คือผมเป็นโรคจิตนะครับ จิตเภท
ผมก็มักจะชวนน้องสาวเธอคุยวิจารณ์เรื่องราวต่างๆไปวันๆ เพราะผมไม่มีงานทำ จึงหาเรื่อง
พูดคุยแก้เครียดไปเรื่อย แต่พอผมวิจารณ์เรื่องต่างๆลงลึกไปสักหน่อย น้องสาวผมก็จะเอะอะ
โวยวายว่าผมกำลังเครียด เดี๋ยวก็จะต้องถูกจับไปนอนในโรงพยาบาลเหมือนที่เคย ซึ่งจะทำ
ให้เธอต้องเดือดร้อนไปเยี่ยมอีก คือเธอรำคาญที่จะเล่นบทบาทแม่พระน่ะครับ อันนี้ผมเข้าใจ
ผมเลยมาคิดโยงกับเรื่องภาษีบุหรี่นะครับ เพราะผมก็สูบบุหรี่ บ้านเราบุหรี่หาซื้อง่ายอย่างที่เห็น
ไม่ใช่แค่ตามร้าน แม้ตามตลาดนัดทั่วไปก็มี ถึงจะห้ามโฆษณา แต่ผู้ขายก็มีบริการเสริมโดยการ
แบ่งขาย ไม่มีเงินพอซื้อทั้งซอง จะซื้อ 5 มวนก็ขาย มวนเดียวก็ขาย สรุป หาที่ซื้อแสนง่ายดาย
แต่พอตอนจะสูบขึ้นมา กลับหาไม่ได้เอาเลย ตอนผมซื้อบุหรี่ ผมก็ถือเป็นผู้จ่ายอากรเข้ารัฐ แต่
พอผมหยิบบุหรี่ขึ้นมา ผมก็คือฆาตกรรายหนึ่ง
สงสัยเรื่องภาษีบุหรี่ตรงที่ว่า ภาษีอย่างอื่น รัฐก็เหมือนเก็บไปเพื่อเป็นค่าใช่จ่ายส่วนกลางก็เพื่อ
ผู้ที่จ่ายให้ เช่น ภาษีพลังงาน แต่พอเป็นบุหรี่ รัฐกลับหมายหัวเอาไว้เลยว่า ผมต้องเจ็บป่วยเพราะ
บุหรี่ และต้องตายเพราะบุหรี่แน่ๆ ถือเป็นภาระของรัฐที่จะต้องมารักษาพยาบาลตัวผม (น่าจะถึง
ขั้นซื้อโลงให้ด้วยก็ดี จะได้อ้างได้เต็มปากขึ้น) คือภาษีบุหรี่นี้ ไม่ได้เจียดไปเป็นค่าสร้างที่สูบบุหรี่
สาธารณะเพื่อความสะดวกของผู้สูบ หรือสร้างบริเวณเพื่อความสะดวกเรียบร้อยอะไรของผู้สูบ
ผู้สูบบุหรี่จะไปได้รับประโยชน์คืนเอาตอนเจ็บป่วยเท่านั้น ซึ่งป้าผมก็เป็นมะเร็งปอดตาย แต่ก็ไม่
เคยไปรบกวนเงินของรัฐแม้แต่สลึงเดียว เข้ารพ.เอกชนตลอด ตอนตายก็ซื้อโลงเอง ไม่มีพวง
หรีดของโรงงานยาสูบแม้แต่พวงเดียว
ก็เข้าใจครับ ผมติดบุหรี่ คือผมมันโง่ ผมมันเลว เป็นฆาตกร แต่ผมก็เสียอากรเข้ารัฐมาตลอดการ
สูบบุหรี่เกือบ 30 ปีของผมเป็นจำนวนเงินมากแล้ว หากป่วยขึ้นมาผมรับรองว่าไม่กล้าไปขอความ
กรุณาจากท่านแน่ แต่ขอแค่ว่า ให้ท่านช่วยให้ชีวิตของคนติดบุหรี่อย่างผมมีคุณภาพที่ดีขึ้นสักนิด
จากเงินที่ผมจ่ายให้ท่าน ได้บ้างไหมครับ เอากันจะตอนเป็นๆนี่ล่ะ
ไหนๆรัฐก็เล่นบทบาทพ่อพระ จะปรามไม่ให้ผมสูบบุหรี่ โดยการมาสูบเงินจากผมไปเยอะแล้วนะครับ
