สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ห้อง บลูแพลนเน็ต
ก่อนอื่น ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่เข้ามาอ่าน นี่เป็นการโพสต์ รีวิว ของแพร ครั้งแรก
ตอนนี้ไปเที่ยวกลับมาได้ ประมาณ เดือนกว่าๆแล้วค่ะ ไปเที่ยวมาตั้งแต่ 9-28 กันยายน 2014 แต่เพิ่งมีเวลา มานั่งไล่ดูรูปที่ถ่ายมา ดูแล้วคิดถึงมาก อยากกลับไปเที่ยวอีก เลยคิดว่า มาลองเขียนเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันดีกว่า จะได้เป็นการย้อนความทรงจำดีๆ ไปด้วยเลย
ยาวนิดนึงนะคะ ถึงยาวมาก ฮ่าๆๆ จะเน้นเล่าแบบละเอียดช่วงการเตรียมตัวก่อนไปมากกว่าสถานที่เที่ยวนะคะ แต่หวังว่า น่าจะเป็นประโยชน์กับใครที่อยากจะลองไปเที่ยวคนเดียวเองดูบ้าง ว่าต้องเตรียมตัวยังไง
เล่าไปเรื่อยๆ ตามนี้นะคะ
- ที่มาของทริปนี้
- การขอวีซ่าเชงเก้น
- การจองตั๋วเครื่องบิน / การจองที่พัก / การจองตั๋วรถไฟ
- การเตรียมตัวเดินทางคนเดียว
- ค่าใช้จ่าย
- เส้นทางการเดินทาง Luxembourg City – Vianden – Arlon – Trier – Cochem – Cologne –Amsterdam – Haarlem – Zaanse Schans – The Hague – Delft – Antwerp – Ghent – Bruges – Brussels – Versailles - Paris – Strasbourg – Colmar – Luxembourg City
เดี๋ยวขอทำรีวิวรูปแต่ละเมือง ค่อยแยกกระทู้ไปอีกทีนะคะ
1. Part 1 :: First Solo Travel in Europe :: ก่อนเดินทาง
http://pantip.com/topic/32793928
2. Part 2 Luxembourg City – Vianden
http://pantip.com/topic/32794069
3. Part 3 Arlon - Southern Parts of Belgium
http://pantip.com/topic/32802138
4. Part 4 Trier - Cochem - Cologne, Germany
http://pantip.com/topic/32829184
5. Part 5 Amsterdam - Haarlem - Zaanse Schans - Den Hague - Delft, The Netherlands
http://pantip.com/topic/34228188
6. Part 6 Antwerpen - Ghent - Brugge - Brussels, Belgium
https://pantip.com/topic/38604371
7. Part 7 Versailles - Paris - Strasbourg - Colmar, France
https://m.pantip.com/topic/39828087?
ต้องบอกก่อน คือ เป็นทริปแบบไม่ค่อยมีอะไรนะคะ สาระไม่มี เดินๆๆๆๆ เที่ยวดูเมืองอย่างเดียว ถ่ายรูปแค่ที่สถานที่สำคัญๆ ของแต่ละเมือง พิพิธภัณฑ์ก็ไม่เข้า โบสถ์ก็เช้าบ้างบางที่ แต่แถบจะไม่มีรูปข้างในเลย ประมาณว่า เดินถ่ายรูปแค่ เอ่อมาถึงแล้วนะ....บาย ฮ่าๆๆ
ที่มาของทริปนี้
ขอเล่าก่อนเลย ว่า ทริปนี้ เป็นไงมาไง เกิดจากการประชด และ ดื้อมาก ล้วนๆ เลยค่ะ
คือ ช่วงก่อนหน้านี้ แพรมี คุย กิ๊กๆ กั๊กๆ กะเพื่อนฝรั่ง คนนึง เป็นคนเบลเยียม เจอกันตอนเค้ามาฝึกงานที่ไทยค่ะ แต่พอฝึกงานเสร็จแล้วก็กลับเบลเยียมไป ก็ยังติดต่อกันตลอดอีกประมาณ 4 เดือนได้
