ก่อนอื่นขอบอกก่อนน่ะค่ะว่า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราเลย (ถ้าไม่มีใครติดตามก็ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าเราได้ตั้งขึ้นมาเพื่อระบายความรู้สึก แล้วก็อยากรู้ว่าผู้ชายดีๆ มันมีแต่ในนิยายรึเปล่า?) ปกติก็ได้แต่อ่านประสบการณ์ของคนอื่นๆ ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสมาแชร์ประสบการณ์ตรงที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ ถ้ามีอะไรตรงไหนผิดพลาดก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ขอท้าวความเรื่องก่อนน่ะค่ะ คือเมื่อก่อนเค้ามีแฟนค่ะ คบกันมาได้ 5 ปี ซึ่งแฟนเก่าเค้าและเราก็เป็นเพื่อนกันค่ะ ง่ายๆ คือ เราทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนกันมาก่อนตั้งแต่ม.ปลาย เค้านั่งเรียนหลังเราค่ะ คือเรากับเค้าก็มีคุยกันติดต่อกันบ้าง ถามเรื่องนุ่นนี่บ้างนานๆ ครั้ง คุยเล่นปกติค่ะ เพราะค่อนข้างคุยสนิท (แต่เราไม่ได้เป็นมือที่ 3 น่ะค่ะ) มีอยู่วันนึงค่ะเค้าก็ทักเรามา เค้าบอกว่าเค้าเลิกกับแฟนเค้าแล้วค่ะ คือเราก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นปกติของเค้า เดี๋ยวสักพักก็กลับมาคืนดีกัน แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็ยังไปแซวๆ อยู่เหมือนกันค่ะ แต่พอมาอีกครั้งนึงเค้าก็ทักเรามา แล้วก็บอกขึ้นมาว่า “ถ้าโสดแล้วบอกด้วยน่ะ จะมาจีบ” เราก็คิดว่าพูดเล่นค่ะ อีกอย่างเป็นเพื่อนกันมานาน เรียนด้วยกัน เล่นด้วยกัน แล้วด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมาก่อนเราก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วค่ะ เราก็เลยแซวไปว่า “เดี๋ยวเราไปฟ้อง.....น่ะ” เค้าก็บอกว่า “อืม ตามใจ เราเลิกกันแล้วจริงๆ” หลังจากที่เราทั้งคู่ต่างก็เรียนจบมหาลัยได้ไม่นาน เราได้มีนัดเลี้ยงเพื่อนเก่าค่ะ ซึ่งปกติเค้าจะเป็นคนไม่ค่อยไปอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เราก็ชวนปกติ เรา 2 คนได้มาเจอกันอีกครั้งและนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการพบกันและคบกันค่ะ
การที่เรา 2 คน ได้มาพบกันอีกครั้ง ทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น ไปไหนด้วยกันกับเพื่อนๆ มากขึ้น มีอยู่วันนึงค่ะ เราได้ไปสังสรรกับเพื่อนๆ เค้านั่งข้างๆ เราค่ะ ซึ่งเราเองก็มีกินบ้างนิดหน่อยค่ะ เราก็เลยรู้สึกมึนๆ อึนๆ นิดหน่อย แล้วอยู่ๆ เค้าแอบมาจับมือเราค่ะ คือเหมือนว่าเค้าต้องการกำลังใจค่ะ เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนที่ชอบจับมือเพื่อเรียกกำลังใจประมาณนี้ค่ะ เค้าเป็นคนค่อนข้างมั่นใจในตัวเองค่ะ แต่ถ้าเสียกำลังใจแล้วจะทำอะไรไม่ค่อยได้ดี คือเราก็ไม่ว่าอะไรเห็นเพื่อนกำลังเศร้าๆ ขาดกำลังใจ จากเรื่องวันนี้เราก็รู้สึกว่าเค้าทำตัวแปลกๆ ค่ะ เหมือนจะมาชอบเราจริงๆ หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อนๆ ก็นัดกันไปเที่ยว ร้องเกะ โยนโบที่ศูนย์การค้าค่ะ แต่พอดีเราติดธุระนิดหน่อยเลยทำให้เราไปสาย คือเราก็โทรถามเพื่อนที่ไปหมดทุกคนเลยค่ะว่าอยู่ที่ไหน สรุปคือ เค้านัดกันจะไปบ้านเพื่อนอีกคนนึงและกำลังจะออกจากศูนย์การค้าแล้ว พอดีว่าบ้านเพื่อนก็อยู่ไกลด้วย มันคนละทางกับบ้านเราและเราก็ไม่อยากกลับค่ำ แต่ด้วยว่าเราไปถึงศูนย์การค้าแล้ว เราก็เลยกะว่าจะดูหนังก่อน เราบอกเพื่อนๆ ว่างั้นไปเถอะ แต่เค้าค่ะ บอกเราว่าเดี๋ยวเค้าจะมาดูหนังเป็นเพื่อน เรา 2 คนแอบมาดูหนังด้วยกันค่ะ เพราะไม่ค่อยอยากให้เพื่อนๆ รู้ ซึ่งตอนแรกเราก็แอบหวั่นๆ นิดนึงเพราะแฟนเก่าเค้าก็เป็นเพื่อนเรามาก่อนด้วย (ทุกคนคงจะรู้และเข้าใจใช่มั้ยค่ะว่ามันทำใจยากที่จะบอกให้เพื่อนรู้ เผลอๆ จะมาคิดว่าเราเป็นมือที่ 3 อีก) แต่เค้าบอกว่า “ใครจะคิดอะไรก็ช่าง ปล่อยเขาไป อย่าไปแคร์คนนอกมาก เราไม่สามารถแคร์ทุกคนบนโลกนี้ได้หรอก” และนี่ก็เป็นวันแรกที่เราได้ดูหนังด้วยกัน (ดูเหมือนการเริ่มต้นจะดีใช่มั้ยค่ะ ต้องติดตามต่อไปค่ะ) แต่เพื่อนๆ ที่รู้จักเราและเค้าทุกคนก็ยังคิดว่าเค้ายังคบกับแฟนเก่าอยู่น่ะค่ะ แต่เค้าบอกว่า เค้าเคยบอกไปแล้วว่าเลิกกันจริงๆ แต่ไม่มีใครเชื่อ เค้าก็เลยไม่ค่อยอยากพูดอะไรแล้วค่ะ ใครจะคิดอะไรก็ช่าง เค้ายังบอกอีกว่าจริงๆ แล้วเค้าหมดรักไปตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้ก็คบกันแบบเพื่อน ผญ เค้ามาขอคืนดีแต่เค้าไม่คิดอะไรแล้ว แต่เราคิดว่าพวกเค้าอาจจะมีความผูกพันมากกว่าค่ะก็อาจจะยังตัดไม่ขาด
เราเคยถามเค้าด้วยค่ะว่า “ทำไมถึงชอบเรา?” เค้าบอกว่า เค้าชอบเรามาตั้งนานแล้วตั้งแต่ม.ปลาย (ซึ่งตอนนั้นเค้าก็มีแฟนอยู่แล้วน่ะค่ะ ก็คือเพื่อนเราค่ะ) เค้าบอกว่าชอบตรงที่เราสามารถทำอะไรด้วยตัวเราเอง ช่วยเหลือตัวเองได้ คือเราจะเป็นประเภทแมนๆ หน่อยอ่ะค่ะ แต่ต่างจากแฟนเก่าเค้าค่ะ ที่ทำอะไรเองไม่ค่อยเป็น ชอบให้ไปรับไปส่ง บางครั้งเค้าไม่ว่างจริงๆ แต่ก็ชอบตื้อๆ เค้าไม่ค่อยชอบค่ะ บางครั้งก็ทะเลาะเรื่องเดิมๆ เค้าเบื่อ แล้วเค้าก็ยังบอกอีกค่ะว่า จริงๆ แล้ว ถ้าขึ้นปี 1 เค้าจะมาจีบค่ะ คือตอนม.ต้น ม.ปลาย เราไม่เคยมีแฟนมาก่อนค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาจีบน่ะค่ะ แต่เพราะเราคิดว่ารักใสๆ ในวัยเรียน เดี๋ยวพอเข้ามหาลัยต่างคนก็แยกย้ายกันไป เห็นประสบการณ์จากหลายคู่ค่ะ เราก็เลยยังไม่อยากมีก่อน แต่ก็มีบางคู่ที่คบกันได้นานจนถึงแต่งงานก็มี (ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ) เราก็เลยมุ่งเรียนอย่างเดียวไปก่อนค่ะ แต่พอดีเราดันไปมีแฟนซะก่อนตอนปี 1 เค้าก็เลยแอบแขวะมานิดนึงค่ะ เค้ารู้ทุกความเคลื่อนไหวเราหมดค่ะ เรามีแฟนเป็นใคร อะไร ยังไง ปีไหน (ดูเหมือนเค้าจะสนใจเป็นพิเศษใช่มั้ยค่ะ?) นอกจากนี้การที่เราได้มาเจอกันอีกครั้งวันนัดเลี้ยงเพื่อนเก่าค่ะ วันนั้นเค้านั่งตรงข้ามเราค่ะ เค้าบอกว่าเหมือนตกหลุมรักค่ะ (อาจจะดูเว่อๆ ไปนิดนึง) ซึ่งเราคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนม.ปลาย เราไม่ค่อยดูแลตัวเองเหมือนผู้หญิงทั่วไปค่ะ เราชอบเล่นกีฬา ชอบเล่นกลางแจ้ง ไม่ค่อยชอบอยู่นิ่งๆ หรือนั่งใต้อาคาร เล่นแบต ปิงปอง บาส วอลเล่ ตะกร้อ มีอะไรให้มันเล่นได้หมดค่ะ อาจจะดูห้าวๆ ไปนิดค่ะ คือง่ายๆ ว่าเห็นเรามาตั้งแต่ติ่งหู ตัวคล้ำ หน้ามัน แต่มาตอนนี้เราเปลี่ยนไปค่ะ พอขึ้นมหาลัยก็ดูแลตัวเองมากขึ้น อยู่เหมือนผู้หญิงมากขึ้น แต่งตัวแต่งหน้าปกติตามประสาผู้หญิงค่ะ
หลังจากนั้นเรามีโอกาสได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นค่ะ เราตัดสินใจลองคุยลองคบกับเค้าดูค่ะ ซึ่งทางบ้านเค้าและบ้านเราก็รู้น่ะค่ะ เราไปไหนด้วยกันทุกวัน ดูหนัง กินข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน เค้าก็ยังมี line และคุยกับแม่เราด้วยค่ะ ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่เราได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายและมีความสุขมากค่ะ เรา 2 คนรับรู้ถึงความรู้สึกที่มีให้ต่อกันและกัน แต่ทว่าเรา 2 คนมารู้จักกันช้าไปค่ะ เพราะเรามีแพลนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เรามีเวลาอยู่กับเค้าแค่ 1 อาทิตย์นี้จริงๆ เค้าเลยตัดสินใจขอเราเป็นแฟนค่ะ ซึ่งเราก็คิดว่ามันเร็วไปมั้ยน่ะ แต่เราก็ตกลงเป็นแฟนกับเค้าค่ะ เค้าถามว่า “คิดดีแล้วใช่มั้ย?” เราก็ตอบ “อืม” เค้าบอกว่ากลัวเรามาที่นี่แล้วจะมีคนอื่นหรือคุยกับคนอื่น คล้ายๆ ว่า มีคำว่าแฟนค้ำคอไว้ค่ะ (ยิ่งห่างกันก็ยิ่งคิดถึงมากจริงมั้ยค่ะ? ใจนึงก็ไม่อยากมาเลยค่ะ แต่ทุกคนก็ต้องมีความฝันของตัวเอง) เมื่อเราอยู่ต่างประเทศ เวลาเราก็ไม่ตรงกันค่ะ เราต้องหาเวลานัดคุยกันค่ะ เค้าตื่นมา 5-6 โมงเช้าทุกวัน เพื่อมาคุยกับเราค่ะ เพราะเราเลิกเรียนพอดี เราคุยกันเกือบตลอด 24 ชม. ค่ะ ช่วงเวลาที่เราไม่ได้คุยก็เฉพาะเวลาเราเรียนค่ะ ก็ตรงกับกลางคืนเค้าพอดี เวลาตื่นเค้าก็จะโทรมาปลุกทุกวันค่ะ (ดูแล้วเค้าน่ารัก ทุ่มเทให้มากเลย) เมื่อถึงวันเกิดเราค่ะ เค้าทำเซอไพรส์เราค่ะ ไปสั่งเค้กแล้วทำเป็นตัวตุ๊กตา 2 คน เลียนแบบรูปถ่ายค่ะ ชุดของตุ๊กตาเหมือนเรา 2 คนมาก เราคุยวีดีโอคอลกัน แล้วให้เราเป่าเค้ก (นึกแล้วยังขำ) เรามีความสุขมากค่ะ ส่วนวันเกิดเค้าค่ะยังไม่ถึงอีกนาน เราเลยจะเซอไพรส์ค่ะ ก่อนหน้านี้ที่เราจะมาต่างประเทศเราได้ไปซื้อของขวัญให้เค้าค่ะ แล้วฝากไว้ที่พี่ที่เรารู้จักค่ะ กะว่าจะให้พี่เค้าส่งไปให้ตามที่อยู่บ้าน แต่บังเอิญเค้ามีแพลนจะต่อโทค่ะ เราก็คิดหนักค่ะว่าจะทำยังไงดี แต่แล้วก็ตัดสินใจจะให้ก่อนถึงวันเกิดเค้าค่ะ เราให้เค้าไปเอาของขวัญที่เราฝากไว้ ซึ่งตอนแรกเค้าก็คิดว่าเราจะส่งของให้ใคร เพราะพี่ที่ฝากก็ไม่ได้บอกอะไรค่ะ แค่บอกว่ามาถามเราเองแล้วกัน เราคุยกับเค้าตลอดที่เค้าเดินทางเลยค่ะ เค้าขับรถอยู่ เราก็บอกว่า “เราไม่ได้จะส่งให้ใคร เราให้เธอน่ะ สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้า เราไม่รู้จะให้เธอตอนไหน แต่เราว่าวันนี้แหละเป็นโอกาสดี” เค้าถึงกับน้ำตาซึมเลยค่ะ เมื่อถึงช่วงรับปริญญาเรารู้ค่ะว่าเค้าต้องไปงานรับปริญญาเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนี้เค้าเป็นเพื่อนกันมานานมากแล้ว เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมหรืออย่างไรนี่แหละค่ะ พวกเขาเคยสัญญากันว่าถ้าจบแล้วจะมาถ่ายรูปรับปริญญาด้วยกันค่ะ เราก็ไม่ว่าอะไรค่ะ เขาบอกเพื่อนกันเราไม่ห้ามอะไรอยู่แล้วค่ะ ไม่ได้เป็นคนใจแคบ (อ่อ ลืมบอกไปค่ะ เพื่อนผู้หญิงคนนี้เหมือนจะมีอะไรซัมติงเล็กๆ ค่ะ คือเค้าก็เคยบอกน่ะค่ะว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนจะชอบเค้าค่ะ แต่เค้าบอกว่าเค้ารับรักไม่ได้ เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก มีอะไรคุยกันทุกเรื่อง ปรึกษากันทุกเรื่องค่ะ) แล้วช่วงที่เค้าคบกับเรา เค้าก็เหมือนจะตัดไปเลยน่ะค่ะ ผู้หญิงคนนี้ทักมานู่นนี่ เค้าก็บอกเราน่ะค่ะ แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับค่ะ หรือไม่แฟนเก่าทักมา “คิดถึงน่ะ” เค้าก็ไม่ได้ตอบค่ะ เค้าแคปหน้าจอมาให้ดู (แต่หลังไมค์คงไม่แน่จริงมั้ยค่ะ? แต่ด้วยความเชื่อใจค่ะ เพราะเราก็คุยกันแทบ 24 ชม. จะเอาเวลาไหนไปคุย) เราก็ใจดีค่ะปล่อยให้เค้าไปงานรับปริญญาเพื่อนผู้หญิงคนนี้ค่ะ คือเค้าก็บอกว่าถ้าเราไม่อยากให้ไปเค้าก็จะไม่ไปน่ะ แต่มันติดที่ว่าเค้าสัญญาไว้แล้ว เค้าค่อนข้างเป็นคนทำตามสัญญาค่ะ เราก็ไม่ว่าอะไรค่ะ ไปก็ไปเถอะ แม่เค้าก็ยังถามเลยน่ะค่ะว่าเรารู้รึเปล่า ถามเราแล้วยัง เค้าก็บอกว่าถามเรียบร้อยแล้ว แม่เค้าก็ยังบอกอีกด้วยค่ะว่าให้ไปเคลียร์เรื่องผู้หญิงคนนี้ด้วย หลังจากงานรับปริญญานั้นไม่นานค่ะ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
****เดี๋ยวมาต่อค่ะ****
อาจจะยาวไปนิดนึงน่ะค่ะ ถ้าไม่มีใครติดตามก็ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าได้เล่าประสบการณ์ ได้ระบายความรู้สึก
อย่าเสียดายผู้ชายเลวๆ ที่ทำตัวแสนดี ผู้หญิงหลายคนอาจยังคงตาบอด ขอแชร์ประสบการณ์โดยตรง มีใครเคยเจอแบบนี้บ้างค่ะ?
