http://manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9570000128583
“หลวงลุงน้ำมันปาล์ม” บนวิถีแห่ง “เทพเทือก” ในสวนโมกข์ของ “ท่านพุทธทาส”
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถึงวันนี้ คงสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเค็มคำแล้วว่า “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ซึ่งบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนา และได้ฉายาว่า “ปภากโร” กำลังใช้ “วัดธารน้ำไหล” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สวนโมกขพลาราม” เป็นฐานปฏิบัติการทางการเมือง
เนื่องเพราะนับตั้งแต่นายสุเทพบวชเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 จนกระทั่งถึงวันนี้ วัตรปฏิบัติของ “หลวงลุงกำนัน” ของบรรดาศิษยานุศิษย์ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตลอด มิได้เป็นด้วย “การปล่อยวาง” อันเป็นคำสอนที่โดดเด่นตามแนวทางที่ “พระธรรมโกศาจารย์” หรือ “ท่านพุทธทาสภิกขุ” ผู้ก่อตั้งสวนโมกขพลารามได้วางรากฐานเอาไว้
เป็นวัตรปฏิบัติทางการเมืองที่ชัดแจ้งชนิดที่ไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมว่า มีเป้าประสงค์เพื่อโอบอุ้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในทุกๆ เรื่องเสมือนหนึ่งเป็น “คนๆ เดียวกัน” โดยเรื่องที่เห็นชัดที่สุดคือ “คดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ” และ “การแก้ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ”
หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 นายสุเทพตัดสินใจบวชอย่างกะทันหันที่วัดท่าไทร อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และย้ายมาจำพรรณนาที่สวนโมกขพลาราม ท่ามกลางความข้องใจของมวลมหาประชาชน กปปส.และคนไทยทั้งประเทศถึงสาเหตุของการเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ในครั้งนี้
ผู้คนจำนวนมากสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นด้วยเหตุผลทางการเมือง
ขณะที่ตัวพระสุเทพเองประกาศย้ำและยืนยันหลายครั้งว่า ปรารถนาจะ เว้น วรรคทางการเมือง และยึดมั่นในความสงบด้วยการเดินตามแนวทางของพุทธทาสภิกขุ
“ขอเว้นวรรคก่อนนะไม่อยากพูดอะไรมากเพราะพูดและให้สัมภาษณ์มาเยอะแล้วขออยู่เงียบๆปฏิบัติธรรมบ้าง พร้อมกล่าวฝากขอบคุณทุกคนที่ร่วมอนุโมทนาบุญและยืนยันว่าหลังจากนี้ไปเป็นพระก็ต้องปฏิบัติตัวตามกิจของพระสงฆ์ เช่น ตื่นเช้าทำวัตรเช้า ฟังเทศน์ บิณฑบาต ฟังเทศน์และนั่งสมาธิอย่างสงบ”
นั่นคือคำกล่าวของพระสุเทพกับสื่อภายหลังตัดสินใจบรรพชาอุปสมบทได้ไม่นานนัก
ทว่า ภาพความจริงที่ปรากฏก็คือ ตลอดการบวชที่ผ่านมา พระสุเทพไม่เคยเหินห่างจากการเมือง
วันนี้ สวนโมกขพลารามคราคร่ำนักการเมืองทุกระดับ แกนนำ กปปส.ต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปสนทนากับหลวงลุงกำนันแทบไม่เว้นแต่ละวัน นอกจากนี้ยังมีการเดินสายจัดกิจกรรมทางศาสนาตลอด โดยมีหัวหน้ากลุ่มการเมือง หัวคะแนน นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ นักธุรกิจ เข้าร่วมมากหน้าหลายตา
มีการเปิดเวทีปราศรัยธรรมกันอย่างครึกครื้น แถมยังมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทีวีดาวเทียม “ฟ้าวันใหม่” ให้ทางบ้านได้ชื่นชมบารมีกันด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้วหลายๆ ครั้งก็แทบไม่แตกต่างไปจากงานรวมพลคืนสู่เหย้าของชาว กปปส.เลยก็ว่าได้
ที่ต้องนับว่าเป็นงานกฐินที่ถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่งคือ ในงานทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ที่มี “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปร่วมงานด้วยในฐานะเป็นประธานอุปถัมภ์ นั่นถือเป็นการฉายภาพให้เห็นบุญญาบารมีของหลวงลุงกำนันที่ไปร่วมงานเคียงข้างกับบิ๊กป้อมนายทหารผู้มากล้นบารมีอีกครั้ง