ไอเราก็แบบ เอ่อ อยากไปเที่ยวอ่ะ อยากไปหา แต่คุณผู้ชายเค้าก็ไม่ให้ไปค่ะ อ้างนู้นนี่นั่นโน่น ต้องทำงาน ไม่มีเวลาให้ ไม่มีเวลาพาไปเที่ยว เราก็แบบ ก็เดี๋ยวชั้นไปเที่ยวคนเดียวได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย เราก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องไม่ให้ไปด้วยยยยย ก็ชั้นอยากไป เงินชั้นก็จ่ายเอง จะมาห้ามทำไมนักหนา
ระหว่างที่เถียงๆ กัน คือเราก็ดื้อมาก ไม่ฟังใคร ก็นั่งทำ travel plan 20 วัน ไปด้วย และโพสต์ถามเพื่อนๆ ใบห้องบลู นี่แหละค่ะ ให้ช่วยดูให้หน่อย กะว่าจะไปขอวีซ่าเลย
จากกระทู้นี้ค่ะ
http://pantip.com/topic/32418166 (คนเดียวกันนะคะ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองสมัครซ้ำซ้อน เพิ่งมารู้ตอนที่จะ ทำรีวิวนี้ล่ะค่ะ เพราะอีกแอคเค้าท์มันอัพรูปไม่ได้ ล่ะพอจะยืนยันตัวตน ก็บอกว่า เลขบัตรประชาชนนี้ใช้ยืนยันไปแล้ว ถึงได้รู้ว่า เราเคยสมัครมาก่อนหน้านี้แล้วแต่จำไม่ได้ แฮะๆ)
(ต้องขอบคุณ คุณ PKL, คุณ Pannarch, คุณ Travel Animal, คุณ Europe Traveller, และ คุณ ma_ya อีกครั้งตรงนี้ด้วยนะคะ ที่เข้ามาช่วยให้คำแนะนำ ช่วยปรับแผนการเดินทาง จนลงตัว......แต่ตอนเดินทางจริงๆ ก็มีเปลี่ยนแปลงจากแผนไปบ้าง )
…......
สุดท้ายกับคุณผู้ชายก็ไปกันไม่รอดจริงๆ -*-
ก็ไม่เป็นไรรรรร
แต่
........
พอโดนบอกเลิกปุ๊ป เลยตัดสินใจ จองตั๋วเลยจ้าาาา หมั่นไส้นัก ไม่ต้องไปเจอเทอก็ได้ ชั้นไปเที่ยวเอง คนเดียววววว เชอะ!
การขอวีซ่า
แพรขอที่ สถานทูต Luxembourg นะคะ เพราะ ตอนที่ทำ travel plan เริ่มที่ Luxembourg ค่ะ และ ทำแพลนไปว่า อยู่ที่ Luxembourg นานที่สุด (เนื่องจากคุณเพื่อนฝรั่ง เมืองที่เค้าอยู่ อยู่ใกล้สนามบิน Luxembourg มากกว่าที่ Brussels ตอนแรกนึกว่า มันจะมารับได้ไง แต่เปล่าเลยยยยย อยากมาเอง ก็หาทางไปเองแล้วกันนะจ๊ะ.....ใจร้ายสุดๆ อ่ะ)
สถานทูต ลักเซมเบิร์ก อยู่ที่ ตึก Q House สาทร ชั้น 17 ค่ะ เดินทางง่าย นั่งรถไฟใต้ดิน มาสถานีลุมพินี แล้วถึงเลย ก่อนจะไป แพรก็โทรไปถามก่อนค่ะ ทางสถานทูตบอกว่า เข้ามาได้เลย ไม่ต้องจองคิว ไม่เหมือน ถ้าไปขอ ที่สถานทูตเบลเยียม หรือ ฝรั่งเศส นะคะ ที่จะต้อง จองคิวทางเว็บไซด์และจ่ายเงินก่อน แพรว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ยุ่งยาก เราก็แค่เตรียมเอกสารให้พร้อม แต่การยื่นขอวีซ่าจะเปิด แค่ช่วง 9:00- 12:00 ถึงแค่เที่ยง ใครมาก่อน เข้าก่อน คนที่รับสาย แจ้งว่า ก็แค่มายื่นเอกสาร แล้วจะใช้เวลาพิจารณาอนุมัติอีกประมาณ 7-14 วัน
เอกสารที่ต้องเตรียม
1. ใบคำร้องขอวีซ่าเชงเก้น
2. รูปถ่าย 2 ใบ
3. พาสปอร์ต (มีกี่เล่มพกไปให้หมดค่ะ)
4. ใบจองโรงแรม (แนะนำว่า ตอนมาขอวีซ่า ให้จองๆ ไปมั่วๆ ก่อนค่ะ แค่ให้ รายละเอียดเมืองที่พัก กับ ที่ทำแพลนการเดินทางไปสอดคล้องกัน แพรจองทาง booking.com เพราะสามารถยกเลิกได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม พอวีซ่าผ่านแล้ว ค่อยมานั่งไล่ดูรายละเอียดที่พักจริงๆ แล้วจองใหม่)
