เจ้าของกระทู้ทำงานเป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ เจอคนไข้มาก็หลากหลายแต่ไม่รู้วันนี้เป็นอะไรกับเคสนี้ อารมณ์โมโหปนผิดหวังมันพุ่งปรี๊ดจนต้องตั้งกระทู้ บอกตรงๆว่าส่วนหนึ่งอยากระบาย และหวังว่าเพื่อนๆชาวพันทิปจะได้อะไรไปบ้างกับกระทู้นี้ (ปกติมาแนวติ่งละคร วันนี้ขอแบบสาระแกมบ่นออกสื่อเบาๆ)
เรื่องของเรื่องก็คือ มีเคสเด็กผู้หญิงเพิ่งได้ขวบกว่าๆหน้าตาน่ารัก ตัวขาวจ้ำม่ำ จริงๆเป็นลูกค้าประจำที่มาฉีดวัคซีนและรักษาเป็นคนไข้นอกตลอด แต่วันนี้น้องมีไข้สูง หอบมากจนอกบุ๋ม ไอมีเสมหะข้นๆ หมอเด็กตรวจร่างกาย มีการส่ง Lab , X-ray ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นปอดอักเสบ เบื้องต้นรับการรักษาด้วยการพ่นยาขยายหลอดลม 3 ครั้ง และดูดเสมหะโดยนักกายภาพ ทำให้อาการน้องบรรเทาลงบ้าง แต่ติดปัญหาการนอนโรงพยาบาลที่นี่เพราะอย่างที่ทุกคนทราบคือค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อันนี้หมอและพยาบาลเข้าใจ แต่คนไข้จะพาลูกกลับต่างจังหวัดที่อีสานในวันมะรืน
หมอเด็ก " ..ป้าหมอเกรงว่าน้องจะเป็นอันตราย อาการแบบนี้ต้องนอนโรงพยาบาลให้พ่นยา และฉีดยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยสามวันนะคะ ถึงไม่สะดวกที่นี่ เดี๋ยวป้าหมอเขียนจดหมายส่งตัวไปรัฐบาลให้ แต่ยังงัยต้องนอนรักษานะคะ ยังเดินทางไม่ได้ "
พ่อและแม่ทำหน้าลังเล ยืนยันจะกลับ เขายังเชื่อว่าน้องมีอาการมาหลายวันแล้วยังไม่เป็นอะไร เรานี่กัดฟันกรอดเลย..ลูกทั้งไอทั้งหอบยังกะวิ่งมาราธอนมายังว่าไม่เป็นอะไร โอยยยย จะเป็นลม
หลังจากที่ป้าหมออธิบายอยู่นานและเกลี้ยกล่อมให้ไปโรงพยาบาลรัฐบาลสำเร็จ เราได้ขอเบอร์ติดต่อเคสนี้ไว้เพื่อรายงานความคืบหน้าอาการเคส และเป็นการติดตามคนไข้ให้หมอเด็กทราบ ผ่านไปครึ่งวันกะว่าทางนั้นคงเรียบร้อย เราได้โทรไปสอบถามอาการเด็กอีกครั้ง มีเสียงเด็กไอลอดผ่านการสนทนามาด้วย
" เป็นอย่างไรบ้างคะคุณแม่ ติดต่อพาน้องไปตรวจและขอ Admit แล้วใช่ไหมคะ "
"ยังค่ะ อยู่บ้าน น้องไม่เป็นอะไรค่ะ ยังเล่นได้ " แค่นั้นหละอารมณ์เดือดขึ้นทันที แต่เราทำอะไรมากกว่าเกลี้ยกล่อมให้เขาไปรักษาต่อไม่ได้ ดูเหมือนว่าการสนทนาผ่านมือถือยิ่งไม่นำพาให้เขาตระหนักถึงอันตรายของโรคนี้เลย ขนาดหมอเด็กอธิบายต่อหน้าเขายังดูสีหน้าเรียบเฉยผิดวิสัยถ้าเป็นลูกของเราเราต้องไม่รอช้าแน่นอน
จบการสนทนา .....ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้นอกจากขอร้องเขาให้เปลี่ยนใจ
ปอดอักเสบ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี
เราเจอแม่เด็กที่วุ่นวายและความต้องการสูงยังรู้สึกถึงความห่วงใยและรักลูก
แต่เคสนี้...ไม่รู้เลย คุณคิดอะไร..????
