เห็นกระทู้คนจองซื้อ iPhne 6/6+ ผ่านบางค่ายแล้วต้องจ่ายเงินมัดจำก่อนโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะได้เครื่องเมื่อไหร่แล้วก็สงสัยว่า ทำไมเราถึงไม่ซื้อจาก Apple Store Thailand
การซื้อจากค่ายผ่านการจองในเนต หรือ ซื้อจาก Shop มีข้อดี คือ โปรโมชั่นลดราคา หากเราจะย้ายค่าย หรือเปิดเบอร์ใหม่ และการได้เครื่องทันที (ถ้ามีของ) ดังนั้น หากเรามีคุณสมบัติจะได้โปรโมชั่น หรือ มีของทันทีจะซื้อจากค่าย จาก Shop ก็ทำไป
แต่ถ้าเราไม่มีคุณสมบัติจะได้โปรโมชั่น หรือ ไม่ต้องได้ของวันแรกก็ได้ การซื้อจาก Apple Store Thailand ดีกว่าเยอะ
ข้อดี
ของส่งถึงมือถึงที่บ้าน/ที่ทำงาน ไม่ต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ก็แลกมาด้วยการต้องรอไม่กี่วัน (แต่ถ้าเป็น iPhone 6/6+ เนื่องจากตอนนี้ของยังผลิตไม่พอขาย อาจต้องรอสองถึงสามอาทิตย์)
ภายใน 14 วัน ไม่พอใจเครื่อง ขอเครื่องใหม่ได้ อันนี้ต้องโทรไปคุยกับสำนักงาน (ล่าสุดโทรไปคนรับบอกสำนักงานอยู่มาเลเซีย) โทรฟรี มีคนไทยรับสาย ผมไม่เคยต้องใช้บริการเปลี่ยนของเลย แต่เท่าที่ท่านอื่นเล่า เปลี่ยนง่าย ไม่เรื่องมาก สำนักงานจะให้ DHL มารับของจากเราถึงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ราคา iPhone ถูกกว่าราคาเครื่องเปล่าของค่าย แต่ก่อนถูกกว่าพันกว่าบาท แต่ iPhone 6/6+ ถูกกว่าสักห้าร้อยบาทมั้ง
รู้วันแน่นอนว่าจะได้ของเมื่อใด เมื่อสั่งซื้อของ เค้าจะบอกว่า ของจะส่งประมาณเมื่อใด ปกติของจะได้ตามนั้น หรือเร็วกว่านั้น เมื่อของส่งแล้ว จะมีอีเมล์มาถึงเราพร้อม Tracking Number เราแค่กด ก็จะเห็นว่า ของเราเดินทางถึงไหนแล้ว ผ่านที่ไหนมาบ้าง
ของที่ได้ มั่นใจได้ว่า เป็นของใหม่ ของแท้ ไม่มีการย้อมแมว
ของที่ได้มีการแพ็กอย่างดี กล่องสินค้าของเราสภาพจะสมบูรณ์ ไม่บุบ มีซีลเรียบร้อย
ทำไมไม่ซื้อผ่าน Apple Store Thailand
ถามน้องที่วิ่งหา iPhone ว่าทำไม ไม่ซื้อจาก Apple Store Thailand ก็ได้คำตอบว่า ไม่กล้า เพราะภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง หรือ กลัวเสี่ยงจากการซื้อของผ่านทางเวบ
ขอบอกว่า การซื้อของทางเวบทั่วไปมีความเสี่ยงโดนโกงจริง แต่เวบ Apple Store Thailand ปลอดภัยเรื่องโกงแน่นอน หรือหากเกิดความผิดพลาด ก็โทรคุยได้ (โทรฟรี) เค้าไม่โกงเราแน่นอน บริการดีด้วย เพราะเค้าบริการด้วยมาตราฐานสากลสูงกว่ามาตราฐานการบริการของบริษัทไทยเยอะ ผมใช้บริการมาหลายปีแล้ว ซื้อของมาเกือบสิบชิ้น ไม่เคยมีปัญหาเลย
