ประสบการณ์โดนหิ้วปีกเข้าห้องฉุกเฉิน ณ ต่างแดน และเตือนผู้มีโรคประจำตัว

เราเรียนอยู่ต่างประเทศ ก็ออกเช้าไปเรียนตามปกติแหละ
ทีนี้เราไปถึงเฉียดฉิวเวลารถรับส่งของมหาลัยจะออกพอดี เราก็วิ่งไปขึ้นรถ วิ่งไม่ถึงยี่สิบเมตร
แต่พอขึ้นรถรู้สึกเหนื่อยมาก เหนื่อยเหมือนวิ่งไกลมากทั้งๆแค่วิ่งจริงๆประมาณนาทีเดียว หายใจเร็ว
ด้วยความเคยชินที่เราเป็นภูมิแพ้ไซนัส เวลาหายใจแล้วรู้สึกหายใจไม่คล่องจะหายใจทางปากช่วย
เราพยายามหายใจเร็วๆทั้งสองทางเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังหายใจแต่รู้สึกเหมือนอากาศมันไม่เข้าปอด
เราทำโดยหารู้ไม่ว่ายิ่งทำอย่างนั้นจะทำให้ความสมดุลของคาบอนไดออกไซต์กับออกซิเจนเสียไปทำให้จะวูบ (หมอบอกไม่ควรทำอย่างแรง)
ตอนแรกก็เหมือนดีขึ้น รู้สึกหายเหนื่อยจากวิ่งแต่รู้สึกหายใจไม่เข้า
เราอ่อนแรงค่ะ (ตอนนั้นรถเต็มไม่ได้นั่ง เรายืนเกาะเสาอยู่) รู้ว่าไม่ไหวลงไปนั่งยองๆกับพื้น
เท่านั้นหละ คนขับตะโกนบอกให้ใครหาที่นั่งให้เราหน่อย (พอดียืนใกล้หน้ารถ)
เราก็แบบเฮ้ยไม่เป็นไรจริงๆ เราแค่วูบนิดเดียวดีขึ้นนิดนึงละขอที่ยืนพิงก็โอละ
จากนั้นไม่ถึงห้านาที เราวางกระเป๋ากระดาษต่างๆทิ้งลงพื้น เพื่อนที่ยืนข้างๆบอกเฮ้ยเป็นอะไร เราก็หันไปมองเค้านะ
เค้าก็แบบพูดเสียงดังว่าเฮ้ยยูหน้าซีด ปากม่วง
เราก็บอกว่าเรามึนๆ หายใจแต่เหมือนไม่เข้า จะเป็นลม
คนที่นั่งข้างๆลุกแล้วดึงเรานั่งทันทีที่เพื่อนเราทัก
จากนั้นเข้ามาจัดการทันทีค่ะ ถามตลอดว่ารู้สึกอะไร เป็นอะไร ดึงแขนไปจับชีพจร (มารู้ทีหลังว่าเป็นหมอ)
เราก็วูบๆ มองไม่เห็น เห็นแต่ขาวๆดำๆ ผะอืดผะอม
คือตอนนั้นอ่ะ ไม่สบาย จะเป็นลมจะพูดแรงยังแทบไม่มียังต้องพยายามอธิบายอาการเป็นภาษาอังกฤษอีกสรุปคือพูดไม่รู้เรื่อง
เพื่อนต้องตอบแทนค่ะว่ามีโรคประจำตัว ไม่ค่อยสบาย บลาๆ
จากนั้นเราก็จำไม่ค่อยได้ ก้ำกึ่งระหว่างรู้สึกตัวและไม่รู้สึก
คือได้ยินแต่ตอบสนองไม่ไหวอ่ะ รู้แค่ว่ามีคนเรียกชื่อ หมอคนที่จับชีพจรพยายามตบหน้าเรียกสติ
เหมือนได้ยินคนตะโกนเรื่องกระเป๋าฉุกเฉิน   
หมอคนนั้นพูดอะไรซักอย่าง ประมาณว่ารีบไปให้ถึงมหาลัยเถอะ (มหาลัยมีโรงพยาบาลด้วย)
คนขับก็ขับไปจอดหน้าห้องฉุกเฉินค่ะ หมอกับผู้ชายอีกคนหิ้วปีกเราเข้าห้องฉุกเฉินเลย
เอารถเข็นมาให้นั่ง ตรวจชีพจร ความดัน ระดับออกซิเจน เสร็จย้ายเราตรวจหัวใจค่ะ ลากขึ้นเตียงตรวจอีซีจีเลย
ตอนนั้นตกใจมากที่เค้าจับตรวจเพราะที่นี่มีประวัติเราอยู่แล้ว (นักเรียนต้องทำประวัติสุขภาพซึ่งเพิ่งทำไปไม่ถึงห้าเดือน)
แบบเฮ้ยตรูจะตายมั๊ย อีซีจีเลยหรอ เกิดอะไรขึ้น
ถามหาไอดี โรคหรือยาที่ทาน (ซึ่งโชคดีมาก วันก่อนไม่ค่อยสบายไซนัสหวัดครบเราเลยถือโอกาสนั่งเขียนรายชื่อยาที่ทานเอาไว้เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้น)
หมอเห็นปุ๊บ ถามทั้งหมดนี่เลยหรอ เราก็พยักหน้า
จับตรวจนู่นนี่ดูแล้วยังไม่แบบจะตายในสิบยี่สิบนาที เค้าก็ย้ายเรามานั่งรอหมออีกคนค่ะ
ให้เราถือเอกสารที่ตรวจแล้วทั้งหมดพร้อมให้โค้ดเขียว(รองจากเหลืองกับแดง)ซึ่งแปลว่ารอได้ประมาณนึงยังจะไม่ตายภายในชั่วโมงนี้
รอค่ะ ค่อยๆรู้สึกดีขึ้นแต่ก็แย่ลงเป็นพักๆ พยาบาลมาวัดไข้ ความดัน ชีพจร ออกซิเจนเรื่อยๆระหว่างรอหมอ
พอได้เจอหมอ หมอก็ดูเอกสารแล้วฟังเราก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จับจีพจรและฟังเสียงปอดอีกรอบ พร้อมสอนนักศึกษาไปเบาๆ (ได้ยินประมาณว่าฟังสิเสียงหายใจเนี่ยไม่ปกติอะไรซักอย่าง)
จากนั้นพยาบาลก็มาจับฝังเข็มและหลอดต่อสายยางสำหรับดูดเลือดและให้ยาและให้ทานยาอะไรซักอย่าง
เราก็แบบเฮ้ย อะไร จะแอดมิตตรูเรอะ นักเรียนแพทย์เดินมาจดรายการยาที่ทานค่ะ
หมอสั่งเจาะเลือดไปสี่หลอด ก่อนให้ไปรอต่อ