5. ใบจองตั๋วเครื่องบิน (ให้ทางบริษัททัวร์จองให้ก่อนค่ะ เสียให้เค้า 300 บาท ค่าทำบุ๊คกิ้ง เอาแค่ใบมาก่อน)
6. ประกันภัยการเดินทาง (ซื้อกับทางบริษัททัวร์เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าวีซ่าไม่ผ่านสามารถขอคืนเงินได้ค่ะ)
7. รายละเอียดการเดินทาง travel plan
8. หลักฐานทางการเงิน
9. ใบลางานจากที่ทำงาน (ระบุว่าจะลากี่วัน เดินทางวันไหน- วันไหนบ้าง)
ตอนไปถึง ประมาณ เก้าโมงครึ่ง มีคนมารอแล้ว 2 คน แพรได้เป็นคิวที่ 3 และสักพัก ก็มี คนมาเพิ่มอีก คน สรุปวันนั้นมีคนมารอขอวีซ่า ทั้งหมด 4 คนถ้วน คนน้อยดีค่ะ สบายมาก ไม่ต้องไปแย่งกับชาวบ้าน
ก็นั่งรอๆๆ เผอิญ วันนั้นพอดีมีคนลักเซมเบิร์ก ที่เพิ่งมาถึงเมืองไทยเมื่อคืน โดนวิ่งราวกระเป่าที่เยาวราช (ถึงปุ๊ป โดนปั๊ป เจริญจริงๆ บ้านเรา เป็นเราถ้าไปเที่ยวประเทศอื่นแล้วโดนแบบนี้ตั้งแต่วันแรกก็คงนอยด์ไปทั้งทริปอ่ะ) เค้ามาทำเรื่องขอให้ทางสถานทูตออกพาสปอร์ตช่วยคราวให้ ก็เลยต้องรอนานนิดนึง
นั่งรอ จนถึงประมาณ สิบเอ็ดโมงครึ่ง คิวที่ 2 เพิ่งเสร็จค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะไม่ทันแล้วววว สงสัยต้องกลับมาใหม่พรุ่งนี้ แต่เค้าก็ยังยอมให้แพรเข้าไปสัมภาษณ์ โชคดีจริงๆ แต่อีกราย คิวที่ 4 ไม่ทัน สรุปว่า ก็ถ้าใครจะไปขอที่นี้ แนะนำให้ไปเช้าๆ นะคะ ไปรอก่อนเลย เพื่อความชัวร์ จะได้ไม่ต้องมาให้เสียเวลาหลายรอบ
พอได้เข้าไปสัมภาษณ์ เป็นห้องเล็กๆ ก็ยื่นเอาเอกสารให้เจ้าหน้าที่ มีเจ้าหน้าที่คนเดียวค่ะ เป็นคนฝรั่งเศสผู้ชาย เค้าก็เอาเอกสา ร เราไปกรอกๆ ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ มีให้แก้ไข ให้กรอกเป็น Single Entry แล้วให้แสกนนิ้ว แต่นิ้วเราไม่รู้เป็นอะไร แสกนไม่ผ่านซะที ก็เลยต้องเปลี่ยนเครื่อง รอกรอกข้อมูลอีกรอบ เราก็แบบกลัวจะขอวีซ่ายากจะไม่ผ่าน เลยแอ๊บทำเป็น Friendly มากกกก ชวนเค้าคุยไปเรื่อยๆ พอแสกนนิ้วผ่าน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ถามอะไรมากเลยนะคะ ถามแค่ว่า มีเงินอยู่ใบบัญชีเท่าไหร่ แล้วตั้ง budget ไว้ว่าต้องใช้เท่าไหร่ เราก็บอกไปว่า น่าจะใช้ประมาณไม่เกิน หนึ่งแสน บาท เค้าก็ไม่พูดอะไร แล้วก็ไล่ๆดู ที่พักที่เราจองมา พอเค้าดูปุ๊ป เค้าก็ถามว่า โรงแรมนี้คืนละเท่าไหร่ เราก็ดูจากในใบที่ปริ้นท์มา ก็บอกไปประมาณ คืนละ 25ยูโร นางก็ตกใจจ้าาาา บอกว่า เทอรู้มั้ยว่า ห้องพัก ราคานี้ ห้องจะเล็กขนาดไหน จะอยู่ได้หรอ
แพรก็แบบ อยู่ได้ๆ ไม่มีปัญหา ชั้นแพลนจะไปพักแบบเป็นหอพัก โฮสเทลถูกๆอยู่แล้ว จะได้อยู่ในงบที่เตรียมไว้
แล้วก็ถามว่า แพลนจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ไปคนเดียวเลยหรอ......ก็ถามแค่ประมาณนี้นะคะ พอถามเสร็จ ก็ให้ชำระค่าธรรมเนียมขอวีซ่า 2,700 บาท
แล้ว เค้าก็บอกว่ารออีกสักประมาณ 10 นาทีนะ เดี๋ยวผมปริ้นท์วีซ่าให้เลย......ตึ้ง!!!