ส่วนภาษาอังกฤษ ก็ใช้นิดเดียว ไม่ยาก น้องเค้าฟังเสร็จก็บอกว่า เอ้าจะสั่งทางเวบแล้ว สักพักน้องมาก็มาบอกว่า ใช้ไม่เป็น เพื่อประโยชน์สำหรับคนไม่เคย และไม่กล้า ผมลงวิธีการให้ครับ
วิธีการสั่งซื้อทาง Apple Store Thailand สำหรับคนที่ไม่เคยซื้อมาก่อนเลยจริงๆ
อันดับแรกสิ่งที่ต้องมี
1. เราต้องมีบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ที่มีวงเงินพอให้เค้าตัดเป็นค่าสินค้าได้
2. เราต้องมี Apple ID เป็นตัวเดียวกับที่เราใช้ตอนใช้บริการ iCloud หรือ ซื้อ App ใน App Store คนที่ใช้ iOS ต้องมีอยู่แล้ว
วิธีการสั่งซื้อ
1. เข้าเวบ Apple Store Thailand (www.store.apple.com/th) เข้าไปแล้ว มุมบนด้านขวา จะมีไอคอนรูปหัวคน อยู่ใกล้ๆ กับไอคอนรูปรถเข็น ให้เลื่อนเมาส์ไปที่ไอคอนหัวคน ก็จะมีแถบคำสั่งให้เลือก ก็เลือก Sign In
2. เวบก็จะเปิดหน้า Please Sign In ขึ้นมาให้ ให้เราใส่ Apple ID กับ พลาสเวิร์ด (ช่องบนใส่ Apple ID ช่องล่างพลาสเวิร์ด) แล้วกดปุ่ม Sing In สีน้ำเงิน
3. เวบก็จะกลับไปหน้าเดิมตามข้อ 1 แต่ถ้ามองไปที่ไอคอนหัวคน ตอนนี้จะมีชื่อเราอยู่ข้างๆ ไอคอน
4. บนเวบเราจะเห็นรูป iPhone 6 อยู่เต็มจอ เหนือรูป iPhone ก็จะมีปุ่มสีน้ำเงิน มีคำว่า Buy now ก็กดปุ่มนี้เลย
5. เวบจะขึ้นหน้าใหม่ มีให้เราเลือกรุ่นของ iPhone มีตัวเลือก 3 ขั้น
a. ขั้นแรกเลือก 6 หรือ 6+ 1 Choose a model ก็กดเลือกช่อง iphone 6 หรือ iPhone 6 Plus
b. กดเสร็จ ก็ถึงขั้นที่ 2 ให้เราเลือกสี 2 Choose a finish เราก็กดเลือกสีที่อยากได้
c. กดเสร็จ ก็ถึงขั้นที่ 3 ให้เลือกขนาด 3 Choose Storage เราก็กดเลือกขนาดความจำที่เราต้องการ ซึ่งจะมีราคาบอกด้วย
d. เลือกขั้นที่ 3 เสร็จ ถัดลงมาก็จะสรุป iPhone ที่เราเลือก และมีราคาโชว์ขึ้นมา เช่น B32,900.00 ข้างๆ ราคา ก็จะมีปุ่มสีเขียว Select เราก็กดปุ่มนี้ เป็นการยืนยันว่า เราจะเอา iPhone แบบที่เราเลือกไว้
6. เวบก็จะขึ้นหน้าใหม่มีรูปเคสสีต่างๆ ให้เราเลือกซื้อ ด้านข้างขวา ก็เป็นรูป iPhone พร้อมราคา และปุ่มสีเขียว Add to Cart ตอนนี้ เราจะเลือกซื้อเคสก็เลือกไป พอเลือกเคส ราคาที่อยู่ใต้รูป iPhone ก็จะเพิ่มตามราคาเคส เลือกจนพอใจ ก็กดปุ่ม Add to Cart (กดที่ปุ่มเลย อย่าไปกดที่หัวลูกศรชี้ลง เมื่อกดแล้วระบบก็จะเอาข้อมูลสินค้าที่เราเลือกไปเก็บในรถเข็น (Cart) อันนี้คล้ายๆ กับเวลาเราไปจ่ายของในซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วเราหยิบของใส่ในรถเข็น เราจะหยิบเข้า หยิบออก เล่นอย่างไรก็ได้ เวบยังถือว่าเราสั่งซื้อแล้ว จนกว่าเราจะทำขั้นตอนยืนยันคำสั่งซื้อซึ่งจะเกิดหลังจากนี้อีกหลายขั้นตอน)
