พูดถึงเรื่องโคมลอย กับ วันลอยกระทง
จากความเข้าใจของผมซะหน่อยดีกว่า.
เห็นว่าช่วงนี้มีคำสั่งห้ามปล่อยโคมลอย เพื่อป้องกันเหตุภัยต่างๆ
และจะได้ไม่เดือดร้อนชาวบ้านอีกด้วย ผมว่ามันก้ดีนะ
ส่วนโคมลอยที่อยากกล่าวถึงมี 2 แบบ คือ โคมกลางวัน และโคมกลางคืน
โคมกลางวันจะมีลักษณะใหญ่ สีสันสดใสจากกระดาษว่าวหลากสี ไม่มีเชื้อเพลิง
ส่วนโคมกลางคืนจะมีลักษณะเล็ก ทำด้วยกระดาษว่าวสีขาว ใช้เชื้อเพลิงขี้ผึ้ง
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก 20-30 ปีที่แล้ว ผมอาศัยอยู่ในเขตเมืองเก่า หรือในเขตคูเมืองด้านใน
ในตอนนั้นเชียงใหม่ยังไม่เติบโตมาก รถรายังน้อย จักรยาน BMX คันเดียวเที่ยวรอบเมือง
แบบประมาณว่าหนัง "แฟนฉัน" นั่นแหละครับ
ช่วงประมาณ 1 อาทิตย์ ก่อนถึงวันลอยกระทง วัดวาอารามต่างๆ จะจัดเตรียมงานบุญ
แต่ละบ้านแต่ละชุมชน จะตกแต่งซุ้มทางเข้าบ้าน
ด้วยต้นกล้วยหรือทางมะพร้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ประตูป่า"
ตอนเด็กๆ ผมมักจะไปที่วัดก่อนวันลอยกระทง เพื่อไปดูไปช่วย ตุ๊เจ้า (พระ) ทำงาน
หนึ่งในนั้นคือการทำโคมลอยกลางวันขนาดใหญ่
ซึ่งดูแล้วมันตื่นตาตื่นใจมาก ชาวบ้านกับพระก็ร่วมมือร่วมใจกันทำ
เพราะเราก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ เมื่อเทียบกับโคมลอย (ไปซนซะมากกว่า )
โคมลอยกลางวันขนาดใหญ่ที่ปล่อยออกไป จะมีหางยาว ปากเล็ก ไม่มีลวด ไม่มีเชื้อเพลิง
แต่จะใช้ควันอย่างเดียวอัดเข้าไป ซึ่งจะทำให้โคมลอยได้ เมื่อควันหายร้อน ก็จะตกลงมาเอง
จะมีความหมายคล้ายกันคือ ปล่อยทุกข์ปล่อยโศก
ตอนกลางวัน บางวัดหรือหน่วยราชการบางแห่งจะมีกิจกรรมชิงรางวัล
หากใครเก็บโคมลอยได้ สามารถนำมาแลกรางวัล
ผมจำได้ว่าผมกับเพื่อนๆแก็งแฟนฉัน ได้รางวัลเป็นเงิน 50 บาท
ซึ่งมันเป็นจำนวนเงินที่มากโข สำหรับเด็กๆต่างจังหวัดเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ก๋วยเตี๋ยวยังชามละ 5 บาทอยู่เลย
เที่ยวบินยังมีไม่มาก โคมลอยกลางวันมองด้วยสายตา ก็ไม่น่าเกิน 20 ลูก
ระยะสายตา 5-10 Km ยังเห็นได้ชัดเจน (เพราะมันขึ้นได้ไม่นาน )
แต่เดี๋ยวนี้ คนจากที่อื่นบินมาเยอะ สายการบินเดือดร้อน รัฐบาลต้องห้ามนะ ก็ว่ากันไป
จนมีบางแห่ง จัดกิจกรรมปล่อยโคมกลางคืน "ทำมะโกย" เงิน
ปล่อยโคมลอยที เป็นหมื่นๆลูก ลูกละกี่บาทล่ะ..??
( ดูสวยงามเมื่อตอนขึ้น แต่กลายเป็นขยะทั่วเมืองเมื่อมันลง
และต้องซื้อของมันเอง ห้ามเอาจากที่อื่นมาปล่อย )
ทำมาทุกปี จนเป็นกระแสฮิตติดลมบน ปล่อยได้ทุกโอกาส
วันเกิด ปีใหม่ สงกราณต์ และอื่นๆอีกมากมายมากมาย
เข้าเรื่องที่อยากจะบอกดีกว่า
โคมลอยกลางวัน มันคือวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน
ดั้งเดิมที่อยู่คู่กับเมืองเชียงใหม่มาช้านาน จะห้ามปล่อยก็ใช่เรื่อง
มันเกิดมาก่อนที่เครื่องจะบินมาด้วยซ้ำ ควรจะมีอยู่ต่อไป
ส่วนโคมกลางคืนน่ะ เห้นด้วย ถ้าจะห้ามปล่อย
ยิ่งไปเจอโคมพลาสติก แองกี้เบิร์ดนะ ตัวการ์ตูนต่างๆ บรรลัยเลยล่ะ
ตกใส่บ้านนะ.. ไม่อยากคิด
ผมว่า ห้ามปล่อยกลางคืน แล้วบินกลางคืนดีกว่า
กลางวันก็ให้เป็นไปตาม วิถีธรรมชาติ วัฒนธรรมของคนเชียงใหม่เค้าเถอะครับ..
— รู้สึกสงสัยใกล้จะเป็นพวกอนุรักษ์นิยมแน่ๆเลย..