สรุปคือ ง่ายมากค่ะ ขอวันนั้น ได้วันนั้นเลย ไม่ต้องรอพิจารณาอะไรให้วุ่นวาย ไม่ต้องรอลุ้นอีกอาทิตย์ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน กลับบ้านหน้าบาน ยิ้มแฉ่ง
แต่ว่า วีซ่าที่ได้มา จำนวนวันจะเท่ากับที่เราขอไปเลยนะคะ แพรทำแพลน 20 วัน เค้าก็ให้แค่ 20 วันแค่นั้นอ่ะ แบบระบุวันเข้า-ออก ตามใน travel plan ของเราเลย ห้ามบินไปก่อน ห้ามอยู่ต่อ คือแพลนฟิคมาก ห้ามเปลี่ยน เปลี่ยนได้แค่ ไปทีหลัง – แล้วกลับก่อนกำหนด
(( เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ ))
[CR] :: First Solo Travel in Europe :: แบคแพคคนเดียวครั้งแรก ยุโรป 20 วัน 5 ประเทศ 19 เมือง กับงบ 85,000 บาทค่ะ
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ห้อง บลูแพลนเน็ต
ก่อนอื่น ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่เข้ามาอ่าน นี่เป็นการโพสต์ รีวิว ของแพร ครั้งแรก
ตอนนี้ไปเที่ยวกลับมาได้ ประมาณ เดือนกว่าๆแล้วค่ะ ไปเที่ยวมาตั้งแต่ 9-28 กันยายน 2014 แต่เพิ่งมีเวลา มานั่งไล่ดูรูปที่ถ่ายมา ดูแล้วคิดถึงมาก อยากกลับไปเที่ยวอีก เลยคิดว่า มาลองเขียนเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันดีกว่า จะได้เป็นการย้อนความทรงจำดีๆ ไปด้วยเลย
ยาวนิดนึงนะคะ ถึงยาวมาก ฮ่าๆๆ จะเน้นเล่าแบบละเอียดช่วงการเตรียมตัวก่อนไปมากกว่าสถานที่เที่ยวนะคะ แต่หวังว่า น่าจะเป็นประโยชน์กับใครที่อยากจะลองไปเที่ยวคนเดียวเองดูบ้าง ว่าต้องเตรียมตัวยังไง
เล่าไปเรื่อยๆ ตามนี้นะคะ
- ที่มาของทริปนี้
- การขอวีซ่าเชงเก้น
- การจองตั๋วเครื่องบิน / การจองที่พัก / การจองตั๋วรถไฟ
- การเตรียมตัวเดินทางคนเดียว
- ค่าใช้จ่าย
- เส้นทางการเดินทาง Luxembourg City – Vianden – Arlon – Trier – Cochem – Cologne –Amsterdam – Haarlem – Zaanse Schans – The Hague – Delft – Antwerp – Ghent – Bruges – Brussels – Versailles - Paris – Strasbourg – Colmar – Luxembourg City
