขย ก็เลยไปขอพี่กอนอนที่ห้อง ก็มีโว้ยวายว่า
พี่กอ: ถ้ามานอนแล้วอย่ามาว่านะว่าห้องนะสกปรก
เรา: อืมแล้วจะให้นอนหรือป่าว (เพราะเวลานั้นหาที่นอนกันไม่ได้แล้ว และเราเคยว่ามันหรอ เริ่มมีอารมณ์แล้ว)
พี่กอ: มาก็มา
สรุปว่าเราก็ต้องไปพึ่งพี่กอค่ะ และมันเป็นการสั่งสมอารมณ์เราเลยที่เดียวที่คิดจะเลิกกับเขาเพราะว่าอะไรหรอค่ะ ห้องเขามีเตียงอยู่ 1 เตียง การที่เขาคิดจะมาเป็นลูกเขยบ้านเราก็ต้องเคารพแม่เรา แต่เขาให้แม่เรานอนที่พื้นค่ะเขานอนบนเตียงเรานี้ปี๊ดแตกแต่ไม่พูดเพราะว่าหลานผ่าตัดก็เครียดกันมากพอแล้ว เลยอดทนไว้ แค่นอนคืนเดียวเอง นี้คือความสะสมที่ทำให้เราคิดเลิกเลยนะค่ะ
ประเด็นที่สอง หลังจากนั้นเราโทรไปหาเขาบอกว่าไม่สบาย เราก็ไม่อยากกวนเลยบอกว่ากินยาพักผ่อนนะ พรุ่งนี้จะโทรหาอีกทีว่าอาการเป็นอย่างไง ก็โอเคนะไม่มีอะไร วันรุ่งขึ้นโทรหาจะถามว่าอาการเป็นไง เราก็โทรเวลาเดิมจ้า...ฮีรับโทรศัพท์แล้วบอกว่ากำลังดูหนังกับน้องอยู่เดี๋ยวโทรกับนะ เอาไงไหนบอกว่าจะไปไหนอะไรจะโทรบอกก่อนไง แล้วที่เมื่อวานบอกว่าป่วยอะไรอย่างไง (แต่ไม่เคยคิดว่าเขามีใครนะค่ะ เพราะคบกับใครเชื่อใจตลอด) พอพี่กอโทรมาหาเราแต่โทรมาอีกวันนะค่ะประมาณว่าวันนี้จะสามทุ่มแล้วทำไมเรายังไม่โทรไปประมาณนั้น แต่เราก็ปณิธานตัวเองในครั้งนี้ว่าเราจะให้อภัยเขาได้แค่สามครั้ง ถ้าเขาทำครบสามครั้งเมื่อไรเราจะไม่ให้อภัยอีกต่อไป แต่หลังจากนั้นพี่กอก็ทำอีกค่ะ แล้วก็ไม่ค่อยจะโทรมาบอกว่าออกไปไหนอย่างไงเมื่อไร เราโทรไปก็จะเจอทุกทีว่าอยู่กับเพื่อน ก็ยังให้อภัยเสมอนะที่ตังปณิธานไว้
แต่ประเด็นที่สาม ครั้งนี้เป็นครั้งที่แตกหักเลยค่ะ วันนั้นเป็นวันวาเลนไทน์ เอานะปกติเราก็ไม่ค่อยหวานให้กันอะไร แต่ก็มีไปกินข้าวด้วยกันถ้าอยู่ด้วยกัน ถ้าไกลกันก็จะบอกรักกันบ้าง ครั้งนี้มันไม่แน่ใจว่าเรารักพี่กอจริงหรือป่าว หรือแค่อยากเปลี่ยนนิสัยเขา เราก็โทรไปปกตินะ ตามเวลาเดิมพี่กอก็ไม่รับ อืมอาจยังไม่ว่างเนาะไม่เป็นไรอีกชั่วโมงโทรไปหละกัน พอโทรไปค่ะ
พี่กอ : (ตะหวาดเลยจ้าเสียงดังด้วย) พี่อยู่กับเพื่อนโทรมาทำไม ครั้งแรกไม่รับก็น่าจะรู้
เรา : (จะรู้มั้ยว่าที่ไม่รับอยู่กับเพื่อนก็ไหนบอกว่าจะโทรมาบอกก่อนว่าจะไปไหนจะได้ไม่รบกวนนี้เราผิดสินะ) ไม่รู้อะนึกว่าอาบน้ำ
พี่กอ : ตอนนี้ก็รู้แล้วนี้ เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงโทรมาใหม่หละกัน