7. เวบก็จะขึ้นหน้าใหม่มีรูปสินค้าที่เราเลือกไว้ ในหน้านี้ เรายังมีโอกาสจะเลือกสินค้าไปใส่ในรถเข็นของเราได้อีก เมื่อเราเลือกสินค้าจนพอใจแล้ว ก็กดปุ่มสีเขียว Check Out เป็นการบอกระบบว่า เราพร้อมจะยืนยันคำสั่งซื้อแล้ว ไม่ต้องกลัว กดไปเลย คำสั่งซื้อยังไม่เกิด
8. เวบจะขึ้นหน้าให้เรา Sing In อีกครั้ง ทำเหมือนข้อ 2
9. เวบจะขึ้นหน้าใหม่ โชว์ 3 ขั้นตอน คือ 1 Delivery Options 2 Shipping Address 3 Payment ตราบใดที่เรายังไม่ทำ ขั้นที่ 3 คำสั่งซื้อยังไม่เกิด
a. ในขั้นที่ 1 มีปุ่มสีเขียว Continue ให้กดปุ่มนี้
b. เวบจะเปิดขั้นที่ 2 Shipping Address ให้เราใส่ข้อมูล ชื่อ นามสกุล เบอร์โทร ที่อยู่ที่จะให้ส่งของ เป็นภาษาอังกฤษ ก็ใส่ไป เสร็จแล้ว กดปุ่มสีเขียว Continue
c. เวบจะเปิดขั้นที่ 3 Payment ให้เราใส่ข้อมูล Billing Contact เราก็ใส่ชื่อนามสกุล เบอร์โทร และก็อีเมลแอดเดรส ซึ่ง Apple และผู้ส่งสินค้า (DHL) จะติดต่อเรา ในส่วน Billing Address ก็ใส่ข้อมูลที่อยู่ซึ่งเป็นที่อยู่เดียวกับที่บัตรเดรดิตส่งสเตทเม้นท์รายเดือนให้เรา ด้านขวาก็ใส่หมายเลขบัตรเครดิต เดือนปี หมดอายุ และก็ Security Code ซึ่งก็คือตัวเลข 3 หลักที่อยู่ข้างๆ แถบลายเซ้นต์ในด้านหลังบัตรเครดิตของเรา เสร็จแล้ว ก็กดปุ่มสีเขียว Continue (กดเลย คำสั่งซื้อยังไม่เกิด)
d. ปุ่มสีเขียว Place Order Now ก็จะโผล่ขึ้น ปุ่มนี้สำคัญแล้ว กดเล่นไม่ได้ จะกดก็ต่อเมื่อเราต้องการยืนยันคำสั่งซื้อแล้ว กดเสร็จก็น่าจะจบขั้นตอนแล้ว (ผมไม่กล้ากด เพราะซื่อไปแล้ว ไม่อยากต้องมายกเลิกคำสั่งซื้อนี้ หากหลังจากนี้ยังมีขั้นตอนอื่น ก็น่าจะไม่ยากแระ รบกวนศึกษาเองนะครับ)
e. หาก เราใส่ข้อมูลไม่ครบ หลังกด Place Order Now ในช่องที่เราใส่ข้อมูลไม่ครบ จะมีป้ายเตือนว่า ข้อมูลไม่ครบ ก็ใส่ให้ครบ แล้วกดใหม่
หลังจากสั่งซื้อเกิดอะไร
หลังการสั่งซื้อสำเร็จ (ตาม d) จะมีอีเมลถึงเราทันที บอกเราว่า เราได้สั่งสินค้าอะไร หมายเลขคำสั่ง (Order) คืออะไร สถานะของคำสั่งซื้อ (เช่น Processing หรือ Shipped) และข้อมูลอื่น หากสถานะยังเป็น Processing อยู่ เราสามารถยกเลิกคำสั่งซื้อ หรือเปลี่ยนแปลงสินค้าได้ และยังไม่มีการตัดบัตรเครดิตของเรา
หากสถานะเปลี่ยนเป็นเตรียมส่ง ระบบจะตัดบัตรเครดิตเรา (เราอาจจะได้รับ SMS จากธนาคารแจ้งการตัดเงิน) ตอนนี้เราก็ยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อไม่ได้แล้ว เมื่อเริ่มส่งของแล้ว จะมีอีเมลแจ้งเราว่า ของส่งแล้ว และมี Tracking Number เราสามารถกด Tracking Number ในเมล์เพื่อดูว่า ของส่งถึงไหนแล้วได้เลย หรือจะดูจากเวบ Apple Store Thailand ได้ (เข้าดูที่ไอคอนรูปหัวคน)
