สวัสดี เพื่อน ๆ ชาวพันทิปทุกๆคนนะคะ วันนี้ขอมาแชร์ประสบการณ์ ทุกข์แบบสุข ๆ ของเรา ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
...ย้อนกลับไปเมื่อ สิงหาคม 2554 (3ปีที่แล้ว)
เราเพิ่งเรียนจบค่ะ และได้เข้าทำงานที่ทำงานรัฐวิสหกิจแห่งหนึ่งค่ะ ที่ทำงานเราเป็นองค์กรเล็ก ๆ ย่อยลงมาค่ะ จึงมีเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานไม่มากนัก
เมื่อเวลาผ่านไป เราเริ่มคุ้นเคยกับพี่ ๆ ที่ทำงานมากขึ้น อาจจะยังเห็นบุคลากรในที่ทำงานไม่หมดทุกคน เพราะบางคนเราก็ไม่ได้เห็นเค้าบ่อย ๆ เค้าเค้าจะมีเวลาที่ต้องเข้ามาเซ็นต์เอกสารเกี่ยวกับการเงิน แล้วเค้าก็ไปทำงานในหน่วยต่าง ๆ ต่อ
จนมาวันหนึ่ง เราก็นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะธรรมงานตามปกติค่ะ แล้วก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนนึง เสียงดังมาก เราแอบคิดในใจ ตาคนนี่ใคร..ทำไมเสียงดัง ไม่เกรงใตฃจคนทำงานบ้างเหรอ สักพักเสียงนั่นก็ดังใก้ลเข้ามาเรื่อย ๆ ผ่านประตูเข้ามา เราก็เลยได้รู้ว่าเค้าตฃคือใคร ถึงกับอึ้งไปเลยค่ะ
ความรู้สึกเหมือนรักแรกพบ เค้าอายุ 45 ปี (ห่างกับเรา 17 ปี) หล่อ สูง ขาว บุคลิกมาดแมน (ต้องใช้คำนึ้ค่ะ นึกคนอื่นไม่ออก) และมีเอกลักษณ์ในตัวเอง สเปคเราทุกอย่าง
ตอนแรกเราไม่รู้หรอกค่ะว่าเค้าคือใคร เห็นสั่งงานๆๆๆๆ แล้วก็เดินออกไปและมีแต่คนยกมือสวัสดีเค้า ตอนที่เค้าเดินผ่านโต๊ะเรา เค้าก็หันมายิ้มให้เรา เรายังจำรอยยิ้มนั้นได้อยู่เลย เราก็เลยไปถามพี่ที่สนิท จึงได้รู้ว่า เค้าเป็นกรรมการ เป้นรองประธานขององค์กรที่เราทำอยู่ เป็นหัวหน้างานในหน่วยย่อยต่าง ๆ อีก
ที่สำคัญ สถานะข้อมูลในคอมพิวเตอร์ระบบขององค์กรขึ้นว่า "โสด" (เราไม่ได้เสียมารยาทที่แอบดูข้อมูลเค้านะคะ เรามีหน้าที่คีย์ข้อมูงบัญชีลงคอมด้วย และหนึ่งในนั้นก็มีเค้าด้วยค่ะ) บอกตรง ๆ.. หลงรักเลยค่ะ ปลื้มมาก ขวัญใจเลย เรามีความสุขมากในการทำงานของเราทุก ๆ วัน เพราะเราได้เจอเค้าทุกวัน
พื้นฐานของเรา เป็นคนที่มีนิสัยเจ้าชู้ เป็นคนกล้าได้ กล้าเสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เจอชายในฝัน ตรงสเปคขนาดนี้ จะรอดเหรอ.. แค่เราไม่โผงผาง โฉ่งฉ่างนะคะ ทุก ๆ อย่างค่อย ๆ ดำเนินกานไปตามแผนเพื่อที่จะได้รู้จักกับพี่เค้าค่ะ (ขอเรียกชายในฝันว่า พี่ นะคะ) ไม่อยากที่จะรู้จักเค้าค่ะ เพราะเบอร์โทรศัพท์พี่เค้า ติดอยู่ทั่วองค์เลย (คงเพราะอำรวยความสะดวกให้กับสมาชิกที่มีติดต่อ ปรึกษาและข้อความช่วยเหลือจากพี่เค้าหน่ะค่ะ)
เรามีโอกาสได้โทรไปหาพี่เค้าค่ะ เราตื่นเต้นมาก เราคุยกันทั้ง ๆ ที่พี่เค้าก็ไม่รู้ว่าเราคือใคร เพราะเราไม่บอก บอกเค้าไปตรงๆเลยว่าไม่บอก ไม่กล้าบอก บอกไปพี่ต้องรู้แน่ ๆ เค้าก็พยายามที่จะเดา แต่ถูกค่ะ !!!!!!!! เค้าเดาว่าเป็นน้องที่ทำงาน ที่นั่งตรงนั้น ตรงนี้ ใช่ไม๊ เรางี้ ใจสั่นมาก เพราะยังไม่อยากให้เค้ารู้ว่าเราคือใคร แต่เราไม่บอกค่ะ แล้วก็คุยไปสักพักนึงเราก็วาง คุยพอหอมปากหอมคออ่ะ สรุปคืนนั้น ก่อนนอนเรายิ้มตลอดเลย
และยังไม่จบแค่นั้น วันต่อๆว่าเราก็สุ่ม ชื่อ-นามสกุล พี่เค้าในเฟสบุ๊คค่ะ เจอด้วย !!!!!! เราสมัครเฟสใหม่ทันทีเพื่อนเพิ่มเค้าเป็นเพื่อนค่ะ เราส่งลิงค์ที่เค้าได้ออกข่าว เกี่ยวกับที่เค้าประชาสัมพันธ์เรื่องเงินเดือนของพนักงานรัฐวิสาหกิจค่ะ แล้วก็บอกว่าจะเป้นกำลังใจให้พี่เค้า ..เค้าพิมตอบกลับเรามาทันทีเลยค่ะ ถามเราว่าเราเป็นใคร อะไร ยังไง เราก็ยังสร้างความงงให้เค้าอยู่เรื่อย ๆ ค่ะ
จนวันนึง เราเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้วกับความรู้สึกของเรา เราชอบพี่เค้ามากขึ้นทุกวัน ๆ เจอกันที่ทำงานก็แทบจะเก็บอาการไม่อยู่ อยากจะบอกให้รู้ ๆ ไปว่า คนที่โทรหา คนที่พี่คุยด้วยทุกวัน ๆ คือเราเอง เราพยายามสงบสติ อารมณ์ของเรา ไม่ให้แสดงออกไป กลัวว่าเค้าจะรู้
แต่แล้ว ..ความอัดดั้น ตันใจของเราก็เก็บเอาไว้ไม่อยู่ค่ะ
**เดี๋ยวมาต่อนะคะ
เมื่อฉันอยู่ผิดที่ และผิดเวลา..ช่วยทำให้ฉันไม่จำเธอได้ไหม
...ย้อนกลับไปเมื่อ สิงหาคม 2554 (3ปีที่แล้ว)
เราเพิ่งเรียนจบค่ะ และได้เข้าทำงานที่ทำงานรัฐวิสหกิจแห่งหนึ่งค่ะ ที่ทำงานเราเป็นองค์กรเล็ก ๆ ย่อยลงมาค่ะ จึงมีเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานไม่มากนัก
เมื่อเวลาผ่านไป เราเริ่มคุ้นเคยกับพี่ ๆ ที่ทำงานมากขึ้น อาจจะยังเห็นบุคลากรในที่ทำงานไม่หมดทุกคน เพราะบางคนเราก็ไม่ได้เห็นเค้าบ่อย ๆ เค้าเค้าจะมีเวลาที่ต้องเข้ามาเซ็นต์เอกสารเกี่ยวกับการเงิน แล้วเค้าก็ไปทำงานในหน่วยต่าง ๆ ต่อ
จนมาวันหนึ่ง เราก็นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะธรรมงานตามปกติค่ะ แล้วก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนนึง เสียงดังมาก เราแอบคิดในใจ ตาคนนี่ใคร..ทำไมเสียงดัง ไม่เกรงใตฃจคนทำงานบ้างเหรอ สักพักเสียงนั่นก็ดังใก้ลเข้ามาเรื่อย ๆ ผ่านประตูเข้ามา เราก็เลยได้รู้ว่าเค้าตฃคือใคร ถึงกับอึ้งไปเลยค่ะ
ความรู้สึกเหมือนรักแรกพบ เค้าอายุ 45 ปี (ห่างกับเรา 17 ปี) หล่อ สูง ขาว บุคลิกมาดแมน (ต้องใช้คำนึ้ค่ะ นึกคนอื่นไม่ออก) และมีเอกลักษณ์ในตัวเอง สเปคเราทุกอย่าง
ตอนแรกเราไม่รู้หรอกค่ะว่าเค้าคือใคร เห็นสั่งงานๆๆๆๆ แล้วก็เดินออกไปและมีแต่คนยกมือสวัสดีเค้า ตอนที่เค้าเดินผ่านโต๊ะเรา เค้าก็หันมายิ้มให้เรา เรายังจำรอยยิ้มนั้นได้อยู่เลย เราก็เลยไปถามพี่ที่สนิท จึงได้รู้ว่า เค้าเป็นกรรมการ เป้นรองประธานขององค์กรที่เราทำอยู่ เป็นหัวหน้างานในหน่วยย่อยต่าง ๆ อีก
ที่สำคัญ สถานะข้อมูลในคอมพิวเตอร์ระบบขององค์กรขึ้นว่า "โสด" (เราไม่ได้เสียมารยาทที่แอบดูข้อมูลเค้านะคะ เรามีหน้าที่คีย์ข้อมูงบัญชีลงคอมด้วย และหนึ่งในนั้นก็มีเค้าด้วยค่ะ) บอกตรง ๆ.. หลงรักเลยค่ะ ปลื้มมาก ขวัญใจเลย เรามีความสุขมากในการทำงานของเราทุก ๆ วัน เพราะเราได้เจอเค้าทุกวัน
พื้นฐานของเรา เป็นคนที่มีนิสัยเจ้าชู้ เป็นคนกล้าได้ กล้าเสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เจอชายในฝัน ตรงสเปคขนาดนี้ จะรอดเหรอ.. แค่เราไม่โผงผาง โฉ่งฉ่างนะคะ ทุก ๆ อย่างค่อย ๆ ดำเนินกานไปตามแผนเพื่อที่จะได้รู้จักกับพี่เค้าค่ะ (ขอเรียกชายในฝันว่า พี่ นะคะ) ไม่อยากที่จะรู้จักเค้าค่ะ เพราะเบอร์โทรศัพท์พี่เค้า ติดอยู่ทั่วองค์เลย (คงเพราะอำรวยความสะดวกให้กับสมาชิกที่มีติดต่อ ปรึกษาและข้อความช่วยเหลือจากพี่เค้าหน่ะค่ะ)
เรามีโอกาสได้โทรไปหาพี่เค้าค่ะ เราตื่นเต้นมาก เราคุยกันทั้ง ๆ ที่พี่เค้าก็ไม่รู้ว่าเราคือใคร เพราะเราไม่บอก บอกเค้าไปตรงๆเลยว่าไม่บอก ไม่กล้าบอก บอกไปพี่ต้องรู้แน่ ๆ เค้าก็พยายามที่จะเดา แต่ถูกค่ะ !!!!!!!! เค้าเดาว่าเป็นน้องที่ทำงาน ที่นั่งตรงนั้น ตรงนี้ ใช่ไม๊ เรางี้ ใจสั่นมาก เพราะยังไม่อยากให้เค้ารู้ว่าเราคือใคร แต่เราไม่บอกค่ะ แล้วก็คุยไปสักพักนึงเราก็วาง คุยพอหอมปากหอมคออ่ะ สรุปคืนนั้น ก่อนนอนเรายิ้มตลอดเลย
และยังไม่จบแค่นั้น วันต่อๆว่าเราก็สุ่ม ชื่อ-นามสกุล พี่เค้าในเฟสบุ๊คค่ะ เจอด้วย !!!!!! เราสมัครเฟสใหม่ทันทีเพื่อนเพิ่มเค้าเป็นเพื่อนค่ะ เราส่งลิงค์ที่เค้าได้ออกข่าว เกี่ยวกับที่เค้าประชาสัมพันธ์เรื่องเงินเดือนของพนักงานรัฐวิสาหกิจค่ะ แล้วก็บอกว่าจะเป้นกำลังใจให้พี่เค้า ..เค้าพิมตอบกลับเรามาทันทีเลยค่ะ ถามเราว่าเราเป็นใคร อะไร ยังไง เราก็ยังสร้างความงงให้เค้าอยู่เรื่อย ๆ ค่ะ
จนวันนึง เราเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้วกับความรู้สึกของเรา เราชอบพี่เค้ามากขึ้นทุกวัน ๆ เจอกันที่ทำงานก็แทบจะเก็บอาการไม่อยู่ อยากจะบอกให้รู้ ๆ ไปว่า คนที่โทรหา คนที่พี่คุยด้วยทุกวัน ๆ คือเราเอง เราพยายามสงบสติ อารมณ์ของเรา ไม่ให้แสดงออกไป กลัวว่าเค้าจะรู้
แต่แล้ว ..ความอัดดั้น ตันใจของเราก็เก็บเอาไว้ไม่อยู่ค่ะ
**เดี๋ยวมาต่อนะคะ