สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ปกติสายสัญญาณเครื่องเสียงจะราคาแบบนี้แหละ ส่วนใหญ่ก็ทองแดงไม่ก็เงิน OFC เกรดนับไป N เช่น สายทองแดง OFC 7N หมายถึงทองแดงบริสุทธิ์ 99.99999%
เกรดถูกๆ ที่ใช้ทั่วไปก็ 2-4N (99%-99.99%)
นอกจากนี้ยังมีวิธีทำให้ผลึกทองแดงมีขนาดใหญ่และมีน้อยชิ้นโดยการทำให้ทองแดงเย็นตัวลงช้าๆ
ซึ่งเท่าที่ผมเคยลองมามีผลเยอะกับแค่สัญญาณ Analog ส่วนที่มีผลเยอะก็เช่นพวก สายสัญญาณที่ต่อจาก Transport/DAC -> Pre-amp -> Power Amp-> Speakers
ส่วนสาย Digital แบบ Coax มีผลอยู่บ้าง แต่หลักๆ คือ ถ้าทำให้สายมันความต้านทานอยู่ที่ 75 Ohm (ถ้าเป็น Balanced ต้อง 110 Ohm) ความแตกต่างระหว่างสาย Coax OFC เกรดสูงๆ กับสาย Coax ธรรมดา ต่ำมาก ถ้าเครื่องเสียง ไม่ขี้ฟ้องฟังไม่ออกหรอก แต่บอกตรงๆ จะเอาเงินมาเสียกับสายพวกนี้ สู้เปิดฝาเครื่องอัพเกรด IC ตัวที่คุมสัญญาณนาฬิกาดีกว่า เพราะถ้าตัวนี้ไม่ดี Jitter เพียบ ค่าตัว Clock IC เกรดดีๆ ตัวไม่กี่ร้อย
ส่วนสาย Digital แบบ Optics พวกเล่นเครื่องเสียงซีเรียสๆ ไม่ค่อยเล่น เพราะเสียงแย่กว่า Coax แล้วจะทำให้ดีเท่า Coax เสียเงินเยอะ หลักๆ คือมันผ่านวงจรแปลงสัญญาณไฟฟ้าเป็นแสง สายสัญญาณ แล้วก็วงจรแปลงแสงกลับเป็นสัญญาณไฟฟ้าอีกที ระหว่างทางมีตัวห่วยตัวนึงก็เสียงออกมาแย่ล่ะ แล้วที่มันมีผลเยอะ เพราะสัญญาณที่ส่งผ่าน SP/DIF Digital Out สมัยก่อนมันใช้แค่ Parity Bit ไม่ใช่ CRC Checksum มีโอกาสที่ข้อมูลจะผิดพลาดอยู่พอสมควร
กับสัญญาณ Digital ขึ้นอยู่กับโครงสร้างข้อมูล พวกข้อมูลที่ส่งตาม LAN จะมี CRC Checksum ติดไปด้วย ส่วนเรื่องสัญญาณรบกวนอื่น ใช้สาย Shield ก็กันได้จ๊ะ แล้วก็ Jitter นี่มันก็มี Protocol ในการจัดการอยู่แล้ว แล้ว Clock IC ในเครื่องคอมมันแม่นพอสมควรเพราะมันทำงานที่ความถี่สูงมาก เมื่อเทียบกับพวกเครื่องเสียง
ว่าง่ายๆ คือ ที่เขาเปลี่ยนมาใช้ สาย LAN เพราะต้องการใช้ข้อได้เปรียบจาก Protocol ของการส่งข้อมูลผ่านระบบ LAN ที่มันคุมเรื่อง Jitter, Data Correction และอื่นๆ ได้ดีกว่า SP/DIF โดยที่ไม่ต้องไปซีเรียสเรื่องคุณภาพสายสัญญาณมาก แต่พอเปลี่ยน Platform มาก็ยังมีพวกเล่นเครื่องเสียงที่ยึดติดกับความเชื่อเก่าๆ ในระบบเดิมอยู่ ก็มีคนทำสายแพงๆ แบบนี้ออกมาหากินนะ
หลังๆ ก็มีการดัดหลังพวกนี้ โดยการทำออกมาแบบไม่ใช้สาย
เลย ต่อผ่าน Wi-Fi/Wi-Max Bluetooth
credit : Facebook Tong Felis Catus
เกรดถูกๆ ที่ใช้ทั่วไปก็ 2-4N (99%-99.99%)