ขณะที่อีกหลายต่อหลายงานก็ดำเนินไปในท่วงทำนองเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2557 หลวงลุงกำนันได้เดินทางออกจากวัดสวนโมกข์ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ไปที่บริเวณสระน้ำพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ บ้านช่องลม หมู่ 4 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช เพื่อประธานในพิธีวงศิลาฤกษ์ ศาลาประดิษฐานรูปเหมือนพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อดีต ส.ส.และนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมากมาร่วมงานและให้การต้อนรับ อาทิ พล.ต.อภิชัย สว่างภพ ผู้แทนแม่ทัพภาค 4 พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท รรท.ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช นายอดิศักดิ์ กิจสดใส รองหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครศรีธรรมราช นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตรมว.ศึกษาธิการ นายจอมไกร สวัสดิวงศ์ ส.จ.เขต 2 อ.ทุ่งใหญ่ นายฤกษณะ ณ สงขลา นายอำเภอนาบอน พ.ต.อ.วีระพล มั่นเมือง ผกก.สภ.นาบอน พ.ต.อ.สมโชค จันทรมณี ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ พ.ต.อ.ประจักษ์ รอดการทุกข์ พงส.ผทค. สภ.ทุ่งใหญ่ เป็นต้น
หรือเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา หลวงลุงกำนันก็เดินทางร่วมงานทอดกฐินที่วัดเนินพิจิตร ต.พิจิตร อ.นาหม่อม จ.สงขลา โดยมีอดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมคณะ ไม่ว่าจะเป็นนายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย นายวิรัตน์ กัลยาศิริ นายเจือ ราชสีห์ รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่นมากหน้าหลายตา แถมเมื่อเสร็จงานยังมีการปราศรัยกับประชาชนที่มาร่วมงานอีกต่างหาก
หลวงลุงกำนันอิงแอบแนบแน่นกับกลุ่มก๊วนทางการเมืองของตนเองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งอาจกล่าวได้ว่า วันนี้ “หลวงลุงกำนัน” ก็ยังคงสภาพของความเป็นนักการเมืองที่คร่ำหวอดที่ชื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อย่างไม่เสื่อมคลาย
เรือหายแล้วครัช แม้วแมนซื้อเมเนเจอร์ไปแล้วครัชช
“หลวงลุงน้ำมันปาล์ม” บนวิถีแห่ง “เทพเทือก” ในสวนโมกข์ของ “ท่านพุทธทาส”
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถึงวันนี้ คงสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเค็มคำแล้วว่า “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ซึ่งบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนา และได้ฉายาว่า “ปภากโร” กำลังใช้ “วัดธารน้ำไหล” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สวนโมกขพลาราม” เป็นฐานปฏิบัติการทางการเมือง
เนื่องเพราะนับตั้งแต่นายสุเทพบวชเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 จนกระทั่งถึงวันนี้ วัตรปฏิบัติของ “หลวงลุงกำนัน” ของบรรดาศิษยานุศิษย์ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตลอด มิได้เป็นด้วย “การปล่อยวาง” อันเป็นคำสอนที่โดดเด่นตามแนวทางที่ “พระธรรมโกศาจารย์” หรือ “ท่านพุทธทาสภิกขุ” ผู้ก่อตั้งสวนโมกขพลารามได้วางรากฐานเอาไว้
เป็นวัตรปฏิบัติทางการเมืองที่ชัดแจ้งชนิดที่ไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมว่า มีเป้าประสงค์เพื่อโอบอุ้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในทุกๆ เรื่องเสมือนหนึ่งเป็น “คนๆ เดียวกัน” โดยเรื่องที่เห็นชัดที่สุดคือ “คดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ” และ “การแก้ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ”
หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 นายสุเทพตัดสินใจบวชอย่างกะทันหันที่วัดท่าไทร อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และย้ายมาจำพรรณนาที่สวนโมกขพลาราม ท่ามกลางความข้องใจของมวลมหาประชาชน กปปส.และคนไทยทั้งประเทศถึงสาเหตุของการเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ในครั้งนี้
ผู้คนจำนวนมากสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นด้วยเหตุผลทางการเมือง