เพื่อประโยชน์ของเราเอง มาซื้อผ่าน Apple Store Thailand กันเถอะ
การซื้อจากค่ายผ่านการจองในเนต หรือ ซื้อจาก Shop มีข้อดี คือ โปรโมชั่นลดราคา หากเราจะย้ายค่าย หรือเปิดเบอร์ใหม่ และการได้เครื่องทันที (ถ้ามีของ) ดังนั้น หากเรามีคุณสมบัติจะได้โปรโมชั่น หรือ มีของทันทีจะซื้อจากค่าย จาก Shop ก็ทำไป
แต่ถ้าเราไม่มีคุณสมบัติจะได้โปรโมชั่น หรือ ไม่ต้องได้ของวันแรกก็ได้ การซื้อจาก Apple Store Thailand ดีกว่าเยอะ
ข้อดี
ของส่งถึงมือถึงที่บ้าน/ที่ทำงาน ไม่ต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ก็แลกมาด้วยการต้องรอไม่กี่วัน (แต่ถ้าเป็น iPhone 6/6+ เนื่องจากตอนนี้ของยังผลิตไม่พอขาย อาจต้องรอสองถึงสามอาทิตย์)
ภายใน 14 วัน ไม่พอใจเครื่อง ขอเครื่องใหม่ได้ อันนี้ต้องโทรไปคุยกับสำนักงาน (ล่าสุดโทรไปคนรับบอกสำนักงานอยู่มาเลเซีย) โทรฟรี มีคนไทยรับสาย ผมไม่เคยต้องใช้บริการเปลี่ยนของเลย แต่เท่าที่ท่านอื่นเล่า เปลี่ยนง่าย ไม่เรื่องมาก สำนักงานจะให้ DHL มารับของจากเราถึงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ราคา iPhone ถูกกว่าราคาเครื่องเปล่าของค่าย แต่ก่อนถูกกว่าพันกว่าบาท แต่ iPhone 6/6+ ถูกกว่าสักห้าร้อยบาทมั้ง
รู้วันแน่นอนว่าจะได้ของเมื่อใด เมื่อสั่งซื้อของ เค้าจะบอกว่า ของจะส่งประมาณเมื่อใด ปกติของจะได้ตามนั้น หรือเร็วกว่านั้น เมื่อของส่งแล้ว จะมีอีเมล์มาถึงเราพร้อม Tracking Number เราแค่กด ก็จะเห็นว่า ของเราเดินทางถึงไหนแล้ว ผ่านที่ไหนมาบ้าง
ของที่ได้ มั่นใจได้ว่า เป็นของใหม่ ของแท้ ไม่มีการย้อมแมว
ของที่ได้มีการแพ็กอย่างดี กล่องสินค้าของเราสภาพจะสมบูรณ์ ไม่บุบ มีซีลเรียบร้อย
ทำไมไม่ซื้อผ่าน Apple Store Thailand
ถามน้องที่วิ่งหา iPhone ว่าทำไม ไม่ซื้อจาก Apple Store Thailand ก็ได้คำตอบว่า ไม่กล้า เพราะภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง หรือ กลัวเสี่ยงจากการซื้อของผ่านทางเวบ
ขอบอกว่า การซื้อของทางเวบทั่วไปมีความเสี่ยงโดนโกงจริง แต่เวบ Apple Store Thailand ปลอดภัยเรื่องโกงแน่นอน หรือหากเกิดความผิดพลาด ก็โทรคุยได้ (โทรฟรี) เค้าไม่โกงเราแน่นอน บริการดีด้วย เพราะเค้าบริการด้วยมาตราฐานสากลสูงกว่ามาตราฐานการบริการของบริษัทไทยเยอะ ผมใช้บริการมาหลายปีแล้ว ซื้อของมาเกือบสิบชิ้น ไม่เคยมีปัญหาเลย
ส่วนภาษาอังกฤษ ก็ใช้นิดเดียว ไม่ยาก น้องเค้าฟังเสร็จก็บอกว่า เอ้าจะสั่งทางเวบแล้ว สักพักน้องมาก็มาบอกว่า ใช้ไม่เป็น เพื่อประโยชน์สำหรับคนไม่เคย และไม่กล้า ผมลงวิธีการให้ครับ
