กระทู้ต่อเนื่องจาก
http://pantip.com/topic/32762657
เฉินจงเหอเป็นโค้ชทีมชาติวอลเลย์หญิงจีนยุครุ่งเรือง พาทีมหญิงจีนคว้าแชมป์เวิลด์คัพ 2003 และแชมป์โอลิมปิกเอเธนส์ 2004 และเนื่องด้วยปีนี้เป็นวาระครบรอบ 10 ปีแชมป์โอลิมปิก โค้ชเฉินจงเหอจึงได้เชิญผู้เล่นจีนชุดแชมป์โอลิมปิกเอเธนส์มารวมตัวพร้อมกันในวาระพิเศษเช่นนี้
10 ปีนานไป
นักข่าว : หลังจากไม่เจอกัน 10 ปี เมื่อมาเจอหน้าลูกทีมผู้ร่วมงานที่เคยร่วมต่อสู้ฟันฝ่าด้วยกันมาเป็นเวลาถึง 8 ปี แน่นอนว่าคุณต้องรู้สึกประทับใจมาก
เฉินจงเหอ : รู้สึกประทับใจมากจริงๆ แต่ผมเก็บอาการไว้ข้างใน ไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงที่แสดงออกทั้งโอบกอดกัน ร้องลั่นดีใจกัน การได้เจอกันคราวนี้ยากที่จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นคำพูดได้ หลายคนที่ผมไม่ได้เจอหน้าเขามานานหลายปีมาก คนที่ยังทำงานอยู่ในแวดวงกีฬาก็ยังมีโอกาสเจอหน้ากันมากหน่อย แต่อย่างจางน่าที่ไม่ได้ทำงานอยู่ในแวดวงกีฬาโอกาสเจอหน้ากันก็น้อย ตอนนี้แต่ละคนต่างก็ทำงาน มีงานยุ่ง การจะนัดเจอพร้อมหน้าพร้อมตากันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
นักข่าว : เว้นไปถึง 10 ปีถึงนัดรวมตัวกัน เวลานานเกินไปหรือเปล่า?
เฉินจงเหอ : ใช่ นานไป ปีที่แล้วเป็นปีที่เราได้แชมป์เวิลด์คัพครบรอบ 10 ปี ผมก็มีคิดไว้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ จนมาปีนี้จึงทำได้สำเร็จ หวังว่าคราวหน้าพวกเราคงจะได้นัดเจอกันมากยิ่งขึ้น
นักข่าว : ได้เจอหน้าลูกศิษย์ เรื่องราวต่างๆในอดีตคงผุดขึ้นมา
เฉินจงเหอ : ใช่ เมื่อคิดถึงเรื่องราวต่างๆในอดีตแล้ว ผมเองก็ยังรู้สึกประทับใจอยู่ เวลา 8 ปีนั้น ผมคุมทีมเข้มงวดมาก จางผิง เฉินจิ้ง ก็บอกว่าตอนนั้นกลัวผมมาก จางผิงตอนนั้นเด็กสุดในทีม เฉินจิ้งก็เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยกล้าแสดงออก วันนี้เห็นพวกเธอเจริญรุ่งเรือง หลายคนเป็นหัวหน้า มีชีวิตดีพร้อม ผมรู้สึกมีความสุขมาก
นักข่าว : คุณคิดว่าทุกคนเปลี่ยนแปลงไปมากไหม?
เฉินจงเหอ : ไม่มาก ในสายตาผมพวกเธอยังคงเป็นลูกทีมของผมตลอดกาล แต่ถ้าดูเรื่องรูปร่างก็คงมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ผู้หญิงเมื่อมีครอบครัวมีลูก จะมากจะน้อยรูปร่างก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงบ้าง ส่วนคนอื่นก็เปลี่ยนแปลงไม่มากเมื่อเทียบกับตอนที่ผมคุมทีมอยู่
นักข่าว : ได้เจอหน้าพวกเธอแล้ว คุณรู้สึกว่าตัวเองมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?
เฉินจงเหอ : ผมรู้สึกตัวเองดูหนุ่มขึ้น หลายวันนี้พวกเราได้ออกไปทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน รู้สึกเหมือนได้กลับเข้ามาอยู่ในทีม มารวมตัวกัน กินข้าวกัน ได้อารมณ์ย้อนกลับไปเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
นักข่าว : งานหน้าของคุณคือไปร่วมงานแต่งงานลูกศิษย์ 2 คน
เฉินจงเหอ : ใช่ เฉินจิ้งเลื่อนงานแต่งของตัวเองออกไปเพื่อมางานรำลึกครั้งนี้โดยเฉพาะ ผมต้องไปเฉิงตูร่วมงานแต่งของเธอแน่
งานแต่งเฝิงคุนอยู่ต่างประเทศ เนื่องด้วยหน้าที่การงานทำให้ไม่ค่อยสะดวก ตอนนี้ก็กำลังทำเรื่องขอวีซ่าเป็นการส่วนตัวอยู่ ก็ขออวยพรล่วงหน้าตอนนี้ก่อนเลย ขอให้พวกเขามีความสุขตลอดไป
สู้กับความกดดัน
นักข่าว : ย้อนไปเมื่อปี 2001 ทำไมสมาคมวอลเลย์จีนจึงเลือกคุณเป็นโค้ชทีมชาติ?
