แก้ Freelance ราคาถูก หางานยากอย่างไร !!

ทุกวันนี้การเป็น Freelance ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีอุปสรรคจากปัจจัยภายนอกหลายอย่างทำให้อาชีพนี้หางานยากขึ้นทุกวัน เช่น
คู่แข่งเยอะ, ลูกค้ากดราคา, เพื่อนร่วมสายงานตัดราคากันเอง เป็น Freelance จะทำไงได้ก็ได้แต่บ่น หรือทนไปวันๆ หรือท้ายที่สุด
ถ้าอยู่ไม่ไหว ไม่พอยาไส้ก็คงต้อง bye กลับไปหางานประจำไปตามๆ กัน แต่คุณต้องแน่ใจก่อนนะว่า "Freelance เป็นแบบนั้นทุกคนจริงหรือ"...

  แน่นอนว่า ไม่ใช่ Freelance ทุกคนที่เจอะเจอปัญหาเดียวกันคุณ เอ๊ะ... แล้ว Freelance ที่เค้าอยู่ยงคงกระพันได้ เค้ามีวิธีการบริหารจัดการ
หรือหางานอย่างไร ผมในฐานะ Freelance คนหนึ่งขอยกตัวอย่างแนวคิดบางข้อให้เพื่อนๆ ที่กำลังทดท้อ เบื่อหน่าย เศร้าใจในการเผชิญ
ปัญหากับการยึดถือ "วิชาชีพ Freelance"
(เป็้นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ว่าใช้ได้กับทุกคน แต่สามารถนำไปดัดแปลง และประยุกต์ใช้ได้)

   โดยวันนี้ผมขอยกตัวอย่างปัญหา "งานหายาก และถูกกดราคา" มาเป็นแนวทางการวิเคราะห์และแก้ปัญหาให้ลองอ่านกันเล่นๆ นะครับ
เริ่มเลย >>
    ถ้าลูกค้าบอกว่า "ทำไมงานน้องแพงจัง ลดราคาได้มั้ย" เห้องานก็หายากนานๆ จะมาที แถมโดนต่อราคาอย่างถูกอีกจะทำยังไงดี

ตอบ   เรามาวิเคราะห์กันว่าเพราะอะไร สาเหตุหลักๆ นะครับที่ลุกค้าส่วนใหญให้ราคาถูก มีหลายเหตุผลครับ
         - ลูกค้าไม่ใช่ลูกค้าโดยตรง แต่รับงานมาจากลูกค้าโดยตรงอีกที ดังนั้นจึงต้องคุมงบหรือตัดราคา
         - เป็นเพราะเพื่อนร่วมสายงานเราเอง ตัดราคากันเอง งานไม่ใช้ฝีมือ แต่ตัดราคากันเอางานไปทำ จริงๆเรื่องพวกนี้เป็นเรื่อง
           ที่ไม่ควรทำ เพราะคนทำงานจะลำบากกันภายหลัง
         - ลูกค้าต้องการงานดังกล่าว แต่.... ลูกค้าไม่ได้ทราบมาก่อนว่างานมีรายละเอียด ความยากง่ายอย่างไร แต่ประเมินจากงบประมาณ
           หรือทุนทรัพย์ที่มีจ้าง

         แนวการแก้ปัญหา ไปกันทีละ Step

1.  กลุ่มเป้าหมายผู้ทรงเกียรติ

          กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ อย่างที่ผมกล่าวมาเป็นกลุ่มลูกค้าที่รับงานมาทำ แล้วกระจายงาน หรือเป็นลุกค้าที่ใช้บริการ
          โดยตรง ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้เพื่อนๆ เลือกกลุ่มลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์เราโดยตรงดีกว่า เพราะว่าบวกค่างานได้เต็มๆ บางครั้งก็ต้องตัดใจ
          ทิ้งอะไรบ้าง เพื่อไปเจอโอกาสที่ดีหรือเหมาะกว่า หรือถ้าเพื่อนๆ บอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นแนวนี้ และมีงานมาให้เรื่อยๆ ผมอยากให้
          เพื่อนๆ แบ่งสัดส่วนงานเป็นประมาณนี้ครับ

          - ลูกค้าโดยตรง 60% + ลูกค้าทางอ้อม 40% (หรือให้มีสัดส่วนลูกค้าโดยตรงที่มากกว่า หรือใกล้เคียงกัน)
            การแบ่งสัดส่วนดังกล่าว ก็เพื่อให้เราหาลูกค้าที่เราสามารถจะคิดค่างานได้เต็มๆ ส่วนลูกค้าที่นำงานมาจ้างเราต่อ เราก็เก็บไว้เป็นฐานลูกค้า
            สำหรับให้มีงานเข้า เงินหมุนเวียน แต่ไม่ควรรับเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เพราะอนาคตจะต้องทำงาน "เน้นปริมาณ" มากกว่าคุณภาพ และเชื่อ
            เถอะ ทำงานแบบนี้มันเหนื่อยแน่

      
2. ใบเสนอราคาแจงเหตุผล
    
ให้เพื่อนๆ ทำใบเสนอราคา ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าบางท่านจ้างงานเราแต่ลูกค้าไม่รู้ว่ารายละเอียดมีอะไรบ้าง รู้เพียงว่าจ้างกันโดยทั่วไปประมาณ
เท่านี้ โดยที่ไอ้ราคาทั่วไปที่ว่ากัน อาจเป็นราคาที่เพื่อนร่วมสายงานตัดราคากันเองก็เป็นได้ วิธีแก้ปัญหาดังกล่าวคือ
"เพื่อนๆ ควรอธิบายรายละเอียดลงในใบเสนอราคาให้ลูกค้าเห็นว่า งานชิ้นนี้กว่าจะได้มามันมีความสลับซับซ้อน หรือรายละเอียดอย่างไร" เช่น