เรา : ได้ค่อยไว้ว่ากัน (นี้เราต้องโทรไปหาอีกหรอ อุตสาห์จะโทรมาคุยแล้ว นี้ก็วาเลนไทน์คุยกับแฟนก่อนมั้ย)
พี่กอ : อืมแค่นี้นะ
แล้วก็ว่างสายไปจ้า เราก็ได้แต่ปี๊ดแตกคนเดียวที่บ้าน ร้องไห้สักพักแล้วก็ตัดสินใจจับโทรศัพท์มาส่งข้อความไปว่า "เราเลิกกันเถอะ" นางคนนี้ขอตัดใจจ้า
แต่จริงๆๆ แล้วที่คิดว่าควรจะตัดสินใจได้แล้วเพราะว่าเรามองไม่เห็นอนาคตเราต่างหาก ทำไมเราต้องเปลี่นแปลงตัวเองเพื่อเขาด้วย แต่เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเขาเองเพื่อเราเลย บวกกับว่าเราสะสมสิ่งที่เขาทำมาเยอะด้วย หลังจากวันนั้นเราไม่โทรไปหาเขาเลยประมาณ 3 วัน (แต่ร้องไห้ทุกวันนะจ่ะ ไม่มีวันไหนที่จะไม่ร้องไห้เลย) เราก็ตัดสินใจโทรไปหาเขา
พี่ก้อ : เป็นไงบ้าง (ทำเหมือนไม่ได้อ่านข้อความ)
เรา : เห็นข้อความที่น้อง (ขอใช้เรียกคำว่าน้องแทนชื่อตัวเองนะค่ะ) ส่งไปหรือป่าว
พี่ก้อ : เห็นแล้ว
เรา : เห็นแล้วว่าอย่างไง
พี่ก้อ : ก็แล้วแต่น้อง
เรา : งั้นตามนั้นนะ
แล้วเราก็ว่าโทรศัพท์ไปเลยจ้า และไม่มีน้ำตาอีกเลยเพราะว่าคำพูดที่ว่า "ก็แล้วแต่น้อง" นี้หละค่ะที่ทำให้ทุกอย่างมันขาดจากกันแบบง่ายที่สุด แต่ก็มีคนช่วยดามหัวใจอย่างเร็วนะค่ะเพราะว่า....
////ขอบอกว่าดิฉันก็มีคนมาจีบอยู่จ้า... แต่ตอนที่คบกับพี่กอ ก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับใครเพราะเป็นคนรักเดียวใจด้วยจ้า...55555+////
***มาแล้วจ้าถึงหน้าที่ของผู้ชายธรรมดาที่ไม่ธรรมดาแล้ว***
ประมาณเดือนมกราคมก่อนที่เราจะบอกเลิกกะพี่กอ ก็พอดีว่าพี่ที่ทำงานเสียชีวิต เพื่อการจัดงานศพอย่างสมเกียติการทำหน้าที่การงานพี่ที่เสียชีวิต ทางหัวหน้าก็เลยจัดชุดลูกน้องที่อยู่ในหน่วยออกมา (อย่างที่บอกจ้าว่าเราทำงานป่าไม้มันต้องติดป่าใช่มั้ยแต่เราทำงานอยู่ในเมืองนะ) ส่งศพพี่เขาให้สมเกียรติ ก็มีผู้ชายนั่งท้ายรถมาพูดแซวมาว่า"น่ารักจังเลยเจอกันตอนกินเลี้ยงปีใหม่นะ" เสียงแซวๆๆ อี้วๆๆๆอะไรประมาณเนี้ย...ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรนะตอนที่มีงานเผาศพ เพราะว่าเราต้องเจอกับเจ้าหน้าที่ที่ออกมาช่วยงานในหน่วยงานกลางอยู่แล้ว (ตอนเผาศพนั้นเป็นสิ้นเดือนมกราคมพอดีแล้วเราก็เครียดๆๆ เรื่องพี่กอด้วยเลยไม่ได้คิดอะไรมากนัก) แต่ก็แปลกใจอยู่ว่าปกติพวกพี่เขาไม่ค่อยจะแซวเราเท่าไรเพราะรู้จักกันดี...