เฉินจงเหอ : ทำทีมชาติมีความกดดันสูงมาก ตอนนั้นท่านนายกสมาคมฯสวีลี่ถามผมว่ามีความมั่นใจไหม? ผมก็เสนอหูจิ้นไป บอกว่าให้หูจิ้นทำต่อเถอะ ท่านนายกฯบอกว่าคุณไม่ต้องไปสนใจหูจิ้น ผมจะให้คุณคุมทีม คุณมีความมั่นใจหรือเปล่า? ผมบอกว่าถ้าท่านจะให้ผมคุมทีม แน่นอนผมมีความมั่นใจ ผมอยู่กับวอลเลย์หญิงมายาวนาน รู้ความเป็นไปทั้งวอลเลย์ภายในและระดับนานาชาติ เข้าใจในตัวนักกีฬา สุดท้ายสมาคมฯก็ให้ผมทำ
นักข่าว : ตั้งแต่เริ่มต้นทำทีม ความไม่มั่นใจที่มีต่อตัวคุณก็มีมาโดยตลอด
เฉินจงเหอ : ปีแรกเป็นงานยาก ตอนที่ผมเลือกตัวนักกีฬา ตอนนั้นนักข่าวบอกว่าเฉินจงเหอเรียกตัวได้มั่วมาก นอกจากผู้เล่นเก่าอู๋หย่งเหมยแล้ว คนอื่นๆล้วนแต่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่หมด ตอนนั้นผมมีความคิดว่า ผู้เล่นใหม่อายุน้อยจะคุมทีมได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับผู้เล่นเก่า แต่ที่สำคัญกว่าก็คือต้องมองไปที่ระยะยาว ตอนนั้นเป้าหมายสำคัญของเราอยู่ที่โอลิมปิก 2008 ดังนั้นจึงเลือกเอาผู้เล่นใหม่ที่มีจิตใจมุ่งมั่นฮึกเหิม มีฝีมือเทคนิครอบด้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นผู้เล่นที่เพิ่งติดทีมชาติเป็นครั้งแรก
ตอนที่เพิ่งจะมาคุมทีมชาติใหม่ๆ ครอบครัวและเพื่อนๆก็จะส่งข่าวจากสื่อต่างๆมาให้ผมอ่าน ที่พูดไม่ดีต่อไปผมก็ไม่ไปอ่านอีก ผมบอกพวกเขาว่าไม่ต้องส่งมาให้ผมอ่าน ไม่ว่าข้างนอกจะพูดว่ายังไง? ผมไม่สนใจ ปิดหูทั้ง 2 ข้าง ก้มหน้าก้มตาทำงานของเราไป คิดว่าในเมื่อผู้ใหญ่เขาเชื่อมั่นในตัวเรา เราก็พยายยามทำมันให้เต็มที่สุดความสามารถ ไม่ให้รู้สึกผิดต่อผู้นำ ไม่ให้รู้สึกผิดต่อตัวนักกีฬา เท่านี้ก็พอแล้ว
นักข่าว : ชิงแชมป์โลก ปี 2002 คุณเจอมรสุมหนัก หลายคนคิดว่าคุณต้องกระเด็นแน่ๆ แต่สุดท้ายคุณก็ยังผ่านพ้นวิกฤติตอนนั้นไปได้
เฉินจงเหอ : มาคิดตอนนี้ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ผมรู้สึกประทับใจมาก ตอนนั้นสื่อเล่นผมหนักมาก มีสื่อเขียนว่าผู้ใหญ่ในสมาคมฯให้ผมออกแน่ นับเวลาถอยหลังได้เลย ได้ชื่อโค้ชคนใหม่แล้ว
แต่ตอนนั้นทั้งผู้ใหญ่ ทั้งตัวนักกีฬาต่างก็สนับสนุนให้กำลังใจผมดีมาก จำได้ว่าตอนวันเกิดผม จ้าวหรุยหรุ่ยวาดภาพดอกคาร์เนชั่น ลูกทีมแต่ละคนเขียนคำให้กำลังใจลงบนภาพวาดส่งให้ผมเป็นของขวัญ ตอนนั้นผมถึงกับน้ำตาไหล ตื้นตันใจที่สุด สุดท้ายผมก็ไม่ได้ถูกออก ปีนั้นผมถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 10 บุคคลที่น่าผิดหวังแห่งปี ย่ำแย่สุดๆ ... แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพอปี 2003 พวกเราคว้าแชมป์เวิลด์คัพได้ ผมได้เป็น 10 บุคคลที่น่าประทับใจแห่งปี ช่างแตกต่างราวฟ้ากับดินเลยจริงๆ
[สัมภาษณ์] เฉินจงเหอ : โชคดีที่เจอผู้เล่นดีๆอย่างชุดนี้
เฉินจงเหอเป็นโค้ชทีมชาติวอลเลย์หญิงจีนยุครุ่งเรือง พาทีมหญิงจีนคว้าแชมป์เวิลด์คัพ 2003 และแชมป์โอลิมปิกเอเธนส์ 2004 และเนื่องด้วยปีนี้เป็นวาระครบรอบ 10 ปีแชมป์โอลิมปิก โค้ชเฉินจงเหอจึงได้เชิญผู้เล่นจีนชุดแชมป์โอลิมปิกเอเธนส์มารวมตัวพร้อมกันในวาระพิเศษเช่นนี้
