แชร์ประสบการณ์เกือบครึ่งวันในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ค่ะ เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 3 พ.ย. เรามีอาการปวดท้อง ท้องเสีย และอาเจียน รุนแรง แต่คิดว่าตัวเองยังไหว จึงรอเพื่อที่จะไปหาหมอตอนเช้า  

ตื่นเช้ามา มีอาการเพลีย ไม่มีแรง (เข้าใจว่าเป็นอาการปกติของคนที่ถ่ายท้อง) คุยกับสามีว่าจะไปส่งลูกที่ รร. ก่อนแล้วเราค่อยไป รพ. แต่พอขึ้นรถออกมาจากบ้านประมาณ 10 นาที เราเริ่มมีอาการอึดอัด หายใจเร็ว มือ และ หน้าเริ่มชา จนมือเริ่มเกร็งและกำไม่ได้ เราและสามีเริ่มใจเสีย เพราะเราไม่เคยมีอาการอย่างนี้มาก่อน จึงรีบขับรถไป รพ. ที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็น รพ.ของรัฐ แถวถนนติวานนท์

พอไปถึงหน้าห้องฉุกเฉิน เรามีอาการมือจีบเกร็ง เท้าเกร็ง หน้าชา ปากแทบขยับพูดไม่ได้ แต่ยังมีสติดีทุกอย่าง เราเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เวลาประมาณ 8 โมงเช้า พอเข้าไป หมอมาดูอาการ สอบถามว่าเป็นอะไรมา เราก็เล่ารายละเอียดไปทั้งหมด หมอให้พยาบาลมาเจาะเลือด และบอกว่ารอผลเลือดประมาณ 1 ชม. อาการมือจีบเกร็ง หน้าชา ก็ยังเป็นอยู่เกือบประมาณ 1 ชม. และอาการเกร็งก็ค่อยๆดีขึ้น มือเริ่มขยับได้ปกติ

ระหว่างที่เราก็นอนรออยู่ในห้องนั้น เห็นคนไข้เข้ามาเรื่อยๆ คนไข้บางคนซึ่งคิดว่ามาก่อนเรา นอนรอโดยที่ไม่มีหมอหรือพยาบาลเข้ามาสอบถามอาการ เราเห็นป้ายที่เตียงคนไข้ระบุว่ารอแพทย์ตรวจ เรานอนรออยู่นานมากๆ รู้สึกเพลีย เพราะไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า เวลาประมาณ เกือบ 11 โมง หมอเดินมาที่เตียงเรา บอกว่าผลเลือดออกมาแล้ว เลือดเราปกติดีทุกอย่าง ประมาณว่าระบุสาเหตุไม่ได้เหมือนกันว่าอาการเกร็งเกิดจากอะไร หมอถามว่าเรามีสิทธิรักษาพยาบาลอยู่ที่ รพ.ไหน เราบอกมีประกันสังคมที่ รพ.เอกชนแถวแจ้งวัฒนะ หมอพูดประมาณว่าจะเขียนใบส่งตัวให้ ให้เราไปตรวจกับที่ รพ. นั้นต่อ ให้ลองไปเช็คไทรอยด์ ซึ่งตอนนั้นเราเริ่มไม่ค่อยโอเค เพราะนอนรอมาตั้งนาน แต่แทบไม่ได้คำตอบอะไร หลังจากนั้น เราเห็นหมอที่ตรวจเราคุยกับหมอผู้หญิงอีกคน แล้วหมอที่ตรวจเราก็เดินมาบอก ว่าจะให้เรานอนสังเกตุอาการอีก 2 ชม. และเดินมาถามเราอีกรอบ ว่าเราเคยเหยียบตะปู หรือโดนของมีคมอะไรหรือไม่ ซึ่งเราแจ้งไปว่าไม่เคย (เรื่องผลเลือด เรามาทราบจากสามีทีหลังว่า สามีเราไปถามพยาบาลที่หน้าห้องฉุกเฉินว่าผลเลือดเรามาหรือยัง เพราะเห็นว่านานมากแล้ว พยาบาลถามกลับ ไม่มีใครบอกคุณเหรอ ว่าต้องไปรอผลเลือดเอง)

พอเราออกมานอนในห้องสังเกตุอาการ เราคุยกับสามีว่าไม่ต้องรอดีกว่า ไปหาหมอที่ รพ.เอกชนที่เรามีประกันสังคมเลย เพราะดูแล้วรอไปหมอก็คงให้คำตอบไม่ได้ เราจึงแจ้งพยาบาลว่าขอไปรักษาที่อื่นต่อ พยาบาลบอกจะไปบอกหมอให้ และจะให้หมอมาคุยกับเราอีกที ผ่านไปสักพัก สามีเราเดินมาบอกว่าหมอสั่งยาให้ น่าจะเป็นวิตามิน แต่ต้องรอจ่ายเงินและรอรับยาอีก 2 ชม. เราเลยบอกไม่ต้องเอายาแล้ว ขอจ่ายเงินแล้วออกจาก รพ.เลย พยาบาลมาถอดเข็มที่เจาะเลือดออกให้ เอาใบรับรองแพทย์มาให้ จ่ายค่าเจาะเลือดไปประมาณ 700 บาท เราออกจาก รพ. โดยที่หมอไม่ได้กลับมาดูอาการตามที่พยาบาลแจ้งไว้

เราไปหาหมอที่ รพ. เอกชนที่มีสิทธิประกันสังคมต่อ แต่คนไข้ที่ประกันสังคมเยอะมากๆ สามีเราจึงตัดสินใจให้ไปหาหมอในส่วนที่ชำระเงินเอง หมอได้อ่านเอกสารที่หมอจาก รพ.รัฐ เขียนมา หมอถามคำแรก คุณไปหาหมอที่ไหนมาเนี๊ยะ เราจึงเล่ารายละเอียดและอาการอีกรอบ หมอบอกสาเหตุที่เรามีอาการมือจีบเกร็ง เป็นอาการ Hyperventilation หลังจากนั้นหมอได้สั่งยารักษาอาการท้องเสียติดเชื้อ และให้กลับบ้านมาพักผ่อน

ข้อสังเกตุของเรา สำหรับหมอที่ รพ.รัฐ
หมอในห้องฉุกเฉินมี 3 คน แลดูเป็นหมออายุน้อยทุกคน (คาดว่าอายุน้อยกว่าเราทั้งหมด เราอายุ 33) ไม่แน่ใจว่าเป็นหมอจบใหม่ หรือหมอฝึกงาน (ถ้าเข้าใจผิด ต้องขออภัยด้วยค่ะ) แต่เราสังเกตุว่าหมอวิเคราะห์อาการไม่ขาด อย่างเด็กน้อยที่นอนปวดท้องอยู่ข้างๆเรา เราก็ได้ยินหมอถามญาติของน้องว่ามีสิทธิ์รักษาที่ไหน แล้วก็พูดประมาณว่าให้ไปรักษาที่นั่นต่อ

เราเลยอยากทราบว่า จริงๆแล้วในห้องฉุกเฉินจำเป็นต้องมีอาจารย์หมอประจำอยู่มั้ยค่ะ หากว่าหมอหนุ่มๆสาวๆ ที่มีประสบการณ์น้อย วิเคราะห์อาการไม่ได้ ก็ควรจะมีอาจารย์หมอคอยให้คำปรึกษาหรือไม่ ดีกว่าปล่อยให้คนไข้นอนรอ โดยที่ไม่ได้รับการชี้แจงถึงสาเหตุของอาการ คือประมาณว่านอนรอจนหาย แต่ยังไม่ได้คำตอบอะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่