Edge Of Tomorrow (2014) - ซุปเปอร์นักรบดับทัพอสูร Live Die Repeat ยอมรับว่าไม่ได้ดูหนังยุคใหม่มานานพอสมควร เนื่องจากช่วงนี้ตามเก็บดูแต่หนัง Classic เป็นส่วนใหญ่ อีกอย่างก่อนดูเรื่องนี้ก็เพิ่งดู Vertigo (1958) จบไปสดๆร้อนๆเลย อารมณ์ตอนจบเรื่องนี้ยังค้างๆคาๆอยู่ แต่พอได้มาดู Edge Of Tomorrow ผมยอมรับเลยว่าลืมความรู้สึกตอนดู Vertigo ไปหมดเลยครับ
เมื่อถึงคราวเอเลี่ยนบุกโลก กองทัพมนุษย์ก็ได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความคงอยู่ของมนุษยชาติ แต่ทำอย่างไรเมื่ออาวุธของเรานั้นไม่สามารถต่อกรกับเหล่าเอเลี่ยนได้เลย แต่ถึงแม้นในความสิ้นหวังก็มักจะมีความหวังเล็กๆเสมอเมื่อ Cage(Tom Cruise) ทหารของกองทัพมนุษย์ได้รับพลังพิเศษจากการฆ่าเอลี่ยน นั่นคือเขาสามารถย้อนเวลากลับไปก่อนที่เขาจะตายได้ และแม้ว่าเขาจะตายกี่ร้อยกี่พันครั้งเขาก็จะฟื้นกลับมาใหม่เสมอ แต่เขาจะจบสงครามล้างเผ่าพันธ์มนุษย์นี้ได้เช่นไรเมื่อต้องเจอกับศัตรูอย่างเอเลี่ยนที่วิวัฒนาการเหนือกว่ามาก
เป็นหนังไม่กี่เรื่องในปี 2014 ที่ทำได้สนุกน่าติดตามทุกวินาที ในหนังเราจะจบกับจุดหักเหของเรื่องเป็นสิบครั้งร้อยครั้ง และไม่ว่าอย่างไรก็ตามการตายแล้วเกิดใหม่ของพระเอกแต่ละครั้งนี่ทำให้ผมกลับยิ่งอยากรู้อยากเห็น อยากให้มัน Repeat แบบนี้ไปเรื่อยๆไม่มีวันจบ พูดง่ายๆว่าไม่อยากให้เรื่องนี้จบลงเลย แต่ทำอย่างไรได้เมื่อหนังมันมีเวลาจำกัดเราก็ต้องทำใจ จนกระทั่งตอนจบที่ดูจะจบแล้วแต่ยังไม่จบเพราะมันมีตอนจบซ้อนตอนจบอีกที ฉากนี้หนังก็เซอร์ไพรซ์คนดูอย่างผมอีกดอกนึง ทำให้อารมณ์แบบพลุ่งพล่านมาก ไม่ได้ดูหนังสนุกครบรส โหด/มัน/ฮา/ซึ้ง แบบนี้มานานแล้วนับตั้งแต่ The Avenger (2012) ใครยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ผมก็ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ ส่วนใครดูแล้วก็ถือว่ามาแชร์ความรู้สึกกันนะครับ
สำหรับผมขอให้เรื่องนี้ 9/10 ครับใจจริงก็อยากให้ 10/10 เลยเพราะมันยังหาจุดบกพร่องของหนังไม่ได้เลย แต่กลัวว่ามันจะดูอวยกันเกินไป
ปล. ผมยังไม่ได้ดู Guardians Of The Galaxy เลย รอแผ่นอยู่ เห็นคำวิจารณ์ดีมาก หวังไว้ว่าคงไม่ผิดหวังเหมือนกัน
Edge Of Tomorrow (2014) เพิ่งดูจบสดๆร้อนๆครับ เป็นอะไรที่อยากแชร์มากๆ (สปอยล์นิดๆ)
Edge Of Tomorrow (2014) - ซุปเปอร์นักรบดับทัพอสูร Live Die Repeat ยอมรับว่าไม่ได้ดูหนังยุคใหม่มานานพอสมควร เนื่องจากช่วงนี้ตามเก็บดูแต่หนัง Classic เป็นส่วนใหญ่ อีกอย่างก่อนดูเรื่องนี้ก็เพิ่งดู Vertigo (1958) จบไปสดๆร้อนๆเลย อารมณ์ตอนจบเรื่องนี้ยังค้างๆคาๆอยู่ แต่พอได้มาดู Edge Of Tomorrow ผมยอมรับเลยว่าลืมความรู้สึกตอนดู Vertigo ไปหมดเลยครับ
เมื่อถึงคราวเอเลี่ยนบุกโลก กองทัพมนุษย์ก็ได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความคงอยู่ของมนุษยชาติ แต่ทำอย่างไรเมื่ออาวุธของเรานั้นไม่สามารถต่อกรกับเหล่าเอเลี่ยนได้เลย แต่ถึงแม้นในความสิ้นหวังก็มักจะมีความหวังเล็กๆเสมอเมื่อ Cage(Tom Cruise) ทหารของกองทัพมนุษย์ได้รับพลังพิเศษจากการฆ่าเอลี่ยน นั่นคือเขาสามารถย้อนเวลากลับไปก่อนที่เขาจะตายได้ และแม้ว่าเขาจะตายกี่ร้อยกี่พันครั้งเขาก็จะฟื้นกลับมาใหม่เสมอ แต่เขาจะจบสงครามล้างเผ่าพันธ์มนุษย์นี้ได้เช่นไรเมื่อต้องเจอกับศัตรูอย่างเอเลี่ยนที่วิวัฒนาการเหนือกว่ามาก
เป็นหนังไม่กี่เรื่องในปี 2014 ที่ทำได้สนุกน่าติดตามทุกวินาที ในหนังเราจะจบกับจุดหักเหของเรื่องเป็นสิบครั้งร้อยครั้ง และไม่ว่าอย่างไรก็ตามการตายแล้วเกิดใหม่ของพระเอกแต่ละครั้งนี่ทำให้ผมกลับยิ่งอยากรู้อยากเห็น อยากให้มัน Repeat แบบนี้ไปเรื่อยๆไม่มีวันจบ พูดง่ายๆว่าไม่อยากให้เรื่องนี้จบลงเลย แต่ทำอย่างไรได้เมื่อหนังมันมีเวลาจำกัดเราก็ต้องทำใจ จนกระทั่งตอนจบที่ดูจะจบแล้วแต่ยังไม่จบเพราะมันมีตอนจบซ้อนตอนจบอีกที ฉากนี้หนังก็เซอร์ไพรซ์คนดูอย่างผมอีกดอกนึง ทำให้อารมณ์แบบพลุ่งพล่านมาก ไม่ได้ดูหนังสนุกครบรส โหด/มัน/ฮา/ซึ้ง แบบนี้มานานแล้วนับตั้งแต่ The Avenger (2012) ใครยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ผมก็ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ ส่วนใครดูแล้วก็ถือว่ามาแชร์ความรู้สึกกันนะครับ
สำหรับผมขอให้เรื่องนี้ 9/10 ครับใจจริงก็อยากให้ 10/10 เลยเพราะมันยังหาจุดบกพร่องของหนังไม่ได้เลย แต่กลัวว่ามันจะดูอวยกันเกินไป
ปล. ผมยังไม่ได้ดู Guardians Of The Galaxy เลย รอแผ่นอยู่ เห็นคำวิจารณ์ดีมาก หวังไว้ว่าคงไม่ผิดหวังเหมือนกัน