#GoisGo ไปงานกินดอง ที่ สปป.ลาว มาครับ

สวัสดีครับ ทุก ๆ ท่าน ผมได้มีโอกาสไป "งานกินดอง" (งานแต่งงาน) น้องชายของ "เมียมรดก" (ภรรยา) ที่ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว มาครับ เลยอยากเอาวัฒนธรรมและประเพณีของชาวลาวมาเล่าสู่กันฟังครับ

ปกติงานกินดอง หรือ งานแต่ง ของชาวลาว ก็จะจัดคล้าย ๆ กับชาวไทยภาคอิสาน คือมีการ บายศรีสู่ขวัญในตอนเช้าและจัดงานเลี้ยงในตอนเย็น แต่งานนี้ไม่สามารถจองโรงแรมเพื่อจัดงานเลี้ยงในตอนเย็นวันเดียวกันได้ เนื่องจากมีการจัดงานแต่งกันเยอะ จองไม่ทัน เลยแบ่งเป็น 2 วัน จัดสู่ขวัญวันนึง และ จัดงานเลี้ยง อีกวันนึงครับ





"งานมัดแขนสู่ขวัญ" (บายศรีสู่ขวัญ) ครั้งนี้ใช้บ้านเจ้าบ่าวเป็นสถานที่ เจ้าสาวจึงต้องเข้าบ้านทางประตูหลังบ้านครับ โดยมีแม่เจ้าบ่าวเป็นผู้นำ "ผ้าซิ้น" (ผ้าถุง) มาให้นุ่ง เพื่อรับลูกสะใภ้เข้าบ้าน



แล้วเจ้าบ่าวก็ออกมารับเจ้าสาวเข้าบ้านครับ



แล้ว "นายบ้าน" (ผู้ใหญ่บ้าน) ก็เป็น "คนยั่งยืน" (สักขีพยาน) ในการจด "ทะเบียนสร้างครอบครัว" (ทะเบียนสมรส)


และ "หมอพร" (หมอพราหมณ์) ก็ทำการสู่ขวัญให้กับคู่ผัวเมียใหม่ (เจ้าบ่าวเจ้าสาว)




หลังจากนั้นก็ให้คู่ผัวเมียใหม่ป้อนไข่ให้กันและกัน



และก็ถึงเวลาแขกผู้มีเกียรติ "มัดแขน" (ผูกแขน) ให้พรแก่คู่ผัวเมียใหม่





เมื่อมัดแขนจนครบแล้ว ก็ถึงเวลา "สมมาเจ้าโคตรลุงตา" (ขอขมาบิดามารดา)



พอเสร็จพิธีการทางศาสนา ก็เป็นการจบพิธีในวันแรกครับ และมีการเลี้ยงต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาเป็นสักขีพยานก่อนแยกย้ายกลับบ้านครับ

และต่อมาผมก็ได้เดินทางไปงานกินดอง ที่ค้างไว้ ในช่วงเย็นครับ โดยเดินทางโดยรถตู้โดยสารประจำทาง อุดรธานี - หนองคาย ขึ้นที่ตลาดรังสินา ลงรถบริเวณสะพานมิตรภาพไทย - ลาว ครับ



แล้วก็เดินเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจเอกสาร ซึ่งพาสปอร์ตผมได้หมดหน้าที่ให้แสตมป์จึงให้บริษัททัวร์ดำเนินการทำบัตรผ่านแดนให้ เสียค่าใช้จ่าย 100 บาท ครับ



เมื่อเดินเข้าไปในตัวอาคารของด่านตรวจคนเข้าเมือง ก็ต้องยื่นเอกสารให้ตรวจครับ มีหลายช่องให้เลือก



แป๊บเดียวก็เสร็จ เพราะไม่ได้ต่อคิวเยอะ แล้วก็เดินต่อมาเพื่อซื้อ "ปี้" (ตั๋ว) โดยสารเพื่อขึ้นรถโดยสารข้ามสะพานมิตรภาพไทย - ลาว รวมค่าล่วงเวลา ราคา 20 บาทครับ





