ผมให้คะแนนไม่ถูกเลยเราใจหนึ่งชอบมากอีกใจก็ไม่เท่าไหร่
สิ่งที่ไม่ชอบ ตัวละครเยอะเฉลี่ยความสำคัญไม่หมด บางคนโผล่มาเหมือนเป็นไม้ประดับตายไปก็ไม่มีใครคิดถึง
ทีมท่องอวกาศปฎิสัมพันธ์น้อย ถ้าเทียบกับทีมเจาะฝันที่ช่วยกันหาทางช่วยกันอินเซ็ปชั่นแบบนั้นสร้างเนื้อเรื่องที่เข้มข้นกว่า
เพราะมันช่วยให้เรารู้ว่าหนังกำลังจะเตรียมตัวให้เราเจออะไร เหมือนเล่นกับจินตนาการคนดูไปด้วย
หนังบางช่วงไม่ค่อยน่าเชื่อ อย่างการเชิญพระเอกขับยาน "ได้ยินว่าคุณขับยานเก่ง มาขับพาผมไปกู้โลกหน่อย"
น่าจะมีพื้นเพกับพระเอกมากกว่านี้หรือให้เห็นความสัมพันธ์กับ ดร.แบรนด์ ลงลึกทฤษฎีของนาซ่ามากขึ้น
เพราะความน่าเชื่อถือของเนื้อเรื่องทำให้คนดูอารมณ์ไม่สะดุดตอนดู แล้วคิดนอกเรื่องมากกว่าจดกับหลัง
บางช่วงน่าเบื่อ ช่วงรอเดินทางไปกับหลุมดำ ไม่ค่อยมีอะไรให้ติดตามเลย ช่วงดราม่ากับแอคชั่นมันไม่ไปด้วยกัน
อย่างฉากหนีซึนามิมา แล้วก็ตัดมาติดต่อกับครอบครัวแล้วดราม่าแล้วค่อยทำงานต่อ ผมว่าหนังทำได้กระชับกว่านี้
และบางช่วงงง ผมคงต้องโทษตัวเองด้วยที่โง่แต่บอกตามตรง บางฉากผมไม่รู้เลยตัวละครพูดเรื่องอะไรกัน
ที่ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ คือช่วงท้ายแบบว่าสุดยอดมาก ฉากเชื่อมยานที่กำลังหมุนเป็นแบล็กสวอน ฉากดูดเขาหลุดดำ
มิติที่ห้า มันไม่ใช่แค่น่าตื่นตาแต่มันตื่นใจด้วยเพราะมันเป็นช่วยของความรักพ่อลูกที่น่าประทับใจและล้ำโลกมาก
Interstellar สร้างมิติใหม่ให้กับหนังไซไฟ ช่างใจดูแล้วคงโอนไปทางชอบมากกว่า น่าจะให้คะแนนประมาณ 7.5 - 8
ตรงนี้ผมเลยฉุกคิดได้ว่าทำไมคนถึงคาดหวังกับหนัง Christopher Nolan มากนัก (ผมไม่ใช่ติ่งโนแลนก่อนหน้าไม่ค่อยเข้าใจ)
เพราะเขาเป็นเหมือนนักสำรวจ เขาสร้างเส้นทางใหม่ๆให้กับหนัง ทำให้หนังฮีโร่ที่แตกต่างอย่างไม่มีใครเคยทำมาก่อน
ใน The Dark Knightทำหนังแอคชั่น ไซไฟ แฟนตาซี ปรัญชา ที่ลงตัวแบบสุดๆ ผมว่าหลายคนตั้งน่าตั้งตารอดูว่าเขาจะพาเราไปไหนต่อ
ถ้าตัดความคาดหวังเหล่านี้ลงแล้วมองความจริงว่า โนแลนเองก็เป็นคนสำรวจเส้นทางพวกนี้ด้วยตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าเส้นทางมันจะพาไปไหน ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ถ้าบอกว่าแกเป็นเทพมาจุติในร่างผู้กำกับหนังก็เกินไป
เขาเป็นนักสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้เรา ไม่ต่างจากผู้กำกับหนังคนอื่นๆ ดีบ้างล้มบางเป็นธรรมดา
ถ้าหนังเรื่องหน้าของเขาออกมาคงไม่รอดูว่าคะแนน IMDB Rotten Tometoes จะแค่ไหน ดูแค่เขาจะพาเราไปเจออะไรใหม่อีกก็พอ