เดี๋ยวขอทำรีวิวรูปแต่ละเมือง ค่อยแยกกระทู้ไปอีกทีนะคะ
1. Part 1 :: First Solo Travel in Europe :: ก่อนเดินทาง http://pantip.com/topic/32793928
2. Part 2 Luxembourg City – Vianden http://pantip.com/topic/32794069
3. Part 3 Arlon - Southern Parts of Belgium http://pantip.com/topic/32802138
4. Part 4 Trier - Cochem - Cologne, Germany http://pantip.com/topic/32829184
5. Part 5 Amsterdam - Haarlem - Zaanse Schans - Den Hague - Delft, The Netherlands http://pantip.com/topic/34228188
6. Part 6 Antwerpen - Ghent - Brugge - Brussels, Belgium https://pantip.com/topic/38604371
7. Part 7 Versailles - Paris - Strasbourg - Colmar, France https://m.pantip.com/topic/39828087?
ต้องบอกก่อน คือ เป็นทริปแบบไม่ค่อยมีอะไรนะคะ สาระไม่มี เดินๆๆๆๆ เที่ยวดูเมืองอย่างเดียว ถ่ายรูปแค่ที่สถานที่สำคัญๆ ของแต่ละเมือง พิพิธภัณฑ์ก็ไม่เข้า โบสถ์ก็เช้าบ้างบางที่ แต่แถบจะไม่มีรูปข้างในเลย ประมาณว่า เดินถ่ายรูปแค่ เอ่อมาถึงแล้วนะ....บาย ฮ่าๆๆ
ที่มาของทริปนี้
ขอเล่าก่อนเลย ว่า ทริปนี้ เป็นไงมาไง เกิดจากการประชด และ ดื้อมาก ล้วนๆ เลยค่ะ
คือ ช่วงก่อนหน้านี้ แพรมี คุย กิ๊กๆ กั๊กๆ กะเพื่อนฝรั่ง คนนึง เป็นคนเบลเยียม เจอกันตอนเค้ามาฝึกงานที่ไทยค่ะ แต่พอฝึกงานเสร็จแล้วก็กลับเบลเยียมไป ก็ยังติดต่อกันตลอดอีกประมาณ 4 เดือนได้
ไอเราก็แบบ เอ่อ อยากไปเที่ยวอ่ะ อยากไปหา แต่คุณผู้ชายเค้าก็ไม่ให้ไปค่ะ อ้างนู้นนี่นั่นโน่น ต้องทำงาน ไม่มีเวลาให้ ไม่มีเวลาพาไปเที่ยว เราก็แบบ ก็เดี๋ยวชั้นไปเที่ยวคนเดียวได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย เราก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องไม่ให้ไปด้วยยยยย ก็ชั้นอยากไป เงินชั้นก็จ่ายเอง จะมาห้ามทำไมนักหนา
ระหว่างที่เถียงๆ กัน คือเราก็ดื้อมาก ไม่ฟังใคร ก็นั่งทำ travel plan 20 วัน ไปด้วย และโพสต์ถามเพื่อนๆ ใบห้องบลู นี่แหละค่ะ ให้ช่วยดูให้หน่อย กะว่าจะไปขอวีซ่าเลย
จากกระทู้นี้ค่ะ http://pantip.com/topic/32418166 (คนเดียวกันนะคะ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองสมัครซ้ำซ้อน เพิ่งมารู้ตอนที่จะ ทำรีวิวนี้ล่ะค่ะ เพราะอีกแอคเค้าท์มันอัพรูปไม่ได้ ล่ะพอจะยืนยันตัวตน ก็บอกว่า เลขบัตรประชาชนนี้ใช้ยืนยันไปแล้ว ถึงได้รู้ว่า เราเคยสมัครมาก่อนหน้านี้แล้วแต่จำไม่ได้ แฮะๆ)
(ต้องขอบคุณ คุณ PKL, คุณ Pannarch, คุณ Travel Animal, คุณ Europe Traveller, และ คุณ ma_ya อีกครั้งตรงนี้ด้วยนะคะ ที่เข้ามาช่วยให้คำแนะนำ ช่วยปรับแผนการเดินทาง จนลงตัว......แต่ตอนเดินทางจริงๆ ก็มีเปลี่ยนแปลงจากแผนไปบ้าง )
…......
สุดท้ายกับคุณผู้ชายก็ไปกันไม่รอดจริงๆ -*-
ก็ไม่เป็นไรรรรร
แต่
........