ขณะที่ตัวพระสุเทพเองประกาศย้ำและยืนยันหลายครั้งว่า ปรารถนาจะ เว้น วรรคทางการเมือง และยึดมั่นในความสงบด้วยการเดินตามแนวทางของพุทธทาสภิกขุ
“ขอเว้นวรรคก่อนนะไม่อยากพูดอะไรมากเพราะพูดและให้สัมภาษณ์มาเยอะแล้วขออยู่เงียบๆปฏิบัติธรรมบ้าง พร้อมกล่าวฝากขอบคุณทุกคนที่ร่วมอนุโมทนาบุญและยืนยันว่าหลังจากนี้ไปเป็นพระก็ต้องปฏิบัติตัวตามกิจของพระสงฆ์ เช่น ตื่นเช้าทำวัตรเช้า ฟังเทศน์ บิณฑบาต ฟังเทศน์และนั่งสมาธิอย่างสงบ”
นั่นคือคำกล่าวของพระสุเทพกับสื่อภายหลังตัดสินใจบรรพชาอุปสมบทได้ไม่นานนัก
ทว่า ภาพความจริงที่ปรากฏก็คือ ตลอดการบวชที่ผ่านมา พระสุเทพไม่เคยเหินห่างจากการเมือง
วันนี้ สวนโมกขพลารามคราคร่ำนักการเมืองทุกระดับ แกนนำ กปปส.ต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปสนทนากับหลวงลุงกำนันแทบไม่เว้นแต่ละวัน นอกจากนี้ยังมีการเดินสายจัดกิจกรรมทางศาสนาตลอด โดยมีหัวหน้ากลุ่มการเมือง หัวคะแนน นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ นักธุรกิจ เข้าร่วมมากหน้าหลายตา
มีการเปิดเวทีปราศรัยธรรมกันอย่างครึกครื้น แถมยังมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทีวีดาวเทียม “ฟ้าวันใหม่” ให้ทางบ้านได้ชื่นชมบารมีกันด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้วหลายๆ ครั้งก็แทบไม่แตกต่างไปจากงานรวมพลคืนสู่เหย้าของชาว กปปส.เลยก็ว่าได้
ที่ต้องนับว่าเป็นงานกฐินที่ถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่งคือ ในงานทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ที่มี “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปร่วมงานด้วยในฐานะเป็นประธานอุปถัมภ์ นั่นถือเป็นการฉายภาพให้เห็นบุญญาบารมีของหลวงลุงกำนันที่ไปร่วมงานเคียงข้างกับบิ๊กป้อมนายทหารผู้มากล้นบารมีอีกครั้ง
ขณะที่อีกหลายต่อหลายงานก็ดำเนินไปในท่วงทำนองเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2557 หลวงลุงกำนันได้เดินทางออกจากวัดสวนโมกข์ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ไปที่บริเวณสระน้ำพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ บ้านช่องลม หมู่ 4 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช เพื่อประธานในพิธีวงศิลาฤกษ์ ศาลาประดิษฐานรูปเหมือนพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อดีต ส.ส.และนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมากมาร่วมงานและให้การต้อนรับ อาทิ พล.ต.อภิชัย สว่างภพ ผู้แทนแม่ทัพภาค 4 พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท รรท.ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช นายอดิศักดิ์ กิจสดใส รองหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครศรีธรรมราช นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตรมว.ศึกษาธิการ นายจอมไกร สวัสดิวงศ์ ส.จ.เขต 2 อ.ทุ่งใหญ่ นายฤกษณะ ณ สงขลา นายอำเภอนาบอน พ.ต.อ.วีระพล มั่นเมือง ผกก.สภ.นาบอน พ.ต.อ.สมโชค จันทรมณี ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ พ.ต.อ.ประจักษ์ รอดการทุกข์ พงส.ผทค. สภ.ทุ่งใหญ่ เป็นต้น
หรือเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา หลวงลุงกำนันก็เดินทางร่วมงานทอดกฐินที่วัดเนินพิจิตร ต.พิจิตร อ.นาหม่อม จ.สงขลา โดยมีอดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมคณะ ไม่ว่าจะเป็นนายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย นายวิรัตน์ กัลยาศิริ นายเจือ ราชสีห์ รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่นมากหน้าหลายตา แถมเมื่อเสร็จงานยังมีการปราศรัยกับประชาชนที่มาร่วมงานอีกต่างหาก
หลวงลุงกำนันอิงแอบแนบแน่นกับกลุ่มก๊วนทางการเมืองของตนเองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งอาจกล่าวได้ว่า วันนี้ “หลวงลุงกำนัน” ก็ยังคงสภาพของความเป็นนักการเมืองที่คร่ำหวอดที่ชื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อย่างไม่เสื่อมคลาย