โคมลอย กับ วันลอยกระทง ที่เชียงใหม่
พูดถึงเรื่องโคมลอย กับ วันลอยกระทง
จากความเข้าใจของผมซะหน่อยดีกว่า.
เห็นว่าช่วงนี้มีคำสั่งห้ามปล่อยโคมลอย เพื่อป้องกันเหตุภัยต่างๆ
และจะได้ไม่เดือดร้อนชาวบ้านอีกด้วย ผมว่ามันก้ดีนะ
ส่วนโคมลอยที่อยากกล่าวถึงมี 2 แบบ คือ โคมกลางวัน และโคมกลางคืน
โคมกลางวันจะมีลักษณะใหญ่ สีสันสดใสจากกระดาษว่าวหลากสี ไม่มีเชื้อเพลิง
ส่วนโคมกลางคืนจะมีลักษณะเล็ก ทำด้วยกระดาษว่าวสีขาว ใช้เชื้อเพลิงขี้ผึ้ง
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก 20-30 ปีที่แล้ว ผมอาศัยอยู่ในเขตเมืองเก่า หรือในเขตคูเมืองด้านใน
ในตอนนั้นเชียงใหม่ยังไม่เติบโตมาก รถรายังน้อย จักรยาน BMX คันเดียวเที่ยวรอบเมือง
แบบประมาณว่าหนัง "แฟนฉัน" นั่นแหละครับ
ช่วงประมาณ 1 อาทิตย์ ก่อนถึงวันลอยกระทง วัดวาอารามต่างๆ จะจัดเตรียมงานบุญ
แต่ละบ้านแต่ละชุมชน จะตกแต่งซุ้มทางเข้าบ้าน
ด้วยต้นกล้วยหรือทางมะพร้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ประตูป่า"
ตอนเด็กๆ ผมมักจะไปที่วัดก่อนวันลอยกระทง เพื่อไปดูไปช่วย ตุ๊เจ้า (พระ) ทำงาน
หนึ่งในนั้นคือการทำโคมลอยกลางวันขนาดใหญ่
ซึ่งดูแล้วมันตื่นตาตื่นใจมาก ชาวบ้านกับพระก็ร่วมมือร่วมใจกันทำ
เพราะเราก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ เมื่อเทียบกับโคมลอย (ไปซนซะมากกว่า )
โคมลอยกลางวันขนาดใหญ่ที่ปล่อยออกไป จะมีหางยาว ปากเล็ก ไม่มีลวด ไม่มีเชื้อเพลิง
แต่จะใช้ควันอย่างเดียวอัดเข้าไป ซึ่งจะทำให้โคมลอยได้ เมื่อควันหายร้อน ก็จะตกลงมาเอง
จะมีความหมายคล้ายกันคือ ปล่อยทุกข์ปล่อยโศก
ตอนกลางวัน บางวัดหรือหน่วยราชการบางแห่งจะมีกิจกรรมชิงรางวัล
หากใครเก็บโคมลอยได้ สามารถนำมาแลกรางวัล
ผมจำได้ว่าผมกับเพื่อนๆแก็งแฟนฉัน ได้รางวัลเป็นเงิน 50 บาท
ซึ่งมันเป็นจำนวนเงินที่มากโข สำหรับเด็กๆต่างจังหวัดเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ก๋วยเตี๋ยวยังชามละ 5 บาทอยู่เลย
เที่ยวบินยังมีไม่มาก โคมลอยกลางวันมองด้วยสายตา ก็ไม่น่าเกิน 20 ลูก
ระยะสายตา 5-10 Km ยังเห็นได้ชัดเจน (เพราะมันขึ้นได้ไม่นาน )
แต่เดี๋ยวนี้ คนจากที่อื่นบินมาเยอะ สายการบินเดือดร้อน รัฐบาลต้องห้ามนะ ก็ว่ากันไป
จนมีบางแห่ง จัดกิจกรรมปล่อยโคมกลางคืน "ทำมะโกย" เงิน
ปล่อยโคมลอยที เป็นหมื่นๆลูก ลูกละกี่บาทล่ะ..??
( ดูสวยงามเมื่อตอนขึ้น แต่กลายเป็นขยะทั่วเมืองเมื่อมันลง
และต้องซื้อของมันเอง ห้ามเอาจากที่อื่นมาปล่อย )
ทำมาทุกปี จนเป็นกระแสฮิตติดลมบน ปล่อยได้ทุกโอกาส
วันเกิด ปีใหม่ สงกราณต์ และอื่นๆอีกมากมายมากมาย
เข้าเรื่องที่อยากจะบอกดีกว่า
โคมลอยกลางวัน มันคือวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน
ดั้งเดิมที่อยู่คู่กับเมืองเชียงใหม่มาช้านาน จะห้ามปล่อยก็ใช่เรื่อง
มันเกิดมาก่อนที่เครื่องจะบินมาด้วยซ้ำ ควรจะมีอยู่ต่อไป
ส่วนโคมกลางคืนน่ะ เห้นด้วย ถ้าจะห้ามปล่อย
ยิ่งไปเจอโคมพลาสติก แองกี้เบิร์ดนะ ตัวการ์ตูนต่างๆ บรรลัยเลยล่ะ
ตกใส่บ้านนะ.. ไม่อยากคิด
ผมว่า ห้ามปล่อยกลางคืน แล้วบินกลางคืนดีกว่า
กลางวันก็ให้เป็นไปตาม วิถีธรรมชาติ วัฒนธรรมของคนเชียงใหม่เค้าเถอะครับ..
— รู้สึกสงสัยใกล้จะเป็นพวกอนุรักษ์นิยมแน่ๆเลย..