พอโดนบอกเลิกปุ๊ป เลยตัดสินใจ จองตั๋วเลยจ้าาาา หมั่นไส้นัก ไม่ต้องไปเจอเทอก็ได้ ชั้นไปเที่ยวเอง คนเดียววววว เชอะ!
การขอวีซ่า
แพรขอที่ สถานทูต Luxembourg นะคะ เพราะ ตอนที่ทำ travel plan เริ่มที่ Luxembourg ค่ะ และ ทำแพลนไปว่า อยู่ที่ Luxembourg นานที่สุด (เนื่องจากคุณเพื่อนฝรั่ง เมืองที่เค้าอยู่ อยู่ใกล้สนามบิน Luxembourg มากกว่าที่ Brussels ตอนแรกนึกว่า มันจะมารับได้ไง แต่เปล่าเลยยยยย อยากมาเอง ก็หาทางไปเองแล้วกันนะจ๊ะ.....ใจร้ายสุดๆ อ่ะ)
สถานทูต ลักเซมเบิร์ก อยู่ที่ ตึก Q House สาทร ชั้น 17 ค่ะ เดินทางง่าย นั่งรถไฟใต้ดิน มาสถานีลุมพินี แล้วถึงเลย ก่อนจะไป แพรก็โทรไปถามก่อนค่ะ ทางสถานทูตบอกว่า เข้ามาได้เลย ไม่ต้องจองคิว ไม่เหมือน ถ้าไปขอ ที่สถานทูตเบลเยียม หรือ ฝรั่งเศส นะคะ ที่จะต้อง จองคิวทางเว็บไซด์และจ่ายเงินก่อน แพรว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ยุ่งยาก เราก็แค่เตรียมเอกสารให้พร้อม แต่การยื่นขอวีซ่าจะเปิด แค่ช่วง 9:00- 12:00 ถึงแค่เที่ยง ใครมาก่อน เข้าก่อน คนที่รับสาย แจ้งว่า ก็แค่มายื่นเอกสาร แล้วจะใช้เวลาพิจารณาอนุมัติอีกประมาณ 7-14 วัน
เอกสารที่ต้องเตรียม
1. ใบคำร้องขอวีซ่าเชงเก้น
2. รูปถ่าย 2 ใบ
3. พาสปอร์ต (มีกี่เล่มพกไปให้หมดค่ะ)
4. ใบจองโรงแรม (แนะนำว่า ตอนมาขอวีซ่า ให้จองๆ ไปมั่วๆ ก่อนค่ะ แค่ให้ รายละเอียดเมืองที่พัก กับ ที่ทำแพลนการเดินทางไปสอดคล้องกัน แพรจองทาง booking.com เพราะสามารถยกเลิกได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม พอวีซ่าผ่านแล้ว ค่อยมานั่งไล่ดูรายละเอียดที่พักจริงๆ แล้วจองใหม่)
5. ใบจองตั๋วเครื่องบิน (ให้ทางบริษัททัวร์จองให้ก่อนค่ะ เสียให้เค้า 300 บาท ค่าทำบุ๊คกิ้ง เอาแค่ใบมาก่อน)
6. ประกันภัยการเดินทาง (ซื้อกับทางบริษัททัวร์เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าวีซ่าไม่ผ่านสามารถขอคืนเงินได้ค่ะ)
7. รายละเอียดการเดินทาง travel plan
8. หลักฐานทางการเงิน
9. ใบลางานจากที่ทำงาน (ระบุว่าจะลากี่วัน เดินทางวันไหน- วันไหนบ้าง)
ตอนไปถึง ประมาณ เก้าโมงครึ่ง มีคนมารอแล้ว 2 คน แพรได้เป็นคิวที่ 3 และสักพัก ก็มี คนมาเพิ่มอีก คน สรุปวันนั้นมีคนมารอขอวีซ่า ทั้งหมด 4 คนถ้วน คนน้อยดีค่ะ สบายมาก ไม่ต้องไปแย่งกับชาวบ้าน
ก็นั่งรอๆๆ เผอิญ วันนั้นพอดีมีคนลักเซมเบิร์ก ที่เพิ่งมาถึงเมืองไทยเมื่อคืน โดนวิ่งราวกระเป่าที่เยาวราช (ถึงปุ๊ป โดนปั๊ป เจริญจริงๆ บ้านเรา เป็นเราถ้าไปเที่ยวประเทศอื่นแล้วโดนแบบนี้ตั้งแต่วันแรกก็คงนอยด์ไปทั้งทริปอ่ะ) เค้ามาทำเรื่องขอให้ทางสถานทูตออกพาสปอร์ตช่วยคราวให้ ก็เลยต้องรอนานนิดนึง