10 ปีนานไป
นักข่าว : หลังจากไม่เจอกัน 10 ปี เมื่อมาเจอหน้าลูกทีมผู้ร่วมงานที่เคยร่วมต่อสู้ฟันฝ่าด้วยกันมาเป็นเวลาถึง 8 ปี แน่นอนว่าคุณต้องรู้สึกประทับใจมาก
เฉินจงเหอ : รู้สึกประทับใจมากจริงๆ แต่ผมเก็บอาการไว้ข้างใน ไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงที่แสดงออกทั้งโอบกอดกัน ร้องลั่นดีใจกัน การได้เจอกันคราวนี้ยากที่จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นคำพูดได้ หลายคนที่ผมไม่ได้เจอหน้าเขามานานหลายปีมาก คนที่ยังทำงานอยู่ในแวดวงกีฬาก็ยังมีโอกาสเจอหน้ากันมากหน่อย แต่อย่างจางน่าที่ไม่ได้ทำงานอยู่ในแวดวงกีฬาโอกาสเจอหน้ากันก็น้อย ตอนนี้แต่ละคนต่างก็ทำงาน มีงานยุ่ง การจะนัดเจอพร้อมหน้าพร้อมตากันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
นักข่าว : เว้นไปถึง 10 ปีถึงนัดรวมตัวกัน เวลานานเกินไปหรือเปล่า?
เฉินจงเหอ : ใช่ นานไป ปีที่แล้วเป็นปีที่เราได้แชมป์เวิลด์คัพครบรอบ 10 ปี ผมก็มีคิดไว้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ จนมาปีนี้จึงทำได้สำเร็จ หวังว่าคราวหน้าพวกเราคงจะได้นัดเจอกันมากยิ่งขึ้น
นักข่าว : ได้เจอหน้าลูกศิษย์ เรื่องราวต่างๆในอดีตคงผุดขึ้นมา
เฉินจงเหอ : ใช่ เมื่อคิดถึงเรื่องราวต่างๆในอดีตแล้ว ผมเองก็ยังรู้สึกประทับใจอยู่ เวลา 8 ปีนั้น ผมคุมทีมเข้มงวดมาก จางผิง เฉินจิ้ง ก็บอกว่าตอนนั้นกลัวผมมาก จางผิงตอนนั้นเด็กสุดในทีม เฉินจิ้งก็เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยกล้าแสดงออก วันนี้เห็นพวกเธอเจริญรุ่งเรือง หลายคนเป็นหัวหน้า มีชีวิตดีพร้อม ผมรู้สึกมีความสุขมาก
นักข่าว : คุณคิดว่าทุกคนเปลี่ยนแปลงไปมากไหม?
เฉินจงเหอ : ไม่มาก ในสายตาผมพวกเธอยังคงเป็นลูกทีมของผมตลอดกาล แต่ถ้าดูเรื่องรูปร่างก็คงมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ผู้หญิงเมื่อมีครอบครัวมีลูก จะมากจะน้อยรูปร่างก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงบ้าง ส่วนคนอื่นก็เปลี่ยนแปลงไม่มากเมื่อเทียบกับตอนที่ผมคุมทีมอยู่
นักข่าว : ได้เจอหน้าพวกเธอแล้ว คุณรู้สึกว่าตัวเองมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?
เฉินจงเหอ : ผมรู้สึกตัวเองดูหนุ่มขึ้น หลายวันนี้พวกเราได้ออกไปทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน รู้สึกเหมือนได้กลับเข้ามาอยู่ในทีม มารวมตัวกัน กินข้าวกัน ได้อารมณ์ย้อนกลับไปเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
นักข่าว : งานหน้าของคุณคือไปร่วมงานแต่งงานลูกศิษย์ 2 คน
งานแต่งเฝิงคุนอยู่ต่างประเทศ เนื่องด้วยหน้าที่การงานทำให้ไม่ค่อยสะดวก ตอนนี้ก็กำลังทำเรื่องขอวีซ่าเป็นการส่วนตัวอยู่ ก็ขออวยพรล่วงหน้าตอนนี้ก่อนเลย ขอให้พวกเขามีความสุขตลอดไป
สู้กับความกดดัน