Interstellar อยากรู้ความเห็นครับ
สิ่งที่ไม่ชอบ ตัวละครเยอะเฉลี่ยความสำคัญไม่หมด บางคนโผล่มาเหมือนเป็นไม้ประดับตายไปก็ไม่มีใครคิดถึง
ทีมท่องอวกาศปฎิสัมพันธ์น้อย ถ้าเทียบกับทีมเจาะฝันที่ช่วยกันหาทางช่วยกันอินเซ็ปชั่นแบบนั้นสร้างเนื้อเรื่องที่เข้มข้นกว่า
เพราะมันช่วยให้เรารู้ว่าหนังกำลังจะเตรียมตัวให้เราเจออะไร เหมือนเล่นกับจินตนาการคนดูไปด้วย
หนังบางช่วงไม่ค่อยน่าเชื่อ อย่างการเชิญพระเอกขับยาน "ได้ยินว่าคุณขับยานเก่ง มาขับพาผมไปกู้โลกหน่อย"
น่าจะมีพื้นเพกับพระเอกมากกว่านี้หรือให้เห็นความสัมพันธ์กับ ดร.แบรนด์ ลงลึกทฤษฎีของนาซ่ามากขึ้น
เพราะความน่าเชื่อถือของเนื้อเรื่องทำให้คนดูอารมณ์ไม่สะดุดตอนดู แล้วคิดนอกเรื่องมากกว่าจดกับหลัง
บางช่วงน่าเบื่อ ช่วงรอเดินทางไปกับหลุมดำ ไม่ค่อยมีอะไรให้ติดตามเลย ช่วงดราม่ากับแอคชั่นมันไม่ไปด้วยกัน
อย่างฉากหนีซึนามิมา แล้วก็ตัดมาติดต่อกับครอบครัวแล้วดราม่าแล้วค่อยทำงานต่อ ผมว่าหนังทำได้กระชับกว่านี้
และบางช่วงงง ผมคงต้องโทษตัวเองด้วยที่โง่แต่บอกตามตรง บางฉากผมไม่รู้เลยตัวละครพูดเรื่องอะไรกัน
ที่ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ คือช่วงท้ายแบบว่าสุดยอดมาก ฉากเชื่อมยานที่กำลังหมุนเป็นแบล็กสวอน ฉากดูดเขาหลุดดำ
มิติที่ห้า มันไม่ใช่แค่น่าตื่นตาแต่มันตื่นใจด้วยเพราะมันเป็นช่วยของความรักพ่อลูกที่น่าประทับใจและล้ำโลกมาก
Interstellar สร้างมิติใหม่ให้กับหนังไซไฟ ช่างใจดูแล้วคงโอนไปทางชอบมากกว่า น่าจะให้คะแนนประมาณ 7.5 - 8
ตรงนี้ผมเลยฉุกคิดได้ว่าทำไมคนถึงคาดหวังกับหนัง Christopher Nolan มากนัก (ผมไม่ใช่ติ่งโนแลนก่อนหน้าไม่ค่อยเข้าใจ)
เพราะเขาเป็นเหมือนนักสำรวจ เขาสร้างเส้นทางใหม่ๆให้กับหนัง ทำให้หนังฮีโร่ที่แตกต่างอย่างไม่มีใครเคยทำมาก่อน
ใน The Dark Knightทำหนังแอคชั่น ไซไฟ แฟนตาซี ปรัญชา ที่ลงตัวแบบสุดๆ ผมว่าหลายคนตั้งน่าตั้งตารอดูว่าเขาจะพาเราไปไหนต่อ
ถ้าตัดความคาดหวังเหล่านี้ลงแล้วมองความจริงว่า โนแลนเองก็เป็นคนสำรวจเส้นทางพวกนี้ด้วยตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าเส้นทางมันจะพาไปไหน ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ถ้าบอกว่าแกเป็นเทพมาจุติในร่างผู้กำกับหนังก็เกินไป
เขาเป็นนักสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้เรา ไม่ต่างจากผู้กำกับหนังคนอื่นๆ ดีบ้างล้มบางเป็นธรรมดา
ถ้าหนังเรื่องหน้าของเขาออกมาคงไม่รอดูว่าคะแนน IMDB Rotten Tometoes จะแค่ไหน ดูแค่เขาจะพาเราไปเจออะไรใหม่อีกก็พอ