จากเด็กบ้านนอกสู่วิถีชีวิตมนุษย์เงินเดือนในบางกอก ทำอย่างไรให้ค่าตัวหรือเงินเดือนหลักแสน

นี่เป็นกระทู้แรกในพันทิพ ของผม ผมแค่อยากเล่าประวัติของผมเองเพื่อเป็นการให้กําลังใจ เพื่อนๆเด็กต่างจังหวัด เพื่อนๆมนุษย์เงินเดือนทุกคนครับ โอกาสอาจเข้ามาหาเราไม่บ่อยนักแต่ถ้ามีมาแล้วเราเตรียมพร้อมและคว้ามันได้สักวันจะเป็นวันของเรา

ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดตอนเด็กๆผมเรียนค่อนข้างเก่งครับแต่ไม่ค่อยตั้งใจเรียนจับพลัดจับผลูดันได้โควต้า วิศวะ มาก็เรียนไปแต่เรียนไม่รอดจะโดนรีไทร์เอาตอนปี 2
เลยจําใจย้ายไปเรียน การตลาดที่คิดว่าน่าจะพอไหว ก็พยายามตั้งใจเรียนขึ้นกลัวจบไม่ทันเพื่อน สงสารพ่อแม่ด้วย (ฐานะไม่ค่อยดีครับ)
สุดท้ายก็จบ 4ปีทันเพื่อน อัดทุกsummer จบมาด้วยเกรดนิยม 2.5 จบมหาวิทยาลัย ไม่ดังงานก็หายากมาก สัมภาษณ์งานอยู่เกือบสองเดือน
มีติดต่อกลับบ้าง ส่วนใหญ่ เซลล์ต้องใช้รถ ไอ่เราก็ไม่มีเงินก็ต้องปฏิเสธเค้าไป สุดท้ายเหมือนดวงพาไป เงินหมดกําลังจะกลับบ้านนอก
มีญาติโทรมาให้ลองสัมภาษณ์งานที่ บริษัท อาหารเบอร์หนึ่งเมืองไทย ตําแหน่งใหญ่โต เป็นเซลล์ขายไส้กรอก ขี่มอไซด์เก็บเงินตามปั๊มนํ้ามัน เหมือนคุยถูกคอกับ HR ,Line Manager เลยได้งานมา ด้วยเงินเดือนสตาร์ท 12,000 บาท + ค่าเสื่อมมอไซด์ 1,800 บาท ค่าโทรศัพท์ 600 บาท เบี้ยเลี้ยงวันละ 80 บาท  รวมๆเกือบหมื่นแปด เมื่อเจ็ดปีก่อน สําหรับผมมันเยอะมาก แต่มันลําบากที่ผมไม่ค่อยรู้เส้นทางใน กรุงเทพ ออฟฟิสอยู่ ถนนจันทน์ ผมดูเขตบางนา ขับฮอนด้าดรีม วันนึงๆร่วม 150 กิโล แรกๆก็เหนื่อยเอาการ แต่สนุกดี ทํามาสองปี พยายามเก็บความรู้เพิ่มเติมถามนู่นบ้างนี่บ้างจากพี่ๆ manager ทั้งหลาย จนมาถึงวันที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ครั้งแรกในการทํางาน เนื่องจากบริษัทที่ผมทํางานเป็นบริษัทลูกอีกทีนึง เค้ามีนโยบาย ควบรวมกิจการ 13BU รวมเป็นBUเดียว จากออฟฟิสเล็กๆ ถนนจันทน์ ได้ย้ายไปตึกหรู บนถนนรัชดา เด็กบ้านนอกขับมอไซด์ ได้ย้ายไปทํางานออฟฟิสหรู แรกๆก็ตื่นเต้นดีพอผ่านไปซักรู้สึกว่างานที่เราทําดูไม่ค่อยเท่ห์ล่ะ เพื่อนๆการตลาดจบมาพร้อมกันบ้างก็ทํางานแบงค์ บ้างเป็นเลขา เป็นแอดมิน มีบางคนทํางานอยู่เชียงใหม่เป็น PG เชียร์สินค้าในห้าง เดือนนึงรับหมื่นกว่าอยู่เชียงใหม่สบายๆ เพื่อนๆจบ วิศวะ เงินเดือน 20,000-25,000 เท่ห์ชะมัด ผมมานั่งคิดเองว่าผมยังไงก็ต้องสู้ต้องกัดฟันทําต้องพัฒนาตัวเอง ก็เก็บเงินไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม พร้อมกับทํางานไปด้วย จังหวะนั้นพี่คนนึงในบริษัทลาออก ผมเห็นว่าโอกาสเหมาะเลยขอหัวหน้าย้ายงาน ในตําแหน่งใหม่ ชื่อ Key Account เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสําคัญในชีวิต (เพื่อนๆบางคนอาจไม่รู้ว่าคือตําแหน่งอะไรลองเข้าไปอ่านตามลิงค์นี้ครับ http://pinnynoi.wordpress.com/2010/11/14/key-account-modern-trade/ ) มาเริ่มงานต้องดูแลลูกค้าห้างใหญ่มาก 108 Shop ผมเปิดเค้าเป็นลูกค้าใหม่ด้วยยอดขายถล่มทลาย เดือนแรก 25,300บาทถ้วน (ยอดขายที่ทำได้ให้บริษัท) ผมจําเลขนี้ได้ดี ก็ทํางานตําแหน่งนี้มาเรื่อยๆชีวิตเริ่มดีขึ้น มีเงินดาวน์วีออสมือสองขับรู้สึกหล่อมากตอนนั้น เงินเดือนก็ขยับขึ้นเป็นลําดับ ผมทําตําแหน่งนี้แต่ได้ดูแลลูกค้าเจ้าใหญ่ขึ้นจนจบสุดท้ายที่บริษัทนี้ด้วยเงินเดือนตอนนั้น18,600 บาท พร้อมค่าเสื่อมรถ 12,000อาจดูน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นแต่ผมก็พออยู่ได้ ผมอยู่บริษัทนี้มาประมาณ4ปี ปีสุดท้ายที่ผมอยู่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ผู้บริหารระดับสูงที่โดนซื้อตัวมาจากบริษัท consumer ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ เริ่มเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นมีการดึงตัวเด็กจบนอกมาทํางานด้วยค่าจ้างสุดหรู อาเจ๊กอาเฮียคนเก่าแก่เริ่มบทบาทน้อยลง ตัวผมเองเริ่มปรับตัวและเรียนรู้วิธีการทํางานวิธีคิดของพวกเค้ามาประมาณหนึ่งปีแล้วตัดสินใจลองสมัครงานบริษัทที่ผู้บริหารเค้าย้ายมาบ้าง ผมเตรียมตัวค่อนข้างดี พยายามฝึกภาษาเพิ่มเติม วันสัมภาษณ์ผมพยายามดึงให้คนสัมภาษณ์ถามผมในคําตอบที่ผมเตรียมมา โชคเข้าข้างผมได้ทํางานที่นี้ด้วยตําแหน่ง Account Executive ด้วยเงินเดือน 32,000 บาท +incentive + car allowance +car loan นู่นนี่นั่นเยอะไปหมด งานคล้ายๆกันแต่รับผิดชอบมากกว่าที่เดิมเยอะ แรกๆก็งงๆเหมือนกัน แต่ก็พยายามมาเรื่อยๆ อาจติดขัดบ้างด้วยปัญหาด้านภาษาเป็นส่วนใหญ่ ก็เรียนรู้มาเรื่อยๆผมอยู่บริษัทนี้มาเกือบสองปีก็มีโอกาสได้งานที่บริษัทใหม่ ไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังใหม่น่ะครับอาจเขียนเล่าไม่ค่อยเก่งนักครับ แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์และเป็นกําลังใจให้เด็กต่างจังหวัดที่ไม่ได้จบมหาวิทยาลัยชื่อดังและไม่มีโอกาสมากนักครับ อ้อปัจจุบันผมอายุ29ปี เงินเดือนบวกนู่นี่นั่น ก็เป็นแสนอยู่ อาจไม่ได้มากมายนักแต่ผมก็ภูมิใจที่ทําให้ชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีขึ้นได้แบ่งปันให้ครอบครัวมากขึ้นครับ
ไว้จะมาเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมให้นะครับ ว่าทำอย่างไรให้ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น 5 เท่า ใน 3 ปี

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่