นอกจากนี้ยังมีวิธีทำให้ผลึกทองแดงมีขนาดใหญ่และมีน้อยชิ้นโดยการทำให้ทองแดงเย็นตัวลงช้าๆ
ซึ่งเท่าที่ผมเคยลองมามีผลเยอะกับแค่สัญญาณ Analog ส่วนที่มีผลเยอะก็เช่นพวก สายสัญญาณที่ต่อจาก Transport/DAC -> Pre-amp -> Power Amp-> Speakers
ส่วนสาย Digital แบบ Coax มีผลอยู่บ้าง แต่หลักๆ คือ ถ้าทำให้สายมันความต้านทานอยู่ที่ 75 Ohm (ถ้าเป็น Balanced ต้อง 110 Ohm) ความแตกต่างระหว่างสาย Coax OFC เกรดสูงๆ กับสาย Coax ธรรมดา ต่ำมาก ถ้าเครื่องเสียง ไม่ขี้ฟ้องฟังไม่ออกหรอก แต่บอกตรงๆ จะเอาเงินมาเสียกับสายพวกนี้ สู้เปิดฝาเครื่องอัพเกรด IC ตัวที่คุมสัญญาณนาฬิกาดีกว่า เพราะถ้าตัวนี้ไม่ดี Jitter เพียบ ค่าตัว Clock IC เกรดดีๆ ตัวไม่กี่ร้อย
ส่วนสาย Digital แบบ Optics พวกเล่นเครื่องเสียงซีเรียสๆ ไม่ค่อยเล่น เพราะเสียงแย่กว่า Coax แล้วจะทำให้ดีเท่า Coax เสียเงินเยอะ หลักๆ คือมันผ่านวงจรแปลงสัญญาณไฟฟ้าเป็นแสง สายสัญญาณ แล้วก็วงจรแปลงแสงกลับเป็นสัญญาณไฟฟ้าอีกที ระหว่างทางมีตัวห่วยตัวนึงก็เสียงออกมาแย่ล่ะ แล้วที่มันมีผลเยอะ เพราะสัญญาณที่ส่งผ่าน SP/DIF Digital Out สมัยก่อนมันใช้แค่ Parity Bit ไม่ใช่ CRC Checksum มีโอกาสที่ข้อมูลจะผิดพลาดอยู่พอสมควร
กับสัญญาณ Digital ขึ้นอยู่กับโครงสร้างข้อมูล พวกข้อมูลที่ส่งตาม LAN จะมี CRC Checksum ติดไปด้วย ส่วนเรื่องสัญญาณรบกวนอื่น ใช้สาย Shield ก็กันได้จ๊ะ แล้วก็ Jitter นี่มันก็มี Protocol ในการจัดการอยู่แล้ว แล้ว Clock IC ในเครื่องคอมมันแม่นพอสมควรเพราะมันทำงานที่ความถี่สูงมาก เมื่อเทียบกับพวกเครื่องเสียง
ว่าง่ายๆ คือ ที่เขาเปลี่ยนมาใช้ สาย LAN เพราะต้องการใช้ข้อได้เปรียบจาก Protocol ของการส่งข้อมูลผ่านระบบ LAN ที่มันคุมเรื่อง Jitter, Data Correction และอื่นๆ ได้ดีกว่า SP/DIF โดยที่ไม่ต้องไปซีเรียสเรื่องคุณภาพสายสัญญาณมาก แต่พอเปลี่ยน Platform มาก็ยังมีพวกเล่นเครื่องเสียงที่ยึดติดกับความเชื่อเก่าๆ ในระบบเดิมอยู่ ก็มีคนทำสายแพงๆ แบบนี้ออกมาหากินนะ
หลังๆ ก็มีการดัดหลังพวกนี้ โดยการทำออกมาแบบไม่ใช้สาย

credit : Facebook Tong Felis Catus
ความคิดเห็นที่ 57
น่าแปลกที่นักเล่นเครื่องเสียงหลายคนทำทุกอย่างยกเว้น "แคะขี้หู" ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วขี้หูมีผลต่อเสียงที่รับได้ชัวร์ ๆ บางคนขี้หูมากน้อยแถมขี้หูในแต่ละวันไม่เท่ากัน อยากถามนักเล่นเครื่องเสียงขั้นเทพทั้งหลายว่าก่อนซึมซับสุดยอดประสบการณ์เสียงนั้น ท่านได้เคยแคะขี้หูหรือไม่?
ผมว่าอันนี้สำคัญกว่าสาย LAN เทพอีกนะ เห็นผลชัดเจนเลยเพราะบางทีผมเคยไปเคาะหูที่โรงพยาบาลมี (มีเป็นเครื่องเลย) พอออกมาปรากฎว่ารับเสียงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด !!! (แต่ถ้าแคะมากหรือทำไม่ดูแก้วหูอักเสบก็ไม่ดีอีก เสียงเพี๊ยนไปหมดต้องคาลิเบตใหม่)
ผมว่าอันนี้สำคัญกว่าสาย LAN เทพอีกนะ เห็นผลชัดเจนเลยเพราะบางทีผมเคยไปเคาะหูที่โรงพยาบาลมี (มีเป็นเครื่องเลย) พอออกมาปรากฎว่ารับเสียงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด !!! (แต่ถ้าแคะมากหรือทำไม่ดูแก้วหูอักเสบก็ไม่ดีอีก เสียงเพี๊ยนไปหมดต้องคาลิเบตใหม่)
ความคิดเห็นที่ 23
ใจเย็นครับ อย่าพึ่งใส่กันเต็มเหนี่ยวฮะ
คือ ผมก็สาวกยี่ห้อแถวๆ นี่แหละ
- หลายอย่าง ที่มันเหลือเชื่อ (สำหรับฐานะอย่างผม เปรียบเทียบ กับ Product พวกสายนำสัญญาณนี่นะ)
- สายลำโพง เมตรครึ่ง เจ็ดพัน : หูถั่วๆ อย่างผมฟังออกครับ
- สายอนาล็อก ครึ่งเมตร สามพันกว่าบาท : ให้ผลแตกต่างอย่างสังเกตุได้ชัดมาก
คำอธิบายข้อที่ 1 : ส่วนใหญ่ เราลองฟังแล้วค่อยควักเงินครับ
ทำ Blind Test ก็ได้ ฟังรู้เรื่อง
ดังนั้น ยังไง ควักแล้วมันดีขึ้นครับ แต่ดีจนคุ้มเม็ดเงินมั้ย อันนี้ขึ้นกับความหนาของกระเป๋าแต่ละคน ซึ่งไม่เท่ากัน
เปรียบเทียบกับ Digital COAX (ถ้ามองว่าการ Transport ข้อมูล Digital มีผลต่อเสียงยาก)
- แทบทุก System นะครับ
- เปลี่ยนสาย Digital Coax รับรู้ความแตกต่างกันได้ครับ
- เป็นข้อพิสูจน์ ว่า จะด้วยอะไรก็ตามเถอะ ถ้าแอมพลิจูดมันชัด มันสมบูรณ์ ผลการ Decode ก็จะ Perfect มากขึ้นครับ
ทีนี้สาย LAN กับ Netwotk Player ให้ผลจริงเหรอ ?
- ผมยังไม่มี Network Player ดีๆ เสียงธรรมชาติใช้ครับ
- แต่ขอทักลอย ๆ ว่า ตราบใด ที่เรายังไม่รู้แก่นแท้ ของการ Decode/แปลงข้อมูลกลับ ก็อย่าเพิ่ง Say ว่าผลลัพธ์เป็นศูนย์ครับ
- คนควักสายสัญญาณของแพง ไม่หลับตาฮะ ฟังแล้วไม่ถูกใจก็ไม่ซื้อ
แต่ละยี่ห้อก็ให้บุคลิกเสียงที่ต่างกัน (แปลว่าคนที่จะกล้าควัก ต้องฟังอะไรบางอย่างออกระดับนึง)
คือ ผมก็สาวกยี่ห้อแถวๆ นี่แหละ
- หลายอย่าง ที่มันเหลือเชื่อ (สำหรับฐานะอย่างผม เปรียบเทียบ กับ Product พวกสายนำสัญญาณนี่นะ)
- สายลำโพง เมตรครึ่ง เจ็ดพัน : หูถั่วๆ อย่างผมฟังออกครับ
- สายอนาล็อก ครึ่งเมตร สามพันกว่าบาท : ให้ผลแตกต่างอย่างสังเกตุได้ชัดมาก
คำอธิบายข้อที่ 1 : ส่วนใหญ่ เราลองฟังแล้วค่อยควักเงินครับ
ทำ Blind Test ก็ได้ ฟังรู้เรื่อง
ดังนั้น ยังไง ควักแล้วมันดีขึ้นครับ แต่ดีจนคุ้มเม็ดเงินมั้ย อันนี้ขึ้นกับความหนาของกระเป๋าแต่ละคน ซึ่งไม่เท่ากัน
เปรียบเทียบกับ Digital COAX (ถ้ามองว่าการ Transport ข้อมูล Digital มีผลต่อเสียงยาก)
- แทบทุก System นะครับ
- เปลี่ยนสาย Digital Coax รับรู้ความแตกต่างกันได้ครับ
- เป็นข้อพิสูจน์ ว่า จะด้วยอะไรก็ตามเถอะ ถ้าแอมพลิจูดมันชัด มันสมบูรณ์ ผลการ Decode ก็จะ Perfect มากขึ้นครับ
ทีนี้สาย LAN กับ Netwotk Player ให้ผลจริงเหรอ ?
- ผมยังไม่มี Network Player ดีๆ เสียงธรรมชาติใช้ครับ
- แต่ขอทักลอย ๆ ว่า ตราบใด ที่เรายังไม่รู้แก่นแท้ ของการ Decode/แปลงข้อมูลกลับ ก็อย่าเพิ่ง Say ว่าผลลัพธ์เป็นศูนย์ครับ
- คนควักสายสัญญาณของแพง ไม่หลับตาฮะ ฟังแล้วไม่ถูกใจก็ไม่ซื้อ
แต่ละยี่ห้อก็ให้บุคลิกเสียงที่ต่างกัน (แปลว่าคนที่จะกล้าควัก ต้องฟังอะไรบางอย่างออกระดับนึง)
แสดงความคิดเห็น
สาย LAN 1.5 เมตร เส้นละ 4 หมื่น เค้าเอาไปทำอะไรครับ ?