ทำไมต้องหุ้น....แล้วหุ้นตัวไหนดี วันที่: 2004-06-21
ทำไมคน "รวยที่สุด" ของประเทศไทย หรือ "เศรษฐีระดับชาติ" ทั้งหลาย จึงมักมีหุ้นอยู่ในตลาดตลาดหลักทรัพย์ แล้วถ้าถามว่า ระหว่าง "ที่ดิน" กับ "หุ้น" อย่างไหนรวยกว่ากัน คนที่ตอบปัญหานี้ได้ดีที่สุด ก็คือ คนที่ชื่อ "อนันต์ อัศวโภคิน" แห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะเขาติดโผรวยหุ้นที่สุดในตลาดหุ้นไทยค่ะ
พร้อมกันนั้น ดิฉันจะพาคุณนั่งยานย้อนเวลาไปถามคุณ "อดิศร" สุดยอดซีเอฟโอแห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
จำได้ว่า แรกที่เริ่มเดิมทีที่หุ้น "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" เข้าตลาดหุ้น มีทุนจดทะเบียน 60 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นละ 48 บาท เมื่อเข้าตลาดซื้อขายกันจนราคาขึ้นไป ตีสัก 100 บาทค่ะ
วันนั้นมาร์เก็ตแคป แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คือ 6 พันล้าน
วันนี้ คือ 8 หมื่นล้าน ค่ะ
วันนั้นถึงวันนี้ โตขึ้นมา 13 เท่า หรือ 1300% ในขณะที่เสมียนน้อย คือ ดิฉันเอง นั่งดูรายขายที่ดินของแลนด์ฯ แถวๆ บางนา วันนั้นโครงการหมู่บ้านหนึ่งเสนอขาย 1 ไร่ๆ ละ 2 ล้าน
เทียบแล้วตกตารางวาละ 5 พันบาท
วันนี้ที่ดินตรงนั้น ขายวาละ 4 หมื่น โตขึ้น 9 เท่าหรือ 900%
เทียบการลงทุนช่วงเดียวกันแล้ว ผลการลงทุนในหุ้น จะ "ชนะ" ซื้อที่ดิน ก็ตรงนี้แหล่ะค่ะ
แต่ต้องยอมรับค่ะว่า ที่ดินตอนนั้นจากวาละ 5 พัน ขึ้นมา 6 -7 พันต่อตารางวา ถึงจะขายยากในบางช่วง บางจังหวะ แต่ราคา ก็จะขึ้นแบบสม่ำเสมอ ไม่มีการตกฮวบฮาบค่ะ
ขณะที่มีเงินอยู่ในหุ้น มาร์เก็ตแคป 1 หมื่นล้าน ก็อาจลดเหลือ 8 พันล้าน หรือขึ้นไป 1-2 หมื่นล้านก็ได้ มันจึงมีได้ทั้งผลุบๆ ทั้งโผล่ๆ ได้เหมือนกันค่ะ
เพราะฉะนั้น ทำไมต้องหุ้น...
ก็เพราะว่าสุดท้ายในระยะยาวแล้ว พิสูจน์ได้จากทุกสำนักวิจัยว่า....
หุ้น...เป็นการลงทุนดีที่สุดค่ะ
แต่....(อีกแล้ว)
ช่วงไหนควรจะลงทุน "ยาว" ... ช่วงไหนควรจะ "สั้น" แล้วหุ้นตัวไหนดี
ตรงนี้มันมี "เคล็ดลับ" ค่ะ
เพราะเวลาลงทุนในตลาดหุ้น เราจะเลือกลงทุนในหุ้นที่เมื่อซื้อวันนี้ แล้วราคาน่าจะขยับขึ้นในวันหน้าค่ะ
คือ เมื่อเห็นว่า บริษัทดี กิจการดี เศรษฐกิจดี บริษัทน่าจะมีกำไรที่ดีด้วย
เพราะเมื่อเราลงทุนในกิจการที่ดี ผลประกอบการดีด้วย ราคาหุ้นก็ขยับ เท่ากับเรามีกำไร
นั่นคือ สิ่งซึ่งทำให้เราประสบสำเร็จในการลงทุนค่ะ
เพราะฉะนั้น ทำไมหุ้น...แล้วหุ้นตัวไหนดี เราลองมาคัดสรรกันดีหน่อยมั้ยคะ
หุ้นที่ดีน่าจะมีลักษณะอย่างไรหรือ???
