ไม่ว่าจะเป็น แบบริด หรือ บูลริด
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ตอนหุ้นขึ้น สมมุติว่า หุ้นมันขึ้นจาก 5บาท มา 10บาท ยังไงวอลุ่มมันก็ต้องลดลง
เพราะมันต้องใช้เงินมากกว่าเดิมถึง 1เท่าตัวถึงจะซื้อจำนวนหุ้นให้ได้เท่าเดิม โมเมนตั้มยังไงก็ต้องเปลี่ยน ยังไงก็ต้องเกิดไดเวอร์เจนท์
อย่างเช่น SLC มันลงจาก1บาท มา .50บาท เกิดบลูริดไดเวอร์เจนท์ มาซื้อกันตอน.44 เยอะ สุดท้ายเป็นไง
ไดเวอร์เจนท์ มันเหมือน กุศโลบาย ที่หลอกเม่าให้ ถ้ามีหุ้นให้ขายซะ ถ้าไม่มีหุ้นให้ซื้อซะ เพราะหุ้นไม่ว่าจะขาขึ้นหรือขาลง
มันเป็นไปได้ว่าต้องเกิด ไดเวอร์เจนท์ แน่นอน
แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นประจำคือ ไดเวอร์เจนท์ แล้วขึ้นต่อ หรือไม่ก็ ไดเวอร์เจนท์ แล้วลงต่อ
สัญญาณ ไดเวอร์เจนท์ แท้จริงๆแล้วก็คือ การหลอกเม่าให้ ซื้อๆขายๆ ใช่ไหมครับ
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ตอนหุ้นขึ้น สมมุติว่า หุ้นมันขึ้นจาก 5บาท มา 10บาท ยังไงวอลุ่มมันก็ต้องลดลง
เพราะมันต้องใช้เงินมากกว่าเดิมถึง 1เท่าตัวถึงจะซื้อจำนวนหุ้นให้ได้เท่าเดิม โมเมนตั้มยังไงก็ต้องเปลี่ยน ยังไงก็ต้องเกิดไดเวอร์เจนท์
อย่างเช่น SLC มันลงจาก1บาท มา .50บาท เกิดบลูริดไดเวอร์เจนท์ มาซื้อกันตอน.44 เยอะ สุดท้ายเป็นไง
ไดเวอร์เจนท์ มันเหมือน กุศโลบาย ที่หลอกเม่าให้ ถ้ามีหุ้นให้ขายซะ ถ้าไม่มีหุ้นให้ซื้อซะ เพราะหุ้นไม่ว่าจะขาขึ้นหรือขาลง
มันเป็นไปได้ว่าต้องเกิด ไดเวอร์เจนท์ แน่นอน
แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นประจำคือ ไดเวอร์เจนท์ แล้วขึ้นต่อ หรือไม่ก็ ไดเวอร์เจนท์ แล้วลงต่อ