          ลูกค้าจ้างทำ presentation เคยจ้าง 1xxxx บาท แต่สมมติมาทำกับเรา เราคิด 2xxxx บาท ลูกค้าจะต้องถามว่า ทำไมแพงจัง ?? ให้เพื่อนๆ
ทำใบเสนอราคาไปให้ลุกค้าโดยเป็นการชี้แจงลูกค้าทางอ้อม ถึงการทำงานของเราเช่น

         รายละเอียด :
- จัดทำภาพ graphic vector character เพื่อประกอบการทำ present
- นำเข้าทำ motion เคลื่อนไหว และ animation
- ตัดต่อ Vdo พร้อมใส่ effect ต่างๆ ให้ดูน่าสนใจ
- ใส่เสียงดนตรีประกอบ music + Sound effect
- จัดทำ package จัดส่งงาน หรือ นัดรับงานไม่มีค่าใช้จ่ายการเดินทาง

       จากตัวอย่างข้างบน บางทีลูกค้าอ่านใบเสนอราคาจากความคิดที่ว่าทำไมงานเราแพงจัง อาจเปลี่ยนทัศนคติเป็น "ทำไมได้เยอะจัง ถูกนะเนี่ย"
ลองเอาไปทำดูครับ


       3. เพิ่มคุณค่าให้งานคุณ
    แน่นอนว่า เราเสนอราคาไป ทำเอกสารไปแต่ผลงานก็ต้องออกมาดี และคุ้มการการรันตีด้วยนะ แต่ว่าถ้าลูกค้าบอกว่าราคาก็ยังแพงไปอยู่ดี
ลดให้หน่อยได้ไหม หรือถูกอีกได้ไหม เราควราทำอย่างไรดี ??
    ถ้าเพื่อนๆ คิดแล้วเป็นราคาที่เหมาะสมไม่ได้แพงเวอร์ หรือคำนวนจากค่าเสียเวลาตามจริงก็ไม่จำเป็นต้องไปลดราคาให้ครับแต่ให้ใช้วิธี
"เพิ่มคุณสมบัติเข้าไปให้ตัวงานแทน"... เช่น

   ถ้าลูกค้าบอกว่า งานทำ present ที่ว่าก็ยังแพงไปอยู่ดี ถ้าอย่างนั้นลองเสนออรรถประโยชน์เพิ่มเติมโดยคงราคาไว้ดีกว่าไหมครับ เช่น
เดี๋ยวผมทำ package ให้ด้วยครับราคานี้, ผมเพิ่ม effect ตรงนี้ให้ดีไหมครับ ปกติราคานี้ไม่ได้นะ...,  ผมเพิ่ม app ตัวนี้ให้พี่ใช้งานเสริมดีไหมครับ...
, ผมขอเสนอเป็นดูแล 1 เดือนฟรี หลังจากจบงานดีกว่า ระหว่างนี้พี่แก้ได้....  อื่นๆ
        ให้เพิ่มคุณค่าให้กับตัวงาน มากกว่าจะลดราคาตัวงานลง


        4. อาศัยการอ้างอิง

    แน่นอนว่า ป่วยต้องไปหาหมอ, สร้างตึกต้องเรียกวิศวกร, ทำความสะอาดบ้านต้อง แม่บ้าน, ถูกล้วงกระเป๋าต้องแจ้งตำรวจ ฉันใดก็ฉันนั้น ผมกำลังอธิบายว่า อะไรเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่เราสามารถจะบวกราคาเพิ่มในตัวงานได้ นั่นก็คือ ความรู้ทางวิชาชีพของเรา
    ซึ่งถ้าเราอธิบายได้ว่าตัวงานชิ้นนี้ ราคานี้ เราทำไม่ได้เพราะว่าเราต้องลดขั้นตอนการทำงาน ซึ่งภายหลังอาจจะทำให้งานชิ้นดังกล่าวเกิดปัญหา
ตามที่เราได้เคยจัดทำมา เนื่องจากเราเคยมีประสบการณ์การทำงาน มากี่ปี ..., ทำที่ไหนมาก่อน, ทำให้ใครมาก่อน, เจออะไรมาบ้าง บราๆๆ ก็ว่าไป
โดยการอ้างอิงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในรูปเอกสาร , บุคคลอ้างอิง หรือแม้กระทั่งการแลกเปลี่ยนทัศนคติโดยตรงกับลูกค้าก็ทำให้สามารถซื้อใจลูกค้าได้เช่นกัน แต่ตรงนี้คุณจะต้องรู้ลึก รู้จริง และตอบตามความจริง เพราะถ้า make ขึ้นมาแล้วลูกค้ามาทราบภายหลัง เรื่องยาวแน่...

        5. ที่สำคัญอย่าตัดราคากันเองเป็นพอ เพราะตัดราคากันมันเป็นเรื่องเลวร้าย และเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ freelance ท่านอื่นๆ อยู่ยากขึ้น

สำหรับวันนี้ผมหวังว่าเพื่อนๆ คงได้อะไรไปบ้างไม่มากก็น้อย ยังไงแล้วลองนำไปประยุกต์ใช้ดูได้นะครับ ถ้ามีเหตุผลบางข้อที่เห็นว่าไม่เหมาะสมต้อง
ขออภัยด้วย เพราะเป็นเพียงการแชร์แนวคิดส่วนตัว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่