อะไรจะสำคัญไปกว่าชีวิตลูก...แต่กับแม่คนนี้..????
เรื่องของเรื่องก็คือ มีเคสเด็กผู้หญิงเพิ่งได้ขวบกว่าๆหน้าตาน่ารัก ตัวขาวจ้ำม่ำ จริงๆเป็นลูกค้าประจำที่มาฉีดวัคซีนและรักษาเป็นคนไข้นอกตลอด แต่วันนี้น้องมีไข้สูง หอบมากจนอกบุ๋ม ไอมีเสมหะข้นๆ หมอเด็กตรวจร่างกาย มีการส่ง Lab , X-ray ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นปอดอักเสบ เบื้องต้นรับการรักษาด้วยการพ่นยาขยายหลอดลม 3 ครั้ง และดูดเสมหะโดยนักกายภาพ ทำให้อาการน้องบรรเทาลงบ้าง แต่ติดปัญหาการนอนโรงพยาบาลที่นี่เพราะอย่างที่ทุกคนทราบคือค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อันนี้หมอและพยาบาลเข้าใจ แต่คนไข้จะพาลูกกลับต่างจังหวัดที่อีสานในวันมะรืน
หมอเด็ก " ..ป้าหมอเกรงว่าน้องจะเป็นอันตราย อาการแบบนี้ต้องนอนโรงพยาบาลให้พ่นยา และฉีดยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยสามวันนะคะ ถึงไม่สะดวกที่นี่ เดี๋ยวป้าหมอเขียนจดหมายส่งตัวไปรัฐบาลให้ แต่ยังงัยต้องนอนรักษานะคะ ยังเดินทางไม่ได้ "
พ่อและแม่ทำหน้าลังเล ยืนยันจะกลับ เขายังเชื่อว่าน้องมีอาการมาหลายวันแล้วยังไม่เป็นอะไร เรานี่กัดฟันกรอดเลย..ลูกทั้งไอทั้งหอบยังกะวิ่งมาราธอนมายังว่าไม่เป็นอะไร โอยยยย จะเป็นลม
หลังจากที่ป้าหมออธิบายอยู่นานและเกลี้ยกล่อมให้ไปโรงพยาบาลรัฐบาลสำเร็จ เราได้ขอเบอร์ติดต่อเคสนี้ไว้เพื่อรายงานความคืบหน้าอาการเคส และเป็นการติดตามคนไข้ให้หมอเด็กทราบ ผ่านไปครึ่งวันกะว่าทางนั้นคงเรียบร้อย เราได้โทรไปสอบถามอาการเด็กอีกครั้ง มีเสียงเด็กไอลอดผ่านการสนทนามาด้วย
" เป็นอย่างไรบ้างคะคุณแม่ ติดต่อพาน้องไปตรวจและขอ Admit แล้วใช่ไหมคะ "
"ยังค่ะ อยู่บ้าน น้องไม่เป็นอะไรค่ะ ยังเล่นได้ " แค่นั้นหละอารมณ์เดือดขึ้นทันที แต่เราทำอะไรมากกว่าเกลี้ยกล่อมให้เขาไปรักษาต่อไม่ได้ ดูเหมือนว่าการสนทนาผ่านมือถือยิ่งไม่นำพาให้เขาตระหนักถึงอันตรายของโรคนี้เลย ขนาดหมอเด็กอธิบายต่อหน้าเขายังดูสีหน้าเรียบเฉยผิดวิสัยถ้าเป็นลูกของเราเราต้องไม่รอช้าแน่นอน
จบการสนทนา .....ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้นอกจากขอร้องเขาให้เปลี่ยนใจ
ปอดอักเสบ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี
เราเจอแม่เด็กที่วุ่นวายและความต้องการสูงยังรู้สึกถึงความห่วงใยและรักลูก
แต่เคสนี้...ไม่รู้เลย คุณคิดอะไร..????