คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
คิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะเอาดีทั้ง 2 ภาษาไปพร้อมกัน คงต้องเลือกเอาดีทางภาษาหนึ่งไปก่อน ขึ้นอยู่กับว่าอยากทำงานแบบไหนเมื่อเรียนจบ
ลูกสาวเรียนที่เอแบค ตอนแรกเลือกเอกญี่ปุ่นโทอังกฤษ แต่มีปัญหาในการเรียนเรื่องตัวคันจิ ก็เลยเปลี่ยนเป็นเอกอังกฤษโทญี่ปุ่น เรียนจบทำงานใช้ภาษาอังกฤษอยู่ 2 ปี แล้วไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่น 1 ปี จากนั้นก็ทำงานที่ญี่ปุ่นโดยใช้ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นมา
ถ้าอยากทำงานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นแค่โทญี่ปุ่นแทบไม่ได้อะไร ไม่พอทำงาน ต้องเอกญี่ปุ่นและต้องเรียนเองเพิ่มเติมด้วย (ดูการ์ตูนญี่ปุ่นและเล่นเกมภาษาญี่ปุ่นเป็นประจำก็ช่วยได้ ลูกชายได้ความรู้ภาษาญี่ปุ่นเยอะจากวิธีนี้) เพราะจะทำงานทางภาษาญี่ปุ่นควรสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นผ่านอย่างน้อย(เน้นว่าอย่างน้อย)ระดับ N3 ซึ่งไม่ง่ายเลย จะต้องมุมานะตั้งใจเรียนจริงๆ โดยเฉพาะการเรียนด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
ลูกสาวเรียนที่เอแบค ตอนแรกเลือกเอกญี่ปุ่นโทอังกฤษ แต่มีปัญหาในการเรียนเรื่องตัวคันจิ ก็เลยเปลี่ยนเป็นเอกอังกฤษโทญี่ปุ่น เรียนจบทำงานใช้ภาษาอังกฤษอยู่ 2 ปี แล้วไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่น 1 ปี จากนั้นก็ทำงานที่ญี่ปุ่นโดยใช้ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นมา
ถ้าอยากทำงานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นแค่โทญี่ปุ่นแทบไม่ได้อะไร ไม่พอทำงาน ต้องเอกญี่ปุ่นและต้องเรียนเองเพิ่มเติมด้วย (ดูการ์ตูนญี่ปุ่นและเล่นเกมภาษาญี่ปุ่นเป็นประจำก็ช่วยได้ ลูกชายได้ความรู้ภาษาญี่ปุ่นเยอะจากวิธีนี้) เพราะจะทำงานทางภาษาญี่ปุ่นควรสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นผ่านอย่างน้อย(เน้นว่าอย่างน้อย)ระดับ N3 ซึ่งไม่ง่ายเลย จะต้องมุมานะตั้งใจเรียนจริงๆ โดยเฉพาะการเรียนด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ต่อให้เรียนแต่มนุษยศาสตร์เอกอังกฤษราม คือเรียนภาษาอังกฤษแค่วิชาเดียว 4 ปีในมหาลัยมันแทบจะไม่พอแล้วหละ เพราะเนื้อหามันกว้างและลึก และต้องฝึก skills เยอะมากๆกว่าจะใช้ประกอบอาชีพจริงๆได้ ถ้าเรียนทั้งอังกฤษทั้งญี่ปุ่นจบมาเป็นเป็ดทั้ง 2 ภาษาแน่ๆ
ในรอบหลายสิบปีที่เราใช้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพเป็นนักแปล (ตอนสมัยทำงานในบริษัทแปล) เรามีโอกาสได้พบปะคนเรียนเอกอังกฤษหลายระดับชั้น ตั้งแต่จบเมืองนอก จบมหาลัยปิดดังๆ มหาลัยเปิด และจบแค่มัธยม (แต่ดันเก่งอังกฤษแบบเทพๆ) เมื่อเทียบ skills ที่ใช้ทำงานได้จริงๆแล้วพบว่าคนจบมนุษยศาสตร์เอกอังกฤษรามเสียเปรียบคนจบเอกอังกฤษมหาลัยปิดดังๆเยอะมากๆ หลายๆคนที่จบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามภาษาอังกฤษยังอ่อนมากๆ แบบทำงานแปลหรือล่ามไม่ได้เลย ส่วนใหญ่จะทำได้คืองานพิมพ์ดีด เสมียน หรือถ้าใช้ภาษาอังกฤษจริงๆอย่างมากก็ทำได้แค่ขายของตามร้านในย่านนักท่องเที่ยวหรือพนักงานเสิร์ฟตามร้านอาหารฝรั่ง เหตุผลก็เพราะว่าภาษาพูดมันง่ายกว่าภาษาเขียน