ขอท้าวความเรื่องก่อนน่ะค่ะ คือเมื่อก่อนเค้ามีแฟนค่ะ คบกันมาได้ 5 ปี ซึ่งแฟนเก่าเค้าและเราก็เป็นเพื่อนกันค่ะ ง่ายๆ คือ เราทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนกันมาก่อนตั้งแต่ม.ปลาย เค้านั่งเรียนหลังเราค่ะ คือเรากับเค้าก็มีคุยกันติดต่อกันบ้าง ถามเรื่องนุ่นนี่บ้างนานๆ ครั้ง คุยเล่นปกติค่ะ เพราะค่อนข้างคุยสนิท (แต่เราไม่ได้เป็นมือที่ 3 น่ะค่ะ) มีอยู่วันนึงค่ะเค้าก็ทักเรามา เค้าบอกว่าเค้าเลิกกับแฟนเค้าแล้วค่ะ คือเราก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นปกติของเค้า เดี๋ยวสักพักก็กลับมาคืนดีกัน แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็ยังไปแซวๆ อยู่เหมือนกันค่ะ แต่พอมาอีกครั้งนึงเค้าก็ทักเรามา แล้วก็บอกขึ้นมาว่า “ถ้าโสดแล้วบอกด้วยน่ะ จะมาจีบ” เราก็คิดว่าพูดเล่นค่ะ อีกอย่างเป็นเพื่อนกันมานาน เรียนด้วยกัน เล่นด้วยกัน แล้วด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมาก่อนเราก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วค่ะ เราก็เลยแซวไปว่า “เดี๋ยวเราไปฟ้อง.....น่ะ” เค้าก็บอกว่า “อืม ตามใจ เราเลิกกันแล้วจริงๆ” หลังจากที่เราทั้งคู่ต่างก็เรียนจบมหาลัยได้ไม่นาน เราได้มีนัดเลี้ยงเพื่อนเก่าค่ะ ซึ่งปกติเค้าจะเป็นคนไม่ค่อยไปอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เราก็ชวนปกติ เรา 2 คนได้มาเจอกันอีกครั้งและนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการพบกันและคบกันค่ะ
การที่เรา 2 คน ได้มาพบกันอีกครั้ง ทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น ไปไหนด้วยกันกับเพื่อนๆ มากขึ้น มีอยู่วันนึงค่ะ เราได้ไปสังสรรกับเพื่อนๆ เค้านั่งข้างๆ เราค่ะ ซึ่งเราเองก็มีกินบ้างนิดหน่อยค่ะ เราก็เลยรู้สึกมึนๆ อึนๆ นิดหน่อย แล้วอยู่ๆ เค้าแอบมาจับมือเราค่ะ คือเหมือนว่าเค้าต้องการกำลังใจค่ะ เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนที่ชอบจับมือเพื่อเรียกกำลังใจประมาณนี้ค่ะ เค้าเป็นคนค่อนข้างมั่นใจในตัวเองค่ะ แต่ถ้าเสียกำลังใจแล้วจะทำอะไรไม่ค่อยได้ดี คือเราก็ไม่ว่าอะไรเห็นเพื่อนกำลังเศร้าๆ ขาดกำลังใจ จากเรื่องวันนี้เราก็รู้สึกว่าเค้าทำตัวแปลกๆ ค่ะ เหมือนจะมาชอบเราจริงๆ หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อนๆ ก็นัดกันไปเที่ยว ร้องเกะ โยนโบที่ศูนย์การค้าค่ะ แต่พอดีเราติดธุระนิดหน่อยเลยทำให้เราไปสาย คือเราก็โทรถามเพื่อนที่ไปหมดทุกคนเลยค่ะว่าอยู่ที่ไหน สรุปคือ เค้านัดกันจะไปบ้านเพื่อนอีกคนนึงและกำลังจะออกจากศูนย์การค้าแล้ว