ALBUM REVIEW
ARTIST : BRING ME THE HORIZON
ALBUM : SEMPITERNAL
LABEL : RCA / SONY BEC-TERO MUSIC
เว้นวรรคจากอัลบัมก่อนที่ชื่อยาวเหยียดเป็นกิโล “There is a Hell, Believe Me I’ve Seen it” (2010) ไปประมาณ 3 ปี ในที่สุด BRING ME THE HORIZON วงเมทัลคอร์/เดธคอร์ ขวัญใจมหาชนจากอังกฤษก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับงานสตูดิโอลำดับที่ 4 แล้วก็ดีที่ชื่อสั้นกว่าเดิมเยอะ “SEMPITERNAL” และนี่ก็นับเป็นชุดแรกที่มี CD วางขายในบ้านเราอย่างเป็นทางการ โดยค่าย SONY BEC-TERO MUSIC ทำให้พวกเราสามารถซื้อได้ในราคาสบายกระเป๋ากว่าแผ่น Import เยอะเลย งานชุดนี้ยังประกอบด้วยไลน์อัพชุดเดิม นำโดยพ่อรูปหล่อรอยสักอลังการ Oliver Sykes กระบอกเสียงของวง, Matthew Kean (เบส), Matthew Nicholls (กลอง), Lee Malia (กีตาร์) และสมาชิกใหม่ล่าสุด Jordan Fish (โปรแกรมมิ่ง) ความน่าสนใจอีกอย่างของงานชุดนี้คือการได้โปรดิวเซอร์ผู้คร่ำหวอดในวงการอย่าง Terry Date (Pantera, Deftones, Unearth etc.) มารับหน้าที่กุมบังเหียนงานนี้ หลังจากทางวงได้ร่วมงานกับ Fredik Nordstorm (At The Gate, In Flame, Arch Enemy etc,) มาก่อนหน้านี้แล้ว 2 อัลบัม คือ Suicide Season (2009) และ There is a Hell, Believe Me I’ve Seen it (2010) ดังนั้นงานนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่จะเป็นอย่างไรมาดูกัน
ภาพรวมของงานชุดนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าโปรดักชั่นเนี้ยบสุดๆ โดยเฉพาะการบันทึกเสียงที่เฉียบขาดทั้ง 11 แทร็คในอัลบัมนี้ 3 เพลงฮิต ที่หลายๆ คนได้คุ้นหูและคุ้นตาไปแล้ว คือ Sleep Walking, Shadow Mores และ Can You Feel my Heart (เพลงนี้เป็นเพลงเปิดอัลบัม เหมาะเป็นเพลงขาย เพราะติดหูง่ายมาก) เรียกว่าเปิดมาก็ครบเครื่อง สุดติ่งกระดิ่งแมวตามแบบฉบับ BMTH แฟนเก่ายิ้มกันเลย ทั้งท่อนแก๊งค์ เบรคดาว์น เสียงซินธ์เจ๋งๆ บวกกับริฟฟ์กีตาร์ทะลวงตับ และลีลาการแหกปากของนาย Oliver ที่เป็นไอดอลของวงใต้ดินบ้านเราอย่าง Tragedy of Murder, Fathomless ฯลฯ ส่วนเพลงอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กันทั้ง The House of Wolves เดธคอร์เข้มข้นที่ครบเครื่องกระบวนความ Empire (Let Them Sing) และ Go to Hell for Heaven's Sake ที่เฉียบขาดด้วยท่อนแก๊งค์อันทรงพลัง และลีลากระทืบสองกระเดื่องของนาย Matthew Nicholls ส่วน And the Snakes Start to Sing ก็สามารถนับเป็นบัลลาดร๊อคในสไตร์ของ BMTH เอง บรรจุความหม่น อึมครึม แต่ก็มีเมโลดีที่น่าฟังมาพร้อมกับเครื่องสายช่วยเบรคอารมณ์ Seen It All Before เป็นอีกเพลงที่แสดงให้เห็นพัฒนาการทางดนตรีที่สามารถจัดการกับเพลงที่มีจังหวะซับซ้อนมากขึ้นได้ ในขณะที่ Antivist และ Crooked Young ก็จัดกันหนักเต็มกำลัง อารมณ์มาเนื้อๆ เน้นๆ ทั้งภาคดนตรีทั้งเสียงสำรอก เรียกว่าเหมาะกับการแสดงสดอย่างยิ่ง ปิดท้ายด้วย Hospital For Souls เพลงบัลลาดแน่นๆ อีกเพลง ที่อารมณ์มาแนวล่องลอย เคว้งคว้าง อัลบัมนี้เรียกว่าครบรสสำหรับอัลบัมที่ดีพึงมี เสียงร้องทรงพลัง ดนตรีหนักแน่น แต่ก็สวยงาม (ลองฟังดู จะมีรายละเอียดภาคเครื่องสายสวยๆ ประกอบในหลายๆ เพลง เนียนๆ เลยครับ ใครชอบ BMTH ได้ปลื้มแน่นอน สำหรับสำหรับแฟนใหม่ๆ ก็แนะนำครับชุดนี้ ก็ช่วยอุดหนุนแผ่นลิขสิทธิ์กันด้วยนะครับ ทางค่ายจะได้กล้านำเสนอผลงานดีๆ แบบนี้มาเรื่อยๆ แล้วไปร่วมสนุกในคอนเสิร์ตพวกเค้าวันที่ 19 พฤศจิกายน แล้วเจอกันครับ \m/
ปล. ใครชอบอ่านรีวิวแบบนี้ เข้าไปดูเพิ่มเติมที่เฟสบุ๊คพี่ปานเทพได้นะครับ Parntep : Live on Social
ALBUM REVIEW : BRING ME THE HORIZON
ARTIST : BRING ME THE HORIZON
ALBUM : SEMPITERNAL
LABEL : RCA / SONY BEC-TERO MUSIC
เว้นวรรคจากอัลบัมก่อนที่ชื่อยาวเหยียดเป็นกิโล “There is a Hell, Believe Me I’ve Seen it” (2010) ไปประมาณ 3 ปี ในที่สุด BRING ME THE HORIZON วงเมทัลคอร์/เดธคอร์ ขวัญใจมหาชนจากอังกฤษก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับงานสตูดิโอลำดับที่ 4 แล้วก็ดีที่ชื่อสั้นกว่าเดิมเยอะ “SEMPITERNAL” และนี่ก็นับเป็นชุดแรกที่มี CD วางขายในบ้านเราอย่างเป็นทางการ โดยค่าย SONY BEC-TERO MUSIC ทำให้พวกเราสามารถซื้อได้ในราคาสบายกระเป๋ากว่าแผ่น Import เยอะเลย งานชุดนี้ยังประกอบด้วยไลน์อัพชุดเดิม นำโดยพ่อรูปหล่อรอยสักอลังการ Oliver Sykes กระบอกเสียงของวง, Matthew Kean (เบส), Matthew Nicholls (กลอง), Lee Malia (กีตาร์) และสมาชิกใหม่ล่าสุด Jordan Fish (โปรแกรมมิ่ง) ความน่าสนใจอีกอย่างของงานชุดนี้คือการได้โปรดิวเซอร์ผู้คร่ำหวอดในวงการอย่าง Terry Date (Pantera, Deftones, Unearth etc.) มารับหน้าที่กุมบังเหียนงานนี้ หลังจากทางวงได้ร่วมงานกับ Fredik Nordstorm (At The Gate, In Flame, Arch Enemy etc,) มาก่อนหน้านี้แล้ว 2 อัลบัม คือ Suicide Season (2009) และ There is a Hell, Believe Me I’ve Seen it (2010) ดังนั้นงานนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่จะเป็นอย่างไรมาดูกัน
ภาพรวมของงานชุดนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าโปรดักชั่นเนี้ยบสุดๆ โดยเฉพาะการบันทึกเสียงที่เฉียบขาดทั้ง 11 แทร็คในอัลบัมนี้ 3 เพลงฮิต ที่หลายๆ คนได้คุ้นหูและคุ้นตาไปแล้ว คือ Sleep Walking, Shadow Mores และ Can You Feel my Heart (เพลงนี้เป็นเพลงเปิดอัลบัม เหมาะเป็นเพลงขาย เพราะติดหูง่ายมาก) เรียกว่าเปิดมาก็ครบเครื่อง สุดติ่งกระดิ่งแมวตามแบบฉบับ BMTH แฟนเก่ายิ้มกันเลย ทั้งท่อนแก๊งค์ เบรคดาว์น เสียงซินธ์เจ๋งๆ บวกกับริฟฟ์กีตาร์ทะลวงตับ และลีลาการแหกปากของนาย Oliver ที่เป็นไอดอลของวงใต้ดินบ้านเราอย่าง Tragedy of Murder, Fathomless ฯลฯ ส่วนเพลงอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กันทั้ง The House of Wolves เดธคอร์เข้มข้นที่ครบเครื่องกระบวนความ Empire (Let Them Sing) และ Go to Hell for Heaven's Sake ที่เฉียบขาดด้วยท่อนแก๊งค์อันทรงพลัง และลีลากระทืบสองกระเดื่องของนาย Matthew Nicholls ส่วน And the Snakes Start to Sing ก็สามารถนับเป็นบัลลาดร๊อคในสไตร์ของ BMTH เอง บรรจุความหม่น อึมครึม แต่ก็มีเมโลดีที่น่าฟังมาพร้อมกับเครื่องสายช่วยเบรคอารมณ์ Seen It All Before เป็นอีกเพลงที่แสดงให้เห็นพัฒนาการทางดนตรีที่สามารถจัดการกับเพลงที่มีจังหวะซับซ้อนมากขึ้นได้ ในขณะที่ Antivist และ Crooked Young ก็จัดกันหนักเต็มกำลัง อารมณ์มาเนื้อๆ เน้นๆ ทั้งภาคดนตรีทั้งเสียงสำรอก เรียกว่าเหมาะกับการแสดงสดอย่างยิ่ง ปิดท้ายด้วย Hospital For Souls เพลงบัลลาดแน่นๆ อีกเพลง ที่อารมณ์มาแนวล่องลอย เคว้งคว้าง อัลบัมนี้เรียกว่าครบรสสำหรับอัลบัมที่ดีพึงมี เสียงร้องทรงพลัง ดนตรีหนักแน่น แต่ก็สวยงาม (ลองฟังดู จะมีรายละเอียดภาคเครื่องสายสวยๆ ประกอบในหลายๆ เพลง เนียนๆ เลยครับ ใครชอบ BMTH ได้ปลื้มแน่นอน สำหรับสำหรับแฟนใหม่ๆ ก็แนะนำครับชุดนี้ ก็ช่วยอุดหนุนแผ่นลิขสิทธิ์กันด้วยนะครับ ทางค่ายจะได้กล้านำเสนอผลงานดีๆ แบบนี้มาเรื่อยๆ แล้วไปร่วมสนุกในคอนเสิร์ตพวกเค้าวันที่ 19 พฤศจิกายน แล้วเจอกันครับ \m/
ปล. ใครชอบอ่านรีวิวแบบนี้ เข้าไปดูเพิ่มเติมที่เฟสบุ๊คพี่ปานเทพได้นะครับ Parntep : Live on Social