นั่งรอ จนถึงประมาณ สิบเอ็ดโมงครึ่ง คิวที่ 2 เพิ่งเสร็จค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะไม่ทันแล้วววว สงสัยต้องกลับมาใหม่พรุ่งนี้ แต่เค้าก็ยังยอมให้แพรเข้าไปสัมภาษณ์ โชคดีจริงๆ แต่อีกราย คิวที่ 4 ไม่ทัน สรุปว่า ก็ถ้าใครจะไปขอที่นี้ แนะนำให้ไปเช้าๆ นะคะ ไปรอก่อนเลย เพื่อความชัวร์ จะได้ไม่ต้องมาให้เสียเวลาหลายรอบ
พอได้เข้าไปสัมภาษณ์ เป็นห้องเล็กๆ ก็ยื่นเอาเอกสารให้เจ้าหน้าที่ มีเจ้าหน้าที่คนเดียวค่ะ เป็นคนฝรั่งเศสผู้ชาย เค้าก็เอาเอกสา ร เราไปกรอกๆ ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ มีให้แก้ไข ให้กรอกเป็น Single Entry แล้วให้แสกนนิ้ว แต่นิ้วเราไม่รู้เป็นอะไร แสกนไม่ผ่านซะที ก็เลยต้องเปลี่ยนเครื่อง รอกรอกข้อมูลอีกรอบ เราก็แบบกลัวจะขอวีซ่ายากจะไม่ผ่าน เลยแอ๊บทำเป็น Friendly มากกกก ชวนเค้าคุยไปเรื่อยๆ พอแสกนนิ้วผ่าน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ถามอะไรมากเลยนะคะ ถามแค่ว่า มีเงินอยู่ใบบัญชีเท่าไหร่ แล้วตั้ง budget ไว้ว่าต้องใช้เท่าไหร่ เราก็บอกไปว่า น่าจะใช้ประมาณไม่เกิน หนึ่งแสน บาท เค้าก็ไม่พูดอะไร แล้วก็ไล่ๆดู ที่พักที่เราจองมา พอเค้าดูปุ๊ป เค้าก็ถามว่า โรงแรมนี้คืนละเท่าไหร่ เราก็ดูจากในใบที่ปริ้นท์มา ก็บอกไปประมาณ คืนละ 25ยูโร นางก็ตกใจจ้าาาา บอกว่า เทอรู้มั้ยว่า ห้องพัก ราคานี้ ห้องจะเล็กขนาดไหน จะอยู่ได้หรอ
แพรก็แบบ อยู่ได้ๆ ไม่มีปัญหา ชั้นแพลนจะไปพักแบบเป็นหอพัก โฮสเทลถูกๆอยู่แล้ว จะได้อยู่ในงบที่เตรียมไว้
แล้วก็ถามว่า แพลนจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ไปคนเดียวเลยหรอ......ก็ถามแค่ประมาณนี้นะคะ พอถามเสร็จ ก็ให้ชำระค่าธรรมเนียมขอวีซ่า 2,700 บาท
แล้ว เค้าก็บอกว่ารออีกสักประมาณ 10 นาทีนะ เดี๋ยวผมปริ้นท์วีซ่าให้เลย......ตึ้ง!!!
สรุปคือ ง่ายมากค่ะ ขอวันนั้น ได้วันนั้นเลย ไม่ต้องรอพิจารณาอะไรให้วุ่นวาย ไม่ต้องรอลุ้นอีกอาทิตย์ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน กลับบ้านหน้าบาน ยิ้มแฉ่ง
แต่ว่า วีซ่าที่ได้มา จำนวนวันจะเท่ากับที่เราขอไปเลยนะคะ แพรทำแพลน 20 วัน เค้าก็ให้แค่ 20 วันแค่นั้นอ่ะ แบบระบุวันเข้า-ออก ตามใน travel plan ของเราเลย ห้ามบินไปก่อน ห้ามอยู่ต่อ คือแพลนฟิคมาก ห้ามเปลี่ยน เปลี่ยนได้แค่ ไปทีหลัง – แล้วกลับก่อนกำหนด
(( เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ ))