เพื่อนบ้านอาเซียนแห่ปรับค่าแรงขั้นต่ำ กระทบต้นทุนผลิตบริษัทไทยเต็มๆ หมดยุคแรงงานราคาถูก
updated: 07 พ.ย. 2557 เวลา 14:22:16 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"เขมร" ขอปรับขึ้นเท่าตัว จาก 100 เหรียญ เป็น 180 เหรียญสหรัฐ/เดือน "อินโดฯ" ผู้นำคนใหม่เพิ่ม 40% เผยไทยปรับตัวอุตลุด เล็งขึ้นราคาสินค้า
ปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อันเนื่องมาจากค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทยสูงถึง 300 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมของไทยใช้นโยบายย้ายฐานการผลิตไปยัง ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพื่ออาศัยความได้เปรียบจากต้นทุนค่าแรงงานที่ต่ำกว่า และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีหรือ GSP สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความได้เปรียบต้นทุนค่าแรงราคาถูกกำลังจะหมดไป เพราะกระแสการเรียกร้องขึ้นค่าแรงในอาเซียนกำลังลุกลามอยู่ในหลายประเทศใน ขณะนี้
การ์เมนต์ไทยบุกเพื่อนบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่ผ่านมามีโรงงานผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มไทย 8 แห่ง ได้แก่ บริษัท ไฮเทค-แอพาเรล จำกัด, บริษัท ไนซ์ แอพพาเรล จำกัด, บริษัท ลิเบอร์ตี้ การ์เม้นท์ จำกัด, บริษัท เอส.พี.บราเดอร์ จำกัด, บริษัท ที.เค.การ์เม้นท์ จำกัด, บริษัท ไดนาสตี้ แอพพาเรล จำกัด, บริษัท มาสเตอร์พีชการ์เม้นท์ แอนด์ เท็กซ์ไทล์ จำกัด และบริษัท ลิมไลน์ แอพพาเรล จำกัด ได้ขยายการลงทุนฐานการผลิตสิ่งทอในประเทศกัมพูชาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาอย่างคึกคัก แต่ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงเพื่อขอปรับขึ้นค่าแรงงานที่ยังไม่ได้ ข้อสรุป และมีแนวโน้มที่จะประท้วงอีก
นายวัลลภ วิตนากร ประธานบริษัท ไฮ-เทค แอพพาเรล จำกัด และที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้ชุมนุมเป็นแรงงานในอุตฯเครื่องนุ่งห่มหรือการ์เมนต์ คิดเป็นสัดส่วน 80% ของอุตสาหกรรมในกัมพูชา ในจำนวนนี้เป็นการลงทุนจากต่างชาติ 50% ของอุตฯเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชา
กัมพูชาเรียกร้อง 180 เหรียญ
ประเด็น ที่เรียกร้อง ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำ 130 เหรียญสหรัฐ/คน/เดือน แบ่งเป็นค่าแรง 100 เหรียญสหรัฐ บวกค่าเบี้ยขยัน ค่าสังคม และอื่น ๆ 30 เหรียญสหรัฐ ขอเพิ่มเป็น 210 เหรียญสหรัฐ/คน/เดือน แบ่งเป็นค่าแรงขอปรับจาก 100 เหรียญ เป็น 170-180 เหรียญสหรัฐ บวกค่าเบี้ยขยัน และอื่น ๆ อีก 30 เหรียญสหรัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะได้ข้อสรุปและออกประกาศค่าแรงขั้นต่ำได้ในเดือนธันวาคมนี้ มีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2558
"ประเมินว่าการขอปรับครั้งนี้สูงเกิน ไปเมื่อเทียบประสิทธิภาพแรงงานที่ยังด้อยกว่าแรงงานไทย เวียดนาม จีน อินเดีย แต่หากรัฐบาลกัมพูชาปรับขึ้นค่าแรงให้ จะกระทบนักลงทุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รัฐบาลกัมพูชาต้องรับฟังเสียงผู้ประกอบการด้วย ที่ผ่านมา การเรียกร้องค่าแรงส่วนใหญ่จะไม่ได้ตามคำขอ"
เล็งขึ้นราคาสินค้าส่งออก
นาย วัลลภกล่าวว่า โรงงานไฮเทค แอพพาเรล ตั้งอยู่ที่ปอยเปต พื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร กำลังผลิตต่อเดือนเฉลี่ย 150,000 ตัว ใช้แรงงาน 1,750 คน ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ ต้องรอข้อสรุปการปรับขึ้นค่าแรงก่อน อย่าง ไรก็ตาม หากปรับขึ้นเฉลี่ย 145 เหรียญสหรัฐ/เดือน จะยังไม่กระทบต่อบริษัท เนื่องจากกัมพูชายังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากตลาดผู้นำเข้า เช่น ยุโรป นอกจากนี้ บริษัทมีฐานการผลิตอื่น ๆ ใน สปป.ลาวและเวียดนาม รวมทั้งมีแผนขยายฐานการผลิตเพิ่มในเมียนมาร์ภายใน 2 ปี
นายประสพ จิรวัฒน์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไนซ์ แอพพาเรล กรุ๊ป จำกัด หนึ่งในผู้ลงทุนโรงงานในกัมพูชา ให้ความเห็นว่า การหารือไตรภาคีระหว่างกลุ่มผู้ใช้แรงงาน กระทรวงแรงงาน และสมาคมเครื่องนุ่งห่ม (GMAC) เพื่อต่อรองอัตราค่าแรงขั้นต่ำครั้งใหม่จากที่เรียกร้องมา 177 เหรียญสหรัฐ ให้เหลือ 130 เหรียญสหรัฐ หรือปรับขึ้น 20-30% คาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินกลางเดือนหน้า
"บริษัทจ้างแรงงานกัมพูชา 2,000 คน หากปรับค่าแรง 30% จะกระทบต้นทุนการผลิตแน่ คงต้องหารือลูกค้าว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ หากจะปรับขึ้นราคา เพื่อให้สอดรับกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น" นายประสพกล่าว
ชี้ขึ้นค่าแรงกระแสเด่นทั่วอาเซียน
นาย ประสพกล่าวว่า แนวโน้มการเรียกร้องปรับค่าแรงงานขั้นต่ำไม่ได้มีเพียงไทยและกัมพูชา แต่เป็นเหมือนกันทุกฐานการผลิต เช่น จีน อินโดนีเซีย แม้แต่เมียนมาร์ ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับขึ้นในอัตรา 2 หลักเช่นเดียวกัน
"ปีนี้ผลกระทบ จากการขึ้นค่าแรงอาจไม่กระทบยอดขายบริษัทที่ตั้งเป้าไว้ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ปีหน้าแนวโน้มยอดขายจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ เพราะกำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลัก เช่น สหภาพยุโรป สัดส่วน 45% สหรัฐ 40% ตลาดอื่น เช่น อาเซียนและญี่ปุ่น 15%"
นายถาวร กนกวลีวงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า นอกจากปัญหาค่าแรงแล้ว ที่น่ากังวล คือกัมพูชาเริ่มขาดแคลนแรงงานในบางพื้นที่ เนื่องจากมีนักลงทุนเข้าไปลงทุนจำนวนมาก
นายชาติชาย สิงหเดช ผู้อำนวยการบริหารสมาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงขอขึ้นค่าแรง เป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญ ส่วนโรงงานที่ตั้งอยู่ในเมืองอื่น ยังไม่มีผลกระทบ อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่าชาวกัมพูชาจะเริ่มประท้วงกรณีนี้อีกในเร็ว ๆ นี้
ผู้นำใหม่อินโดฯทุบโต๊ะขึ้น 40%
แหล่ง ข่าวจากบริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ในเครือเอสซีจี เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าแรงขั้นต่ำในอาเซียนบางประเทศเริ่มปรับสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่ตั้งโรงงานในอาเซียนต้องวางแผนบริหารต้นทุนใหม่ ในกลุ่มสินค้ากระเบื้องเซรามิกปูพื้น-บุผนัง ปัจจุบันเอสซีจีมีโรงงานที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ กรณีอินโดนีเซีย หลังนายโจโก วิโดโด หรือโจโกวี ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ปี 2558 รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จากปัจจุบันคิดเป็นเงินไทยวันละกว่า 200 บาท เป็นวันละ 380 บาท ส่งผลให้ต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้น 40%
"การปรับตัว เอสซีจีต้องหาวิธีคุมต้นทุนผลิตทั้งแรงงาน ต้องบริหารจัดการให้แรงงาน 1 คน ผลิตสินค้าได้มากขึ้น กับใช้เครื่องจักรในการผลิตแทนแรงงานคน ปรับไลน์ผลิต หันเน้นผลิตสินค้าที่มีกำไรต่อหน่วยหรือมาร์จิ้นสูงขึ้น ทดแทนต้นทุนผลิตที่สูงขึ้นจากค่าแรงงานใหม่"
แหล่งข่าวกล่าวถึงตลาด แรงงานในฟิลิปปินส์ด้วยว่า แม้ยังไม่มีนโยบายขึ้นค่าแรงงาน แต่ปัจจุบันอัตราค่าแรงสูงอยู่แล้ว คำนวณเป็นเงินไทยสูงกว่า 300 บาท ทำให้โรงงานในฟิลิปปินส์ต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจอย่างน้อย 2 ด้าน คือลดต้นทุนการผลิต กับปรับเพิ่มราคาสินค้าบางรายการ อาทิ กระเบื้องบางรุ่น เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนรวมของบริษัท
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1415345202
เพื่อนบ้านอาเซียนแห่ปรับค่าแรงขั้นต่ำ กระทบต้นทุนผลิตบริษัทไทยเต็มๆ หมดยุคแรงงานราคาถูก
updated: 07 พ.ย. 2557 เวลา 14:22:16 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"เขมร" ขอปรับขึ้นเท่าตัว จาก 100 เหรียญ เป็น 180 เหรียญสหรัฐ/เดือน "อินโดฯ" ผู้นำคนใหม่เพิ่ม 40% เผยไทยปรับตัวอุตลุด เล็งขึ้นราคาสินค้า
ปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อันเนื่องมาจากค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทยสูงถึง 300 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมของไทยใช้นโยบายย้ายฐานการผลิตไปยัง ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพื่ออาศัยความได้เปรียบจากต้นทุนค่าแรงงานที่ต่ำกว่า และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีหรือ GSP สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความได้เปรียบต้นทุนค่าแรงราคาถูกกำลังจะหมดไป เพราะกระแสการเรียกร้องขึ้นค่าแรงในอาเซียนกำลังลุกลามอยู่ในหลายประเทศใน ขณะนี้
การ์เมนต์ไทยบุกเพื่อนบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่ผ่านมามีโรงงานผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มไทย 8 แห่ง ได้แก่ บริษัท ไฮเทค-แอพาเรล จำกัด, บริษัท ไนซ์ แอพพาเรล จำกัด, บริษัท ลิเบอร์ตี้ การ์เม้นท์ จำกัด, บริษัท เอส.พี.บราเดอร์ จำกัด, บริษัท ที.เค.การ์เม้นท์ จำกัด, บริษัท ไดนาสตี้ แอพพาเรล จำกัด, บริษัท มาสเตอร์พีชการ์เม้นท์ แอนด์ เท็กซ์ไทล์ จำกัด และบริษัท ลิมไลน์ แอพพาเรล จำกัด ได้ขยายการลงทุนฐานการผลิตสิ่งทอในประเทศกัมพูชาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาอย่างคึกคัก แต่ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงเพื่อขอปรับขึ้นค่าแรงงานที่ยังไม่ได้ ข้อสรุป และมีแนวโน้มที่จะประท้วงอีก
นายวัลลภ วิตนากร ประธานบริษัท ไฮ-เทค แอพพาเรล จำกัด และที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้ชุมนุมเป็นแรงงานในอุตฯเครื่องนุ่งห่มหรือการ์เมนต์ คิดเป็นสัดส่วน 80% ของอุตสาหกรรมในกัมพูชา ในจำนวนนี้เป็นการลงทุนจากต่างชาติ 50% ของอุตฯเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชา
กัมพูชาเรียกร้อง 180 เหรียญ
ประเด็น ที่เรียกร้อง ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำ 130 เหรียญสหรัฐ/คน/เดือน แบ่งเป็นค่าแรง 100 เหรียญสหรัฐ บวกค่าเบี้ยขยัน ค่าสังคม และอื่น ๆ 30 เหรียญสหรัฐ ขอเพิ่มเป็น 210 เหรียญสหรัฐ/คน/เดือน แบ่งเป็นค่าแรงขอปรับจาก 100 เหรียญ เป็น 170-180 เหรียญสหรัฐ บวกค่าเบี้ยขยัน และอื่น ๆ อีก 30 เหรียญสหรัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะได้ข้อสรุปและออกประกาศค่าแรงขั้นต่ำได้ในเดือนธันวาคมนี้ มีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2558
"ประเมินว่าการขอปรับครั้งนี้สูงเกิน ไปเมื่อเทียบประสิทธิภาพแรงงานที่ยังด้อยกว่าแรงงานไทย เวียดนาม จีน อินเดีย แต่หากรัฐบาลกัมพูชาปรับขึ้นค่าแรงให้ จะกระทบนักลงทุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รัฐบาลกัมพูชาต้องรับฟังเสียงผู้ประกอบการด้วย ที่ผ่านมา การเรียกร้องค่าแรงส่วนใหญ่จะไม่ได้ตามคำขอ"
เล็งขึ้นราคาสินค้าส่งออก
นาย วัลลภกล่าวว่า โรงงานไฮเทค แอพพาเรล ตั้งอยู่ที่ปอยเปต พื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร กำลังผลิตต่อเดือนเฉลี่ย 150,000 ตัว ใช้แรงงาน 1,750 คน ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ ต้องรอข้อสรุปการปรับขึ้นค่าแรงก่อน อย่าง ไรก็ตาม หากปรับขึ้นเฉลี่ย 145 เหรียญสหรัฐ/เดือน จะยังไม่กระทบต่อบริษัท เนื่องจากกัมพูชายังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากตลาดผู้นำเข้า เช่น ยุโรป นอกจากนี้ บริษัทมีฐานการผลิตอื่น ๆ ใน สปป.ลาวและเวียดนาม รวมทั้งมีแผนขยายฐานการผลิตเพิ่มในเมียนมาร์ภายใน 2 ปี
นายประสพ จิรวัฒน์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไนซ์ แอพพาเรล กรุ๊ป จำกัด หนึ่งในผู้ลงทุนโรงงานในกัมพูชา ให้ความเห็นว่า การหารือไตรภาคีระหว่างกลุ่มผู้ใช้แรงงาน กระทรวงแรงงาน และสมาคมเครื่องนุ่งห่ม (GMAC) เพื่อต่อรองอัตราค่าแรงขั้นต่ำครั้งใหม่จากที่เรียกร้องมา 177 เหรียญสหรัฐ ให้เหลือ 130 เหรียญสหรัฐ หรือปรับขึ้น 20-30% คาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินกลางเดือนหน้า
"บริษัทจ้างแรงงานกัมพูชา 2,000 คน หากปรับค่าแรง 30% จะกระทบต้นทุนการผลิตแน่ คงต้องหารือลูกค้าว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ หากจะปรับขึ้นราคา เพื่อให้สอดรับกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น" นายประสพกล่าว
ชี้ขึ้นค่าแรงกระแสเด่นทั่วอาเซียน
นาย ประสพกล่าวว่า แนวโน้มการเรียกร้องปรับค่าแรงงานขั้นต่ำไม่ได้มีเพียงไทยและกัมพูชา แต่เป็นเหมือนกันทุกฐานการผลิต เช่น จีน อินโดนีเซีย แม้แต่เมียนมาร์ ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับขึ้นในอัตรา 2 หลักเช่นเดียวกัน
"ปีนี้ผลกระทบ จากการขึ้นค่าแรงอาจไม่กระทบยอดขายบริษัทที่ตั้งเป้าไว้ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ปีหน้าแนวโน้มยอดขายจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ เพราะกำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลัก เช่น สหภาพยุโรป สัดส่วน 45% สหรัฐ 40% ตลาดอื่น เช่น อาเซียนและญี่ปุ่น 15%"
นายถาวร กนกวลีวงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า นอกจากปัญหาค่าแรงแล้ว ที่น่ากังวล คือกัมพูชาเริ่มขาดแคลนแรงงานในบางพื้นที่ เนื่องจากมีนักลงทุนเข้าไปลงทุนจำนวนมาก
นายชาติชาย สิงหเดช ผู้อำนวยการบริหารสมาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงขอขึ้นค่าแรง เป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญ ส่วนโรงงานที่ตั้งอยู่ในเมืองอื่น ยังไม่มีผลกระทบ อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่าชาวกัมพูชาจะเริ่มประท้วงกรณีนี้อีกในเร็ว ๆ นี้
ผู้นำใหม่อินโดฯทุบโต๊ะขึ้น 40%
แหล่ง ข่าวจากบริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ในเครือเอสซีจี เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าแรงขั้นต่ำในอาเซียนบางประเทศเริ่มปรับสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่ตั้งโรงงานในอาเซียนต้องวางแผนบริหารต้นทุนใหม่ ในกลุ่มสินค้ากระเบื้องเซรามิกปูพื้น-บุผนัง ปัจจุบันเอสซีจีมีโรงงานที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ กรณีอินโดนีเซีย หลังนายโจโก วิโดโด หรือโจโกวี ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ปี 2558 รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จากปัจจุบันคิดเป็นเงินไทยวันละกว่า 200 บาท เป็นวันละ 380 บาท ส่งผลให้ต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้น 40%
"การปรับตัว เอสซีจีต้องหาวิธีคุมต้นทุนผลิตทั้งแรงงาน ต้องบริหารจัดการให้แรงงาน 1 คน ผลิตสินค้าได้มากขึ้น กับใช้เครื่องจักรในการผลิตแทนแรงงานคน ปรับไลน์ผลิต หันเน้นผลิตสินค้าที่มีกำไรต่อหน่วยหรือมาร์จิ้นสูงขึ้น ทดแทนต้นทุนผลิตที่สูงขึ้นจากค่าแรงงานใหม่"
แหล่งข่าวกล่าวถึงตลาด แรงงานในฟิลิปปินส์ด้วยว่า แม้ยังไม่มีนโยบายขึ้นค่าแรงงาน แต่ปัจจุบันอัตราค่าแรงสูงอยู่แล้ว คำนวณเป็นเงินไทยสูงกว่า 300 บาท ทำให้โรงงานในฟิลิปปินส์ต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจอย่างน้อย 2 ด้าน คือลดต้นทุนการผลิต กับปรับเพิ่มราคาสินค้าบางรายการ อาทิ กระเบื้องบางรุ่น เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนรวมของบริษัท
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1415345202