ขอแค่ 5 เรื่องเท่านั้นค่ะ
1.กิจการต้องเติบโตอย่างสม่ำเสมอ มั่นคง (Growth Prospect)
2.เป็นผู้นำตลาดและเป็นธุรกิจที่เขาชำนาญ (Market Tenetration)
3.ต้องพร้อมสำหรับการแข่งขัน (Conpetiveness)
4.มีผู้บริหารที่ดี (Management)
5.ดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบบรรษัทภิบาล (Corpprate Governance)
ดิฉันขอขยายความดังนี้นะคะ
1.กิจการต้องเติบโตอย่างสม่ำเสมอ มั่นคง (Growth Prospect) หมายถึงว่า บริษัทที่ดี จะต้องเจริญก้าวหน้า เติบโต แข็งแรง อาจจะไม่ต้องโตเร็วก็ได้ แต่ขอให้ "งามสมวัย" ก็พอค่ะ
2.เป็นผู้นำตลาดและเป็นธุรกิจที่เขาชำนาญ (Market Tenetration)
ดิฉันเชื่อว่า การทำธุรกิจในไทยนั้น คุณต้องเป็นผู้นำในสิ่งที่ทำอยู่ ไม่ต้องเป็นที่ 1 ก็ได้ แต่ขออยู่ลำดับต้นๆ หากเอยถึงเซ็คเตอร์นี้ ก็ต้องมีชื่อฉันอยู่ด้วยน่ะค่ะ
จริงอยู่ว่า คุณอาจจะแข่งขันกับใครทุกอย่างไม่ได้ เก่งไปหมดทุกอย่างไม่ได้ แต่เราหาความเป็นเลิศในสิ่งที่เป็นอยู่ เท่านั้นก็พอจริงๆ ค่ะ
3.ต้องพร้อมสำหรับการแข่งขัน (Conpetiveness)
ดิฉันว่า ธุรกิจในวันนี้ต้องยอมรับว่า เรื่องการแข่งขันหลายคนไม่ชอบ เพราะทำให้เหนื่อยขึ้น แต่เชื่อมั้ยคะ การแข่งขันทำให้มีประ สิทธิภาพมากขึ้น และทุกโอกาสนั้นต้องแข่งขัน อย่างน้อยที่เป็นตัวเป็นตนกันอยู่ขณะนี้ ก็ "ชนะ" กันมาจากในท้อง (แม่) ทั้งนั้น คือ เราต้องยอมรับการแข่งขัน ค่ะ และเราต้องยอมรับกฎเกณฑ์ของโลกด้วยว่า ผู้แข็งแกร่ง ต้องอยู่รอด การแข่งขัน ยังทำให้แข็งแกร่งขึ้น คุณมีต้นทุนสูง คุณก็ต้องลด คุณมียอดขายดี กำไรก็ต้องดี นี่คือ บริษัทที่แข่งขันได้
4.มีผู้บริหารที่ดี(Management) บริษัทถึงแม้จะเป็นนิติบุคคล ก็มีแต่ร่าง หามีวิญญาณไม่ วิญญาณของบริษัทอยู่ตรงไหน ก็คือ "ผู้บริหาร" ทั้งหมด นั่นแหล่ะค่ะ นี่คือ จิตวิญญาณที่แท้จริงของบริษัท เมื่อเป็นบริษัทที่ดี ผู้บริหารก็ต้องดีด้วย เราจะเอาเงินไปให้เขาบริหารลงทุน ให้เงินบริษัทไหน ก็ต้องมั่นใจว่า เขาเอาไปใช้ที่ถูกทาง ถูกจังหวะด้วย
และสุดท้าย 5.ดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) คิดดี ทำถูก ก็ทำในทางที่ดีด้วย
การมีบรรษัทภิบาล ก็คือ คุณซื่อสัตย์ต่อผู้ถือหุ้น ลูกหนี้ ลูกค้า ลูกน้อง และแม้แต่คู่แข่งของคุณค่ะ
และนี่คือ 5 ข้อที่ดิฉันอยากจะขอ และอยากเห็น เพราะถ้าคุณตอบ 5 ข้อนี้ได้ และบริษัทที่เราลงทุนให้คำตอบนี้ได้ ดิฉันมั่นใจค่ะว่า ทำไมต้อง
ทำไมต้องหุ้น....แล้วหุ้นตัวไหนดี