พอดีว่าบ้านเพื่อนก็อยู่ไกลด้วย มันคนละทางกับบ้านเราและเราก็ไม่อยากกลับค่ำ แต่ด้วยว่าเราไปถึงศูนย์การค้าแล้ว เราก็เลยกะว่าจะดูหนังก่อน เราบอกเพื่อนๆ ว่างั้นไปเถอะ แต่เค้าค่ะ บอกเราว่าเดี๋ยวเค้าจะมาดูหนังเป็นเพื่อน เรา 2 คนแอบมาดูหนังด้วยกันค่ะ เพราะไม่ค่อยอยากให้เพื่อนๆ รู้ ซึ่งตอนแรกเราก็แอบหวั่นๆ นิดนึงเพราะแฟนเก่าเค้าก็เป็นเพื่อนเรามาก่อนด้วย (ทุกคนคงจะรู้และเข้าใจใช่มั้ยค่ะว่ามันทำใจยากที่จะบอกให้เพื่อนรู้ เผลอๆ จะมาคิดว่าเราเป็นมือที่ 3 อีก) แต่เค้าบอกว่า “ใครจะคิดอะไรก็ช่าง ปล่อยเขาไป อย่าไปแคร์คนนอกมาก เราไม่สามารถแคร์ทุกคนบนโลกนี้ได้หรอก” และนี่ก็เป็นวันแรกที่เราได้ดูหนังด้วยกัน (ดูเหมือนการเริ่มต้นจะดีใช่มั้ยค่ะ ต้องติดตามต่อไปค่ะ) แต่เพื่อนๆ ที่รู้จักเราและเค้าทุกคนก็ยังคิดว่าเค้ายังคบกับแฟนเก่าอยู่น่ะค่ะ แต่เค้าบอกว่า เค้าเคยบอกไปแล้วว่าเลิกกันจริงๆ แต่ไม่มีใครเชื่อ เค้าก็เลยไม่ค่อยอยากพูดอะไรแล้วค่ะ ใครจะคิดอะไรก็ช่าง เค้ายังบอกอีกว่าจริงๆ แล้วเค้าหมดรักไปตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้ก็คบกันแบบเพื่อน ผญ เค้ามาขอคืนดีแต่เค้าไม่คิดอะไรแล้ว แต่เราคิดว่าพวกเค้าอาจจะมีความผูกพันมากกว่าค่ะก็อาจจะยังตัดไม่ขาด
เราเคยถามเค้าด้วยค่ะว่า “ทำไมถึงชอบเรา?” เค้าบอกว่า เค้าชอบเรามาตั้งนานแล้วตั้งแต่ม.ปลาย (ซึ่งตอนนั้นเค้าก็มีแฟนอยู่แล้วน่ะค่ะ ก็คือเพื่อนเราค่ะ) เค้าบอกว่าชอบตรงที่เราสามารถทำอะไรด้วยตัวเราเอง ช่วยเหลือตัวเองได้ คือเราจะเป็นประเภทแมนๆ หน่อยอ่ะค่ะ แต่ต่างจากแฟนเก่าเค้าค่ะ ที่ทำอะไรเองไม่ค่อยเป็น ชอบให้ไปรับไปส่ง บางครั้งเค้าไม่ว่างจริงๆ แต่ก็ชอบตื้อๆ เค้าไม่ค่อยชอบค่ะ บางครั้งก็ทะเลาะเรื่องเดิมๆ เค้าเบื่อ แล้วเค้าก็ยังบอกอีกค่ะว่า จริงๆ แล้ว ถ้าขึ้นปี 1 เค้าจะมาจีบค่ะ คือตอนม.ต้น ม.ปลาย เราไม่เคยมีแฟนมาก่อนค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาจีบน่ะค่ะ แต่เพราะเราคิดว่ารักใสๆ ในวัยเรียน เดี๋ยวพอเข้ามหาลัยต่างคนก็แยกย้ายกันไป เห็นประสบการณ์จากหลายคู่ค่ะ เราก็เลยยังไม่อยากมีก่อน แต่ก็มีบางคู่ที่คบกันได้นานจนถึงแต่งงานก็มี (ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ) เราก็เลยมุ่งเรียนอย่างเดียวไปก่อนค่ะ แต่พอดีเราดันไปมีแฟนซะก่อนตอนปี 1 เค้าก็เลยแอบแขวะมานิดนึงค่ะ เค้ารู้ทุกความเคลื่อนไหวเราหมดค่ะ เรามีแฟนเป็นใคร อะไร ยังไง ปีไหน (ดูเหมือนเค้าจะสนใจเป็นพิเศษใช่มั้ยค่ะ?) นอกจากนี้การที่เราได้มาเจอกันอีกครั้งวันนัดเลี้ยงเพื่อนเก่าค่ะ วันนั้นเค้านั่งตรงข้ามเราค่ะ เค้าบอกว่าเหมือนตกหลุมรักค่ะ (อาจจะดูเว่อๆ ไปนิดนึง) ซึ่งเราคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนม.ปลาย เราไม่ค่อยดูแลตัวเองเหมือนผู้หญิงทั่วไปค่ะ เราชอบเล่นกีฬา ชอบเล่นกลางแจ้ง ไม่ค่อยชอบอยู่นิ่งๆ หรือนั่งใต้อาคาร เล่นแบต ปิงปอง บาส วอลเล่ ตะกร้อ มีอะไรให้มันเล่นได้หมดค่ะ อาจจะดูห้าวๆ ไปนิดค่ะ คือง่ายๆ ว่าเห็นเรามาตั้งแต่ติ่งหู ตัวคล้ำ หน้ามัน แต่มาตอนนี้เราเปลี่ยนไปค่ะ พอขึ้นมหาลัยก็ดูแลตัวเองมากขึ้น อยู่เหมือนผู้หญิงมากขึ้น แต่งตัวแต่งหน้าปกติตามประสาผู้หญิงค่ะ
หลังจากนั้นเรามีโอกาสได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นค่ะ เราตัดสินใจลองคุยลองคบกับเค้าดูค่ะ ซึ่งทางบ้านเค้าและบ้านเราก็รู้น่ะค่ะ เราไปไหนด้วยกันทุกวัน ดูหนัง กินข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน เค้าก็ยังมี line และคุยกับแม่เราด้วยค่ะ ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่เราได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายและมีความสุขมากค่ะ เรา 2 คนรับรู้ถึงความรู้สึกที่มีให้ต่อกันและกัน แต่ทว่าเรา 2 คนมารู้จักกันช้าไปค่ะ เพราะเรามีแพลนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เรามีเวลาอยู่กับเค้าแค่ 1 อาทิตย์นี้จริงๆ เค้าเลยตัดสินใจขอเราเป็นแฟนค่ะ ซึ่งเราก็คิดว่ามันเร็วไปมั้ยน่ะ แต่เราก็ตกลงเป็นแฟนกับเค้าค่ะ เค้าถามว่า “คิดดีแล้วใช่มั้ย?” เราก็ตอบ “อืม” เค้าบอกว่ากลัวเรามาที่นี่แล้วจะมีคนอื่นหรือคุยกับคนอื่น คล้ายๆ ว่า มีคำว่าแฟนค้ำคอไว้ค่ะ (ยิ่งห่างกันก็ยิ่งคิดถึงมากจริงมั้ยค่ะ? ใจนึงก็ไม่อยากมาเลยค่ะ แต่ทุกคนก็ต้องมีความฝันของตัวเอง) เมื่อเราอยู่ต่างประเทศ เวลาเราก็ไม่ตรงกันค่ะ เราต้องหาเวลานัดคุยกันค่ะ เค้าตื่นมา 5-6 โมงเช้าทุกวัน เพื่อมาคุยกับเราค่ะ เพราะเราเลิกเรียนพอดี เราคุยกันเกือบตลอด 24 ชม. ค่ะ ช่วงเวลาที่เราไม่ได้คุยก็เฉพาะเวลาเราเรียนค่ะ ก็ตรงกับกลางคืนเค้าพอดี เวลาตื่นเค้าก็จะโทรมาปลุกทุกวันค่ะ (ดูแล้วเค้าน่ารัก ทุ่มเทให้มากเลย) เมื่อถึงวันเกิดเราค่ะ เค้าทำเซอไพรส์เราค่ะ ไปสั่งเค้กแล้วทำเป็นตัวตุ๊กตา 2 คน เลียนแบบรูปถ่ายค่ะ ชุดของตุ๊กตาเหมือนเรา 2 คนมาก เราคุยวีดีโอคอลกัน แล้วให้เราเป่าเค้ก (นึกแล้วยังขำ) เรามีความสุขมากค่ะ ส่วนวันเกิดเค้าค่ะยังไม่ถึงอีกนาน เราเลยจะเซอไพรส์ค่ะ ก่อนหน้านี้ที่เราจะมาต่างประเทศเราได้ไปซื้อของขวัญให้เค้าค่ะ แล้วฝากไว้ที่พี่ที่เรารู้จักค่ะ กะว่าจะให้พี่เค้าส่งไปให้ตามที่อยู่บ้าน แต่บังเอิญเค้ามีแพลนจะต่อโทค่ะ เราก็คิดหนักค่ะว่าจะทำยังไงดี แต่แล้วก็ตัดสินใจจะให้ก่อนถึงวันเกิดเค้าค่ะ เราให้เค้าไปเอาของขวัญที่เราฝากไว้ ซึ่งตอนแรกเค้าก็คิดว่าเราจะส่งของให้ใคร เพราะพี่ที่ฝากก็ไม่ได้บอกอะไรค่ะ แค่บอกว่ามาถามเราเองแล้วกัน เราคุยกับเค้าตลอดที่เค้าเดินทางเลยค่ะ เค้าขับรถอยู่ เราก็บอกว่า “เราไม่ได้จะส่งให้ใคร เราให้เธอน่ะ สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้า เราไม่รู้จะให้เธอตอนไหน แต่เราว่าวันนี้แหละเป็นโอกาสดี” เค้าถึงกับน้ำตาซึมเลยค่ะ เมื่อถึงช่วงรับปริญญาเรารู้ค่ะว่าเค้าต้องไปงานรับปริญญาเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนี้เค้าเป็นเพื่อนกันมานานมากแล้ว เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมหรืออย่างไรนี่แหละค่ะ พวกเขาเคยสัญญากันว่าถ้าจบแล้วจะมาถ่ายรูปรับปริญญาด้วยกันค่ะ เราก็ไม่ว่าอะไรค่ะ เขาบอกเพื่อนกันเราไม่ห้ามอะไรอยู่แล้วค่ะ ไม่ได้เป็นคนใจแคบ (อ่อ ลืมบอกไปค่ะ เพื่อนผู้หญิงคนนี้เหมือนจะมีอะไรซัมติงเล็กๆ ค่ะ คือเค้าก็เคยบอกน่ะค่ะว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนจะชอบเค้าค่ะ แต่เค้าบอกว่าเค้ารับรักไม่ได้ เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก มีอะไรคุยกันทุกเรื่อง ปรึกษากันทุกเรื่องค่ะ) แล้วช่วงที่เค้าคบกับเรา เค้าก็เหมือนจะตัดไปเลยน่ะค่ะ ผู้หญิงคนนี้ทักมานู่นนี่ เค้าก็บอกเราน่ะค่ะ แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับค่ะ หรือไม่แฟนเก่าทักมา “คิดถึงน่ะ” เค้าก็ไม่ได้ตอบค่ะ เค้าแคปหน้าจอมาให้ดู (แต่หลังไมค์คงไม่แน่จริงมั้ยค่ะ? แต่ด้วยความเชื่อใจค่ะ เพราะเราก็คุยกันแทบ 24 ชม. จะเอาเวลาไหนไปคุย) เราก็ใจดีค่ะปล่อยให้เค้าไปงานรับปริญญาเพื่อนผู้หญิงคนนี้ค่ะ คือเค้าก็บอกว่าถ้าเราไม่อยากให้ไปเค้าก็จะไม่ไปน่ะ แต่มันติดที่ว่าเค้าสัญญาไว้แล้ว เค้าค่อนข้างเป็นคนทำตามสัญญาค่ะ เราก็ไม่ว่าอะไรค่ะ ไปก็ไปเถอะ แม่เค้าก็ยังถามเลยน่ะค่ะว่าเรารู้รึเปล่า ถามเราแล้วยัง เค้าก็บอกว่าถามเรียบร้อยแล้ว แม่เค้าก็ยังบอกอีกด้วยค่ะว่าให้ไปเคลียร์เรื่องผู้หญิงคนนี้ด้วย หลังจากงานรับปริญญานั้นไม่นานค่ะ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
****เดี๋ยวมาต่อค่ะ****
อาจจะยาวไปนิดนึงน่ะค่ะ ถ้าไม่มีใครติดตามก็ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าได้เล่าประสบการณ์ ได้ระบายความรู้สึก