วิธีการสั่งซื้อทาง Apple Store Thailand สำหรับคนที่ไม่เคยซื้อมาก่อนเลยจริงๆ
อันดับแรกสิ่งที่ต้องมี
1. เราต้องมีบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ที่มีวงเงินพอให้เค้าตัดเป็นค่าสินค้าได้
2. เราต้องมี Apple ID เป็นตัวเดียวกับที่เราใช้ตอนใช้บริการ iCloud หรือ ซื้อ App ใน App Store คนที่ใช้ iOS ต้องมีอยู่แล้ว
วิธีการสั่งซื้อ
1. เข้าเวบ Apple Store Thailand (www.store.apple.com/th) เข้าไปแล้ว มุมบนด้านขวา จะมีไอคอนรูปหัวคน อยู่ใกล้ๆ กับไอคอนรูปรถเข็น ให้เลื่อนเมาส์ไปที่ไอคอนหัวคน ก็จะมีแถบคำสั่งให้เลือก ก็เลือก Sign In
2. เวบก็จะเปิดหน้า Please Sign In ขึ้นมาให้ ให้เราใส่ Apple ID กับ พลาสเวิร์ด (ช่องบนใส่ Apple ID ช่องล่างพลาสเวิร์ด) แล้วกดปุ่ม Sing In สีน้ำเงิน
3. เวบก็จะกลับไปหน้าเดิมตามข้อ 1 แต่ถ้ามองไปที่ไอคอนหัวคน ตอนนี้จะมีชื่อเราอยู่ข้างๆ ไอคอน
4. บนเวบเราจะเห็นรูป iPhone 6 อยู่เต็มจอ เหนือรูป iPhone ก็จะมีปุ่มสีน้ำเงิน มีคำว่า Buy now ก็กดปุ่มนี้เลย
5. เวบจะขึ้นหน้าใหม่ มีให้เราเลือกรุ่นของ iPhone มีตัวเลือก 3 ขั้น
a. ขั้นแรกเลือก 6 หรือ 6+ 1 Choose a model ก็กดเลือกช่อง iphone 6 หรือ iPhone 6 Plus
b. กดเสร็จ ก็ถึงขั้นที่ 2 ให้เราเลือกสี 2 Choose a finish เราก็กดเลือกสีที่อยากได้
c. กดเสร็จ ก็ถึงขั้นที่ 3 ให้เลือกขนาด 3 Choose Storage เราก็กดเลือกขนาดความจำที่เราต้องการ ซึ่งจะมีราคาบอกด้วย
d. เลือกขั้นที่ 3 เสร็จ ถัดลงมาก็จะสรุป iPhone ที่เราเลือก และมีราคาโชว์ขึ้นมา เช่น B32,900.00 ข้างๆ ราคา ก็จะมีปุ่มสีเขียว Select เราก็กดปุ่มนี้ เป็นการยืนยันว่า เราจะเอา iPhone แบบที่เราเลือกไว้
6. เวบก็จะขึ้นหน้าใหม่มีรูปเคสสีต่างๆ ให้เราเลือกซื้อ ด้านข้างขวา ก็เป็นรูป iPhone พร้อมราคา และปุ่มสีเขียว Add to Cart ตอนนี้ เราจะเลือกซื้อเคสก็เลือกไป พอเลือกเคส ราคาที่อยู่ใต้รูป iPhone ก็จะเพิ่มตามราคาเคส เลือกจนพอใจ ก็กดปุ่ม Add to Cart (กดที่ปุ่มเลย อย่าไปกดที่หัวลูกศรชี้ลง เมื่อกดแล้วระบบก็จะเอาข้อมูลสินค้าที่เราเลือกไปเก็บในรถเข็น (Cart) อันนี้คล้ายๆ กับเวลาเราไปจ่ายของในซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วเราหยิบของใส่ในรถเข็น เราจะหยิบเข้า หยิบออก เล่นอย่างไรก็ได้ เวบยังถือว่าเราสั่งซื้อแล้ว จนกว่าเราจะทำขั้นตอนยืนยันคำสั่งซื้อซึ่งจะเกิดหลังจากนี้อีกหลายขั้นตอน)