สงสัยเรื่อง ภาษีบุหรี่
ผมก็มักจะชวนน้องสาวเธอคุยวิจารณ์เรื่องราวต่างๆไปวันๆ เพราะผมไม่มีงานทำ จึงหาเรื่อง
พูดคุยแก้เครียดไปเรื่อย แต่พอผมวิจารณ์เรื่องต่างๆลงลึกไปสักหน่อย น้องสาวผมก็จะเอะอะ
โวยวายว่าผมกำลังเครียด เดี๋ยวก็จะต้องถูกจับไปนอนในโรงพยาบาลเหมือนที่เคย ซึ่งจะทำ
ให้เธอต้องเดือดร้อนไปเยี่ยมอีก คือเธอรำคาญที่จะเล่นบทบาทแม่พระน่ะครับ อันนี้ผมเข้าใจ
ผมเลยมาคิดโยงกับเรื่องภาษีบุหรี่นะครับ เพราะผมก็สูบบุหรี่ บ้านเราบุหรี่หาซื้อง่ายอย่างที่เห็น
ไม่ใช่แค่ตามร้าน แม้ตามตลาดนัดทั่วไปก็มี ถึงจะห้ามโฆษณา แต่ผู้ขายก็มีบริการเสริมโดยการ
แบ่งขาย ไม่มีเงินพอซื้อทั้งซอง จะซื้อ 5 มวนก็ขาย มวนเดียวก็ขาย สรุป หาที่ซื้อแสนง่ายดาย
แต่พอตอนจะสูบขึ้นมา กลับหาไม่ได้เอาเลย ตอนผมซื้อบุหรี่ ผมก็ถือเป็นผู้จ่ายอากรเข้ารัฐ แต่
พอผมหยิบบุหรี่ขึ้นมา ผมก็คือฆาตกรรายหนึ่ง
สงสัยเรื่องภาษีบุหรี่ตรงที่ว่า ภาษีอย่างอื่น รัฐก็เหมือนเก็บไปเพื่อเป็นค่าใช่จ่ายส่วนกลางก็เพื่อ
ผู้ที่จ่ายให้ เช่น ภาษีพลังงาน แต่พอเป็นบุหรี่ รัฐกลับหมายหัวเอาไว้เลยว่า ผมต้องเจ็บป่วยเพราะ
บุหรี่ และต้องตายเพราะบุหรี่แน่ๆ ถือเป็นภาระของรัฐที่จะต้องมารักษาพยาบาลตัวผม (น่าจะถึง
ขั้นซื้อโลงให้ด้วยก็ดี จะได้อ้างได้เต็มปากขึ้น) คือภาษีบุหรี่นี้ ไม่ได้เจียดไปเป็นค่าสร้างที่สูบบุหรี่
สาธารณะเพื่อความสะดวกของผู้สูบ หรือสร้างบริเวณเพื่อความสะดวกเรียบร้อยอะไรของผู้สูบ
ผู้สูบบุหรี่จะไปได้รับประโยชน์คืนเอาตอนเจ็บป่วยเท่านั้น ซึ่งป้าผมก็เป็นมะเร็งปอดตาย แต่ก็ไม่
เคยไปรบกวนเงินของรัฐแม้แต่สลึงเดียว เข้ารพ.เอกชนตลอด ตอนตายก็ซื้อโลงเอง ไม่มีพวง
หรีดของโรงงานยาสูบแม้แต่พวงเดียว
ก็เข้าใจครับ ผมติดบุหรี่ คือผมมันโง่ ผมมันเลว เป็นฆาตกร แต่ผมก็เสียอากรเข้ารัฐมาตลอดการ
สูบบุหรี่เกือบ 30 ปีของผมเป็นจำนวนเงินมากแล้ว หากป่วยขึ้นมาผมรับรองว่าไม่กล้าไปขอความ
กรุณาจากท่านแน่ แต่ขอแค่ว่า ให้ท่านช่วยให้ชีวิตของคนติดบุหรี่อย่างผมมีคุณภาพที่ดีขึ้นสักนิด
จากเงินที่ผมจ่ายให้ท่าน ได้บ้างไหมครับ เอากันจะตอนเป็นๆนี่ล่ะ
ไหนๆรัฐก็เล่นบทบาทพ่อพระ จะปรามไม่ให้ผมสูบบุหรี่ โดยการมาสูบเงินจากผมไปเยอะแล้วนะครับ