และแล้วก็มาถึงวันงานเลี้ยงปีใหม่ ทางหน่วยงานภาคสนามแห่งนั้นก็ให้เราเป็นพิธีกรในงานเพราะว่าไม่มีใครก็เลยได้รับหน้าที่เป็นพิธีกร ก็มีพี่หญิง (รู้กันหละกันว่าเป็นผู้หญิงนะ) เขาให้เอาซองกฐินไปให้พี่เสื้อฟ้า (คนนี้หละจ้าผู้ชายธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของเราและมารู้ที่หลังว่าพี่ๆ ในที่ทำงานลุ้นเรากับพี่เสื้อฟ้าเต็มที่เพราะพี่เสื้อฟ้าเขาบอกว่าชอบเราอิอิ) พอเราเอาไปให้เขาก็หน้าแดง อาย แบบว่าอยากจะหนีไปทางอี่นเลยอะ...คนแซวกันเยอะมาก เราก็งงว่าผู้ชายคนนี้ทำไมขี้อายจริง จากนั้นก็เลยพิธีการของการเลี้ยงงานปีใหม่มีร้องเพลงสลับไปกับการจับฉลากรางวัล โดยเรียกตามหน่วยฯที่เขาสังกัดกันอยู่ ก็ต้องมีดริ้งกันบ้างจ้า เราก็สปายสิคะเพราะว่าผุ้หญิงมีอยู่หลายคน หัวหน้าเขาก็จัดให้เต็มที่ เพราะพาส่วนกลางมาผ่อนคลายแทนมากับผอ.อีกต่างหาก แล้วพวกพี่ๆๆ ที่นั่งวงเราก็บอกว่าให้เราไปคุยกับพี่เสี้อฟ้าเขาบอกว่าจะให้สปายลังหนึ่ง แต่ก็มีพี่หญิงบอกว่ามันขี้งกแต่ถ้าน้องมาได้มันจะให้ลังหนึ่ง เราก็เอาสิหน้าด้านอยู่แล้ว เดินไปเลยจ้าก็เดินถือแก้วสปายไปเลย คนอย่างน้องใจกล้าจ้า
เรา : สวัสดีค่ะพี่ๆๆ (วงนี้วงใหญ่ก็สวัสดีกันไปทุกคน)
พี่เจ้าหน้าที่ : จ้า ชนแก้ว
(ส่วนพี่เสื้อฟ้าอยากจะมุดหนีเลยจ้าถ้ามุดดินได้ลงดิน ดำดินไปแล้ว 5555 เราก็พูดเกินไป) เราก็ชนแก้ว
เรา : พี่เสื้อฟ้า สปายหนูหมดซื้อให้หน่อยสิ (เอาสิเราก็พี่หญิงบอกว่าพี่จะให้สปายหนูก็ใส่เต็มเพราะว่าจะได้กินให้เมาๆๆๆลืมพี่กอไปเลยจ้า)
พี่เสื้อฟ้า : ได้ๆๆ เดี๋ยวบอกพี่หญิงมานะเดี๋ยวพี่จัดการให้
เรา : จ้าขอบคุณนะค่ะ แล้วพี่ได้ของขวัญหรือยัง
พี่เสื้อฟ้า : ยังไม่ถึงที่พี่จับเลย
เรา : ถ้าจับได้ขอนะ (คุยแบบทีเล่นทีจริงอิอิ ใจก็งกอยากได้ของขวัญด้วย 555)
พี่เสื้อฟ้า : ได้ถ้าได้แล้วพี่จะให้นะ
เราก็ยิ้มแล้วก็เดินไปหาพี่หญิงบอกให้พี่หญิงไปเอาสปาย บอกก่อนว่าที่จัดเลี้ยงปีใหม่นั้นอยู่บนเขาบนดอยก็มีร้านค้าสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ พี่ๆๆ ที่ทำก็รู้หน้าที่ว่างานอย่างนี้อาหารการกิน เครื่องดืมต้องไม่เพียงพอต่อจำนวนเจ้าหน้าที่ก็เลยจัดเต็มร้านจ้า ก็เลยได้กินสบายฟรีอีกจ้า....
พอหมดหน้าที่การเป็นพิธีกรก็กินเต็มที่เลยจ้า แต่เราเป็นคนกินไม่เยอะเพราะน้องที่ทำงานไปด้วยแล้วก็บอกได้เลยใครเมาก่อนได้เปรียบมันเป็นเรื่องจริงจ้า... คนทำงานเดินป่านานๆๆ จะมีงานเลี้ยงก็เลยจัดเต็มที่ เพราะตลอด 30 วันเลยต้องเดินป่า เกือบๆๆจะ 20 วันที่เหลือก็ต้องออกมาหาเสบียง มารายงานภารกิจ แล้วก็อื่นๆๆ อีก ได้เจอแสงสีเสียงทีก็เลยจัดให้แบบจุใจไป ปีหนึ่ง มีสักครั้ง จากนั้นก็รวมวงจ้าเพราะว่าผอ.บอกว่ามานั่งเป็นวงใหญ่สนุกกว่า เข้าทางพวกสนับสนุนเลยจ้าจัดพี่เสื้อฟ้ามานั่งใกล้เรา ตอนนี้เราก็ถึงกับบางอ้อเลยเพราะเขาใจพวกพี่เขาทุกคน เพราะเขารู้จักพี่กอเราดี แล้วอยากให้เราได้คนที่ดีจ้า เราก็เต็มที่กับการกิน แต่อากาศไม่เอื้ออำนวยกับเราท่านภูมิแพ้มาแบบไม่ให้รู้ตัว ก็ต้องกลับที่ตั้งสิค่ะ ขอตัวไปนอน พี่เสื้อฟ้าเขาก็อาสาไปส่ง ที่หน้าที่พักเรามีที่นั่งเป็นศาลา พี่เสื้อฟ้าบอกว่าของให้นั่งคุยกันก่อนได้มั้ย บอกเลยว่าพี่เสื้อฟ้าเมานะจ่ะ พูดแบบใจกล้ามาก อ๋อน้ำเปลี่ยนนิสัยทำให้ใจกล้าพูดได้เนาะ
พี่เสื้อฟ้า : พี่มีเรื่องจะพูดด้วยนะ
เรา : จ้าว่าไงพี่เสื้อฟ้า
พี่เสื้อฟ้า : พี่ขอพูดๆๆๆ เออพูดๆๆๆๆ แล้วก็เงียบ
เรา : อะไรค่ะพี่เสื้อฟ้า พูดมาเลย
พี่เสื้อฟ้า : ถ้าน้องกลับพี่ขอเบอร์โทรหาได้มั้ย
เรา : ได้เลยพี่ เพราะว่าเบอร์น้องก็อยู่ที่นี้อยู่แล้วพี่เอาได้เลย
พี่เสื้อฟ้า : พี่จะขอส่วนตัวได้มั้ย เพราะพี่ไม่กล้าไปขอ
เรา : อ๋อได้จ้า เดี๋ยวจดให้ (เราก็จดไปแล้วพี่เขาก็เก็บไว้อย่างดี) แต่จะเอาไปคุยอะไร
พี่เสื้อฟ้า : จะเอาทองไปหมั้น พรุ่งจะซื้อทองไปเลย
เราเอาหละสิผู้ชายคนนี้พูดทีพี่ตั้งตัวไม่ทันนะ พี่เสื้อฟ้าเล่นพูดแบบนี้ อายสิค่ะ ทำไรไม่ถูกเลยจ้า...
การสนทนาตอนนั้นทำเอาเราคนที่ใจกล้าหน้าด้านอายเป็นเหมือนกันนะจ่ะ....