แต่ถ้าใครต้องการที่จะเดินทางจาก อุดรธานี ไปถึง บขส.ลาว ที่ตลาดเช้า ก็มีรถโดยสารประจำทางครับ ขึ้นรถที่ บขส.เก่า อุดรธานี



เมื่อขึ้นรถโดยสารข้ามสะพานฯ มาแล้ว ก็ต้องทำอีกไม่กี่อย่างก็ผ่านด่านได้แล้วครับ



ขั้นแรก เนื่องจากเราใช้บัตรผ่านแดน จึงจำเป็นต้องไปสำเนาเอกสารผ่านแดนก่อนครับ ค่าสำเนา 5 บาท





แล้วก็ไปซื้อปี้เข้าประเทศครับ จะได้การ์ดมา แบบใช้ครั้งเดียว ขากลับต้องซื้อใหม่



และก็เดินไปที่ตู้เพื่อที่จะทำดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารผ่านแดนครับ



พอแสตมป์เอกสารเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องใช้ปี้แล้วครับ เลือก เบอร์ 5 หรือ เบอร์ 6 ก็ได้ครับ สอดเข้าได้เลย



เมื่อผ่านมาได้แล้ว จะมีเจ้าหน้าที่นั่งรอตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารผ่านแดนครับ เป็นอันจบพิธีในการผ่านแดน



หลังจากผ่านด่านมาแล้ว ก็จะมีผู้ให้บริการแท็กซี่และรถตู้โดยสารเข้ามาถามว่าจะให้ไปส่งหรือป่าว ราคาก็แล้วแต่ตกลงครับ ถ้าต้องการประหยัดก็ใช้รถโดยสารประจำทางครับ สีเขียว เบอร์ 139 ปลายทางที่ บขส. หลังตลาดเช้า ส่วนผมเมียมรดกมารับครับ ยิ้ม



หลังจากที่เค้ามารับก็ไปก็พากันไป "ถ่ายเครื่อง" (แต่งตัว) เพื่อที่จะไปงานกินดองครับ กว่าจะถึงงานก็ เกือบ "แปดโมงกลางคืน" (สองทุ่ม)

คู่ผัวเมียใหม่มารอรับที่หน้างานคล้าย ๆ กับประเพณีไทยครับ





ก่อนเข้างานต้องมีกล่องรับซองและดื่มเหล้ามงคล ส่วนผมเป็นฝ่ายเจ้าภาพไม่ต้องใส่ซองครับ อิอิ





รายการอาหารส่วนใหญ่เค้าจะจัดแบบบุฟเฟ่ ครับ



เมื่อถึงเวลาอันเป็นมงคลแล้ว พิธีกรก็จะเชิญเจ้าโคตรลุงตาขึ้นบนเวที และให้คู่ผัวเมียใหม่รำวงเปิดงาน



หลังจากจบ 1 เพลงแล้ว แล้วแขกที่มาร่วมงานก็จะออกมารำวังกันครับ



ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ บัดสะลบ ท่าเต้นน่ารักมากครับ





แบบแดนซ์ก็มีเหมือนบ้านเราครับ



ส่วนใครที่เหนื่อยก็มานั่งพักเอาแรงแล้วค่อยออกไปใหม่



เครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมของชาวลาวคือ เบียร์ลาว ครับ และผมชอบมาก โดยเฉพาะสาวเชียร์เบียร์ 555 น่าร๊ากกกกก



หลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้ถ่ายรูปต่อเลยครับ มัวแต่ไปเต้นบัดสะลบ และจิบเบียร์ จนจำไม่ได้เลยว่า กลับบ้านตอนไหน ฮา  แต่ที่จำได้แน่ ๆ ว่า เมาค้างไป 3 วันครับ

สุดท้ายนี้ ก็ขออวยพรชัยให้คู่ผัวเมียใหม่มีความสุข สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจ ร่ำรวยเงินทอง และรักกันไปนาน ๆ ครับ

weaq GoisGo
ไปเป็นไป ถึงไหนถึงกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่