7. เวบก็จะขึ้นหน้าใหม่มีรูปสินค้าที่เราเลือกไว้ ในหน้านี้ เรายังมีโอกาสจะเลือกสินค้าไปใส่ในรถเข็นของเราได้อีก เมื่อเราเลือกสินค้าจนพอใจแล้ว ก็กดปุ่มสีเขียว Check Out เป็นการบอกระบบว่า เราพร้อมจะยืนยันคำสั่งซื้อแล้ว ไม่ต้องกลัว กดไปเลย คำสั่งซื้อยังไม่เกิด
8. เวบจะขึ้นหน้าให้เรา Sing In อีกครั้ง ทำเหมือนข้อ 2
9. เวบจะขึ้นหน้าใหม่ โชว์ 3 ขั้นตอน คือ 1 Delivery Options 2 Shipping Address 3 Payment ตราบใดที่เรายังไม่ทำ ขั้นที่ 3 คำสั่งซื้อยังไม่เกิด
a. ในขั้นที่ 1 มีปุ่มสีเขียว Continue ให้กดปุ่มนี้
b. เวบจะเปิดขั้นที่ 2 Shipping Address ให้เราใส่ข้อมูล ชื่อ นามสกุล เบอร์โทร ที่อยู่ที่จะให้ส่งของ เป็นภาษาอังกฤษ ก็ใส่ไป เสร็จแล้ว กดปุ่มสีเขียว Continue
c. เวบจะเปิดขั้นที่ 3 Payment ให้เราใส่ข้อมูล Billing Contact เราก็ใส่ชื่อนามสกุล เบอร์โทร และก็อีเมลแอดเดรส ซึ่ง Apple และผู้ส่งสินค้า (DHL) จะติดต่อเรา ในส่วน Billing Address ก็ใส่ข้อมูลที่อยู่ซึ่งเป็นที่อยู่เดียวกับที่บัตรเดรดิตส่งสเตทเม้นท์รายเดือนให้เรา ด้านขวาก็ใส่หมายเลขบัตรเครดิต เดือนปี หมดอายุ และก็ Security Code ซึ่งก็คือตัวเลข 3 หลักที่อยู่ข้างๆ แถบลายเซ้นต์ในด้านหลังบัตรเครดิตของเรา เสร็จแล้ว ก็กดปุ่มสีเขียว Continue (กดเลย คำสั่งซื้อยังไม่เกิด)
d. ปุ่มสีเขียว Place Order Now ก็จะโผล่ขึ้น ปุ่มนี้สำคัญแล้ว กดเล่นไม่ได้ จะกดก็ต่อเมื่อเราต้องการยืนยันคำสั่งซื้อแล้ว กดเสร็จก็น่าจะจบขั้นตอนแล้ว (ผมไม่กล้ากด เพราะซื่อไปแล้ว ไม่อยากต้องมายกเลิกคำสั่งซื้อนี้ หากหลังจากนี้ยังมีขั้นตอนอื่น ก็น่าจะไม่ยากแระ รบกวนศึกษาเองนะครับ)
e. หาก เราใส่ข้อมูลไม่ครบ หลังกด Place Order Now ในช่องที่เราใส่ข้อมูลไม่ครบ จะมีป้ายเตือนว่า ข้อมูลไม่ครบ ก็ใส่ให้ครบ แล้วกดใหม่
หลังจากสั่งซื้อเกิดอะไร
หลังการสั่งซื้อสำเร็จ (ตาม d) จะมีอีเมลถึงเราทันที บอกเราว่า เราได้สั่งสินค้าอะไร หมายเลขคำสั่ง (Order) คืออะไร สถานะของคำสั่งซื้อ (เช่น Processing หรือ Shipped) และข้อมูลอื่น หากสถานะยังเป็น Processing อยู่ เราสามารถยกเลิกคำสั่งซื้อ หรือเปลี่ยนแปลงสินค้าได้ และยังไม่มีการตัดบัตรเครดิตของเรา
หากสถานะเปลี่ยนเป็นเตรียมส่ง ระบบจะตัดบัตรเครดิตเรา (เราอาจจะได้รับ SMS จากธนาคารแจ้งการตัดเงิน) ตอนนี้เราก็ยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อไม่ได้แล้ว เมื่อเริ่มส่งของแล้ว จะมีอีเมลแจ้งเราว่า ของส่งแล้ว และมี Tracking Number เราสามารถกด Tracking Number ในเมล์เพื่อดูว่า ของส่งถึงไหนแล้วได้เลย หรือจะดูจากเวบ Apple Store Thailand ได้ (เข้าดูที่ไอคอนรูปหัวคน)