ทำไมคน "รวยที่สุด" ของประเทศไทย หรือ "เศรษฐีระดับชาติ" ทั้งหลาย จึงมักมีหุ้นอยู่ในตลาดตลาดหลักทรัพย์ แล้วถ้าถามว่า ระหว่าง "ที่ดิน" กับ "หุ้น" อย่างไหนรวยกว่ากัน คนที่ตอบปัญหานี้ได้ดีที่สุด ก็คือ คนที่ชื่อ "อนันต์ อัศวโภคิน" แห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะเขาติดโผรวยหุ้นที่สุดในตลาดหุ้นไทยค่ะ
พร้อมกันนั้น ดิฉันจะพาคุณนั่งยานย้อนเวลาไปถามคุณ "อดิศร" สุดยอดซีเอฟโอแห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
จำได้ว่า แรกที่เริ่มเดิมทีที่หุ้น "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" เข้าตลาดหุ้น มีทุนจดทะเบียน 60 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นละ 48 บาท เมื่อเข้าตลาดซื้อขายกันจนราคาขึ้นไป ตีสัก 100 บาทค่ะ
วันนั้นมาร์เก็ตแคป แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คือ 6 พันล้าน
วันนี้ คือ 8 หมื่นล้าน ค่ะ
วันนั้นถึงวันนี้ โตขึ้นมา 13 เท่า หรือ 1300% ในขณะที่เสมียนน้อย คือ ดิฉันเอง นั่งดูรายขายที่ดินของแลนด์ฯ แถวๆ บางนา วันนั้นโครงการหมู่บ้านหนึ่งเสนอขาย 1 ไร่ๆ ละ 2 ล้าน
เทียบแล้วตกตารางวาละ 5 พันบาท
วันนี้ที่ดินตรงนั้น ขายวาละ 4 หมื่น โตขึ้น 9 เท่าหรือ 900%
เทียบการลงทุนช่วงเดียวกันแล้ว ผลการลงทุนในหุ้น จะ "ชนะ" ซื้อที่ดิน ก็ตรงนี้แหล่ะค่ะ
แต่ต้องยอมรับค่ะว่า ที่ดินตอนนั้นจากวาละ 5 พัน ขึ้นมา 6 -7 พันต่อตารางวา ถึงจะขายยากในบางช่วง บางจังหวะ แต่ราคา ก็จะขึ้นแบบสม่ำเสมอ ไม่มีการตกฮวบฮาบค่ะ
ขณะที่มีเงินอยู่ในหุ้น มาร์เก็ตแคป 1 หมื่นล้าน ก็อาจลดเหลือ 8 พันล้าน หรือขึ้นไป 1-2 หมื่นล้านก็ได้ มันจึงมีได้ทั้งผลุบๆ ทั้งโผล่ๆ ได้เหมือนกันค่ะ
เพราะฉะนั้น ทำไมต้องหุ้น...
ก็เพราะว่าสุดท้ายในระยะยาวแล้ว พิสูจน์ได้จากทุกสำนักวิจัยว่า....
หุ้น...เป็นการลงทุนดีที่สุดค่ะ
แต่....(อีกแล้ว)
ช่วงไหนควรจะลงทุน "ยาว" ... ช่วงไหนควรจะ "สั้น" แล้วหุ้นตัวไหนดี
ตรงนี้มันมี "เคล็ดลับ" ค่ะ
เพราะเวลาลงทุนในตลาดหุ้น เราจะเลือกลงทุนในหุ้นที่เมื่อซื้อวันนี้ แล้วราคาน่าจะขยับขึ้นในวันหน้าค่ะ
คือ เมื่อเห็นว่า บริษัทดี กิจการดี เศรษฐกิจดี บริษัทน่าจะมีกำไรที่ดีด้วย
เพราะเมื่อเราลงทุนในกิจการที่ดี ผลประกอบการดีด้วย ราคาหุ้นก็ขยับ เท่ากับเรามีกำไร
นั่นคือ สิ่งซึ่งทำให้เราประสบสำเร็จในการลงทุนค่ะ
เพราะฉะนั้น ทำไมหุ้น...แล้วหุ้นตัวไหนดี เราลองมาคัดสรรกันดีหน่อยมั้ยคะ
หุ้นที่ดีน่าจะมีลักษณะอย่างไรหรือ???