สรุปหมอสั่งเช็คทุกอย่าง น้ำตาล จำนวนและสัดส่วนเลือดขาวแดง อื่นๆ รวมถึงค่าไทรอยด์เพราะเราเป็นไทรอยด์เป็นพิษ
แต่ไม่พบสาเหตุค่ะนอกจากปวดหัวที่ไม่หาย หาเหตุผลไม่ได้เลยบอกว่าถ้าเป็นอีกให้รีบกลับมาแต่คิดว่าน่าจะเกิดขึ้นเพราะแพนิค(panic attack)เนื่องจากเรามีประวัติทานยาคลายเครียดและยาต้านซึมเศร้าด้วย

เราก็ออกมาแบบงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ที่เล่ามาทั้งหมดเพราะอยากจะเน้นตรงนี้ค่ะ
เราคิดถูกที่เขียนรายชื่อโรคและยาที่ทานไว้ทั้งหมดแปะไว้หลังไอดี (เพราะตอนไม่มีแรงจะเขียนแค่ชี้ให้เค้าค้นกระเป๋าย่นระยะการงมเข็มมากค่ะ)

ปล. อยากจะเตือนว่าถ้ามีโรคประจำตัวแบบเราควรจะเขียนทุกอย่างแล้วแปะไว้หลังไอดีนะคะ มันช่วยเราไว้เลยตอนไม่มีแรง พยาบาลหาไอดีเจอเท่ากับเจอทุกอย่าง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่