สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน : ภาพแค่ภาพเดียว
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21:01:14 น.
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
มีปรากฏการณ์ที่น่าจะช่วยเตือนสติของผู้คนที่ยุคโซเชียลมีเดียครองโลกได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าความทันสมัยฉับไวของยุคออนไลน์ ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ข้อดีมีมหาศาล เพียงแต่เราต้องยอมรับว่าทุกอย่างย่อมมี 2 ด้าน
ปรากฏการณ์เตือนใจเรื่องแรก ไม่พ้นกรณี
"น้องม็อบ" ที่ผู้คนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง อันเนื่องจากภาพสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังลวกก๋วยเตี๋ยวที่กระหึ่มในโซเชียล
เพียงภาพนี้ภาพเดียวแท้ๆ แชร์กันว่อน
ใครๆ ก็อยากรู้จักสาวน้อยน่ารักคนนี้
จนกระทั่งต่อมา เธอเปิดตัวให้สัมภาษณ์ต่อรายการทีวีปากโป้งและผ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสด
จึงได้รู้กันว่าเธอคนนี้มีชื่อจริงว่า
"นายฐิติวรดา เจ็กท้าว"
จากการเปิดใจอย่างซื่อๆ ตรงๆ ของน้องม็อบหรือฐิติวรดา ทำให้สังคมได้รับรู้ว่า
ประการแรกเธอไม่ใช่หญิงแท้ ประการต่อมาเธอไม่ใช่แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว วันนั้นแค่ไปกินที่ร้านเพื่อนแล้วอยากลองลวกเส้นเอง
น้องม็อบบอกว่า เธอเองก็ไม่นึกว่าจู่ๆ จะโด่งดังขึ้นมา ส่วนหนึ่งคงเพราะข่าวสดออนไลน์นำภาพเธอไปเผยแพร่
ในฐานะที่ข่าวสดเป็นเว็บไซต์ข่าวอันดับ 1 ของประเทศในวันนี้ จึงทำให้ภาพของเธอเป็นที่ฮือฮาในเวลาชั่วข้ามคืน
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด จึงอยากจะบอกความจริงเกี่ยวกับเธอทั้ง 2 ประการ
แต่ผลที่ตามมาก็มิได้ทำให้กระแสของน้องม็อบตกลงไปแต่อย่างใด กลับยิ่งเป็นที่กล่าวขวัญอย่างกว้างขวางในด้านการกล้าพูดความจริง
วันนี้ชีวิตของน้องม็อบสาวแปลงเพศ ยิ่งเป็นที่สนใจของสังคม และสิ่งที่ตามมาก็คือสื่อทั้งหลายไปจนถึงสินค้าด้านความสวยความงามที่ต้องการให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา
สำหรับชีวิตของสาวนะยะคนหนึ่ง เธอกำลังจะไปได้ดีเพราะอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย
แต่สำหรับคนที่เคยหลงใหลในสาวน้อยแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวที่สวยที่สุด คงนึกขำตัวเองไม่น้อยว่า นี่เราหลงเชื่อกับภาพแค่ภาพเดียวเท่านั้นหรือ
ปรากฏการณ์ต่อมา ในช่วงไล่เลี่ยกัน มีภาพหนุ่มวินมอเตอร์ไซค์ที่หล่อที่สุด แชร์กันว่อนเน็ต
เป็นหนุ่มหล่อในชุดเสื้อกั๊กมอเตอร์ไซค์รับจ้าง บอกว่าเป็นวินอยู่หน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง สาวๆ กรี๊ดเพียบ
สุดท้ายเจ้าตัวรีบโพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด แค่ไปถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน
นี่ก็คงเป็นอีกกรณีที่หลายคนต้องขำตัวเอง กับการเชื่อในภาพที่เห็นเพียงแค่ภาพเดียว
ถ้าเรานำเรื่องราวเหล่านี้มาทบทวน ย้อนไปถึงอีกหลายๆ เหตุการณ์
รวมไปถึงเรื่องใหญ่อย่างการทำลายประชาธิปไตยทั้งระบบ การทำให้อำนาจการเมืองในมือประชาชนถูกริบไปจนหมดสิ้นในวันนี้
มันเป็นเพราะความเชื่อในกระแสโซเชียลมีเดีย อย่างไม่ยอมตั้งคำถาม ไม่ยอมตั้งข้อสงสัย ใช่หรือไม่
ไม่ต่างจากคดีฆ่าฝรั่งเกาะเต่า ที่มีกระแสในโซเชียลมีเดียลุกลามไม่สิ้นสุด
ล่าสุด
นายวรท ตู้วิเชียร ซึ่งตกเป็นผู้เสียหายทางสังคมออนไลน์ได้ออกมาแถลงเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ยอมให้เจาะดีเอ็นเอไปตรวจกันต่อหน้าสื่อ
พร้อมกับคำโอดครวญที่ว่า รู้สึกเสียใจที่คนไทยเชื่อข้อมูลของบุคคลที่ไม่มีตัวตนในโซเชียลมีเดีย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1414746048
จาก น้องม็อบลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว ถึง ประชาธิปไตย และคดีเกาะเต่า
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21:01:14 น.
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
มีปรากฏการณ์ที่น่าจะช่วยเตือนสติของผู้คนที่ยุคโซเชียลมีเดียครองโลกได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าความทันสมัยฉับไวของยุคออนไลน์ ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ข้อดีมีมหาศาล เพียงแต่เราต้องยอมรับว่าทุกอย่างย่อมมี 2 ด้าน
ปรากฏการณ์เตือนใจเรื่องแรก ไม่พ้นกรณี "น้องม็อบ" ที่ผู้คนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง อันเนื่องจากภาพสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังลวกก๋วยเตี๋ยวที่กระหึ่มในโซเชียล
เพียงภาพนี้ภาพเดียวแท้ๆ แชร์กันว่อน
ใครๆ ก็อยากรู้จักสาวน้อยน่ารักคนนี้
จนกระทั่งต่อมา เธอเปิดตัวให้สัมภาษณ์ต่อรายการทีวีปากโป้งและผ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสด
จึงได้รู้กันว่าเธอคนนี้มีชื่อจริงว่า "นายฐิติวรดา เจ็กท้าว"
จากการเปิดใจอย่างซื่อๆ ตรงๆ ของน้องม็อบหรือฐิติวรดา ทำให้สังคมได้รับรู้ว่า
ประการแรกเธอไม่ใช่หญิงแท้ ประการต่อมาเธอไม่ใช่แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว วันนั้นแค่ไปกินที่ร้านเพื่อนแล้วอยากลองลวกเส้นเอง
น้องม็อบบอกว่า เธอเองก็ไม่นึกว่าจู่ๆ จะโด่งดังขึ้นมา ส่วนหนึ่งคงเพราะข่าวสดออนไลน์นำภาพเธอไปเผยแพร่
ในฐานะที่ข่าวสดเป็นเว็บไซต์ข่าวอันดับ 1 ของประเทศในวันนี้ จึงทำให้ภาพของเธอเป็นที่ฮือฮาในเวลาชั่วข้ามคืน
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด จึงอยากจะบอกความจริงเกี่ยวกับเธอทั้ง 2 ประการ
แต่ผลที่ตามมาก็มิได้ทำให้กระแสของน้องม็อบตกลงไปแต่อย่างใด กลับยิ่งเป็นที่กล่าวขวัญอย่างกว้างขวางในด้านการกล้าพูดความจริง
วันนี้ชีวิตของน้องม็อบสาวแปลงเพศ ยิ่งเป็นที่สนใจของสังคม และสิ่งที่ตามมาก็คือสื่อทั้งหลายไปจนถึงสินค้าด้านความสวยความงามที่ต้องการให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา
สำหรับชีวิตของสาวนะยะคนหนึ่ง เธอกำลังจะไปได้ดีเพราะอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย
แต่สำหรับคนที่เคยหลงใหลในสาวน้อยแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวที่สวยที่สุด คงนึกขำตัวเองไม่น้อยว่า นี่เราหลงเชื่อกับภาพแค่ภาพเดียวเท่านั้นหรือ
ปรากฏการณ์ต่อมา ในช่วงไล่เลี่ยกัน มีภาพหนุ่มวินมอเตอร์ไซค์ที่หล่อที่สุด แชร์กันว่อนเน็ต
เป็นหนุ่มหล่อในชุดเสื้อกั๊กมอเตอร์ไซค์รับจ้าง บอกว่าเป็นวินอยู่หน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง สาวๆ กรี๊ดเพียบ
สุดท้ายเจ้าตัวรีบโพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด แค่ไปถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน
นี่ก็คงเป็นอีกกรณีที่หลายคนต้องขำตัวเอง กับการเชื่อในภาพที่เห็นเพียงแค่ภาพเดียว
ถ้าเรานำเรื่องราวเหล่านี้มาทบทวน ย้อนไปถึงอีกหลายๆ เหตุการณ์
รวมไปถึงเรื่องใหญ่อย่างการทำลายประชาธิปไตยทั้งระบบ การทำให้อำนาจการเมืองในมือประชาชนถูกริบไปจนหมดสิ้นในวันนี้
มันเป็นเพราะความเชื่อในกระแสโซเชียลมีเดีย อย่างไม่ยอมตั้งคำถาม ไม่ยอมตั้งข้อสงสัย ใช่หรือไม่
ไม่ต่างจากคดีฆ่าฝรั่งเกาะเต่า ที่มีกระแสในโซเชียลมีเดียลุกลามไม่สิ้นสุด
ล่าสุดนายวรท ตู้วิเชียร ซึ่งตกเป็นผู้เสียหายทางสังคมออนไลน์ได้ออกมาแถลงเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ยอมให้เจาะดีเอ็นเอไปตรวจกันต่อหน้าสื่อ
พร้อมกับคำโอดครวญที่ว่า รู้สึกเสียใจที่คนไทยเชื่อข้อมูลของบุคคลที่ไม่มีตัวตนในโซเชียลมีเดีย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1414746048