ขอแค่ 5 เรื่องเท่านั้นค่ะ
1.กิจการต้องเติบโตอย่างสม่ำเสมอ มั่นคง (Growth Prospect)
2.เป็นผู้นำตลาดและเป็นธุรกิจที่เขาชำนาญ (Market Tenetration)
3.ต้องพร้อมสำหรับการแข่งขัน (Conpetiveness)
4.มีผู้บริหารที่ดี (Management)
5.ดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบบรรษัทภิบาล (Corpprate Governance)
ดิฉันขอขยายความดังนี้นะคะ
1.กิจการต้องเติบโตอย่างสม่ำเสมอ มั่นคง (Growth Prospect) หมายถึงว่า บริษัทที่ดี จะต้องเจริญก้าวหน้า เติบโต แข็งแรง อาจจะไม่ต้องโตเร็วก็ได้ แต่ขอให้ "งามสมวัย" ก็พอค่ะ
2.เป็นผู้นำตลาดและเป็นธุรกิจที่เขาชำนาญ (Market Tenetration)
ดิฉันเชื่อว่า การทำธุรกิจในไทยนั้น คุณต้องเป็นผู้นำในสิ่งที่ทำอยู่ ไม่ต้องเป็นที่ 1 ก็ได้ แต่ขออยู่ลำดับต้นๆ หากเอยถึงเซ็คเตอร์นี้ ก็ต้องมีชื่อฉันอยู่ด้วยน่ะค่ะ
จริงอยู่ว่า คุณอาจจะแข่งขันกับใครทุกอย่างไม่ได้ เก่งไปหมดทุกอย่างไม่ได้ แต่เราหาความเป็นเลิศในสิ่งที่เป็นอยู่ เท่านั้นก็พอจริงๆ ค่ะ
3.ต้องพร้อมสำหรับการแข่งขัน (Conpetiveness)
ดิฉันว่า ธุรกิจในวันนี้ต้องยอมรับว่า เรื่องการแข่งขันหลายคนไม่ชอบ เพราะทำให้เหนื่อยขึ้น แต่เชื่อมั้ยคะ การแข่งขันทำให้มีประ สิทธิภาพมากขึ้น และทุกโอกาสนั้นต้องแข่งขัน อย่างน้อยที่เป็นตัวเป็นตนกันอยู่ขณะนี้ ก็ "ชนะ" กันมาจากในท้อง (แม่) ทั้งนั้น คือ เราต้องยอมรับการแข่งขัน ค่ะ และเราต้องยอมรับกฎเกณฑ์ของโลกด้วยว่า ผู้แข็งแกร่ง ต้องอยู่รอด การแข่งขัน ยังทำให้แข็งแกร่งขึ้น คุณมีต้นทุนสูง คุณก็ต้องลด คุณมียอดขายดี กำไรก็ต้องดี นี่คือ บริษัทที่แข่งขันได้
4.มีผู้บริหารที่ดี(Management) บริษัทถึงแม้จะเป็นนิติบุคคล ก็มีแต่ร่าง หามีวิญญาณไม่ วิญญาณของบริษัทอยู่ตรงไหน ก็คือ "ผู้บริหาร" ทั้งหมด นั่นแหล่ะค่ะ นี่คือ จิตวิญญาณที่แท้จริงของบริษัท เมื่อเป็นบริษัทที่ดี ผู้บริหารก็ต้องดีด้วย เราจะเอาเงินไปให้เขาบริหารลงทุน ให้เงินบริษัทไหน ก็ต้องมั่นใจว่า เขาเอาไปใช้ที่ถูกทาง ถูกจังหวะด้วย
และสุดท้าย 5.ดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) คิดดี ทำถูก ก็ทำในทางที่ดีด้วย
การมีบรรษัทภิบาล ก็คือ คุณซื่อสัตย์ต่อผู้ถือหุ้น ลูกหนี้ ลูกค้า ลูกน้อง และแม้แต่คู่แข่งของคุณค่ะ
และนี่คือ 5 ข้อที่ดิฉันอยากจะขอ และอยากเห็น เพราะถ้าคุณตอบ 5 ข้อนี้ได้ และบริษัทที่เราลงทุนให้คำตอบนี้ได้ ดิฉันมั่นใจค่ะว่า ทำไมต้อง