เหตุผลที่คนจบมนุษยศาสตร์เอกอังกฤษรามเสียเปรียบคนจบเอกอังกฤษมหาลัยปิดดังๆมีดังต่อไปนี้
1 มหาลัยปิดดังๆคัดแต่เด็กเก่งๆเข้าไปเรียน ซึ่งพวกเค้าได้เปรียบตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว
2 มหาลัยปิดดังๆซอยนักศึกษาออกเป็น sections เล็กๆ เพื่อฝึก skills ต่างๆได้ โดยอาจารย์ช่วยนักศึกษาพัฒนา skills ได้ง่ายเพราะนักศึกษามีจำนวนน้อย เช่น conversation หรือ writing อาจารย์ลงมาช่วยนักศึกษาได้อย่างใกล้ชิด แต่ในกรณีของรามนักศึกษามีจำนวนมหาศาล ไม่มีทางทำได้
3 เกณฑ์การวัดผลรามต่ำ ข้อสอบเดาได้ง่ายมากๆ ถ้าไปติวกับติวเตอร์ดังๆก็จะรู้วิธีเดาข้อสอบ (เรารู้เรื่องนี้เพราะเราเคยซื้อ textbooks ทั้งหมดของมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษราม และซื้อข้อสอบเก่าๆของมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษราม มาศึกษาโดยละเอียด เพื่อหาทางประกอบอาชีพเป็นติวเตอร์หน้าราม)
*****อย่างไรก็ตามเราจะแนะนำนักศึกษามนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามว่า "ทำอย่างไรคุณจึงจะเรียนจบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามแล้วเก่งภาษาอังกฤษชนะคนจบอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษระดับเกียรตินิยมได้"*****
มีคนๆหนึ่งเรียนจบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามแล้วเก่งอังกฤษชนะคนจบอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษแบบขาดลอยเลยหละ (เค้าเคยเล่น pantip) นับว่าเป็นช้างเผือกเชือกเดียวที่หลงมาจากรามฯ ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา! ประวัติคนๆนี้นะ เค้ารักภาษาอังกฤษมากๆแต่พ่อแม่ไม่ให้เรียนเอกอังกฤษ เค้าเลยเรียนเอกบัญชีแล้วจบมาจากมหาลัยปิดชั้นนำ แล้วเค้าไปเรียนมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามเป็นปริญญาใบที่สอง จากนั้นไปเรียนปริญญาโท กับปริญญาเอกภาษาอังกฤษ จนกลายเป็นนักภาษาศาสตร์ และเก่งระดับเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษให้ฝรั่งในมหาลัยในอเมริกาได้
^
จะบอกให้ว่าเค้าทำยังไง
เค้าใช้ textbooks ของรามเป็นแค่เครื่องมือหา keywords ว่า topics ต่างๆในวิชา English studies มันมีอะไรบ้างที่จะต้องเรียนรู้เพื่อพัฒนา skills ทั้งหมด และใช้ keywords เหล่านั้นไปค้น textbooks กับสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆจากต่างประเทศมาเรียน
นั่นก็คือเค้าเรียนจาก textbooks รามพอให้รู้พื้นฐาน จากนั้นก็หา textbooks กับสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆจากต่างประเทศมาเรียน ให้เกินหลักสูตรมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษราม ทำให้เค้าจบรามก็จริงแต่มีความรู้ภาษาอังกฤษเทียบเท่าเรียนจบเอกอังกฤษจากมหาลัยต่างประเทศดังๆ เพราะ textbooks กับสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆจากต่างประเทศพวกนี้ที่เค้าค้นเจอ (แล้วเอามาเรียนภาษาอังกฤษอย่างชาญฉลาด) มหาลัยจุฬาก็ยังไม่มีสอนนักศึกษา! ตอนนี้คนๆนี้เค้ากลายเป็น professor ด้านภาษาอังกฤษไปแล้วนะ
ในรอบ 20 กว่าปีที่เราทำงานแปลเอกสาร เวลาเราต้อง edit (ตรวจแก้) งานแปลเอกสารที่แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เรามีโอกาสได้ยลโฉม writing skills ของเด็กอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษที่จบมาระดับเกียรติ์นิยม คนหนึ่ง เค้าเขียนภาษาอังกฤษได้เป็นธรรมชาติสวยงามไม่มีที่ติ เค้าอายุแค่ประมาณ 36 เอง ไม่เพียงแต่จะเขียนเก่งเท่านั้น แต่เค้าพูดอังกฤษได้ชัดเหมือนเจ้าของภาษาอย่างน่าตกใจ เรายอมรับว่าขนาดเราไปใช้ชีวิตในประเทศอังกฤษตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบและกลับมาเมืองไทยตอนอายุเกือบๆสี่สิบเรายังไม่มีปัญญาที่จะเขียนภาษาอังกฤษให้เก่งเท่าเค้าได้เลย ที่บอกว่า "เขียนเก่งไม่เท่าเค้าหมายถึงเทียบ skills กันเมื่ออายุ 36 เท่าๆกันนะ" แต่ที่เรา edit (ตรวจแก้) ภาษาอังกฤษเค้าให้ได้ดีกว่าเดิมและสวยงามกว่าเดิม (เด็กจุฬาคนนั้นเค้ามาจ้างให้เราเป็น editor ให้เค้า) นั่นก็เพราะว่า ตอนเค้าอายุ 36 น่ะ เราอายุมากกว่าเค้าตั้งเยอะ และเรามีประสบการณ์การเขียนภาษาอังกฤษมากกว่าเค้า และในช่วงหลังๆนี่เราก็เรียนภาษาอังกฤษด้วย textbooks กับสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆจากต่างประเทศ (เรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีการอันเดียวกันกับที่ช้างเผือกจากราม คนที่เป็น professor ด้านภาษาอังกฤษ คนนั้นทำ นั่นแหละ (เพียงแต่เราเรียนแบบขี้เกียจๆ)) ภาษาอังกฤษเราถึงชนะเด็กอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษระดับเกียรติ์นิยมได้
^
และบอกตรงๆอย่าโกรธกัน ในรอบ 20 กว่าปีเกือบๆ 30 ปีที่ผ่านมา ในการทำงานที่ต้องอ่านภาษาอังกฤษของนักแปลหลายๆคนที่จบเอกอังกฤษจากมหาลัยหลายๆมหาลัยที่ต่างระดับชั้นกันมากๆ เราไม่เคยเห็นคนจบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษจากรามคนไหนที่จะเขียนภาษาอังกฤษได้สวยงามขนาดเด็กอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษระดับเกียรติ์นิยมคนนั้น เว้นเสียแต่จะเป็นช้างเผือกเชือกเดียวจากรามคนนั้นที่เรากล่าวถึง!
สรุป
จขกท ควรเลิกล้มความคิดที่จะเรียน 2 ภาษาภายในเวลา 4 ปี ที่รามได้แล้ว เพราะจบมาจะเป็นเป็ดทั้ง 2 ภาษา และไม่อยู่ในสภาพที่จะแข่งขันได้ในตลาดงานกับคนจบเอกด้านภาษาจากมหาลัยปิดดังๆ แต่ควรเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว โดยใช้วิธีการแบบที่ช้างเผือกจากรามคนนั้นเรียน แล้วตั้งใจเรียนให้จบมาจากรามแล้วเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าเด็กอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษระดับเกียรตินิยมให้ได้
เพื่อที่ว่า "คุณจะได้เป็นช้างเผือกอีกเชือกหนึ่งจากราม!"
^
เราเชื่อว่าคุณต้องทำได้ถ้าคุณทำตามที่เราแนะนำ!
ในรอบหลายสิบปีที่เราใช้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพเป็นนักแปล (ตอนสมัยทำงานในบริษัทแปล) เรามีโอกาสได้พบปะคนเรียนเอกอังกฤษหลายระดับชั้น ตั้งแต่จบเมืองนอก จบมหาลัยปิดดังๆ มหาลัยเปิด และจบแค่มัธยม (แต่ดันเก่งอังกฤษแบบเทพๆ) เมื่อเทียบ skills ที่ใช้ทำงานได้จริงๆแล้วพบว่าคนจบมนุษยศาสตร์เอกอังกฤษรามเสียเปรียบคนจบเอกอังกฤษมหาลัยปิดดังๆเยอะมากๆ หลายๆคนที่จบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามภาษาอังกฤษยังอ่อนมากๆ แบบทำงานแปลหรือล่ามไม่ได้เลย ส่วนใหญ่จะทำได้คืองานพิมพ์ดีด เสมียน หรือถ้าใช้ภาษาอังกฤษจริงๆอย่างมากก็ทำได้แค่ขายของตามร้านในย่านนักท่องเที่ยวหรือพนักงานเสิร์ฟตามร้านอาหารฝรั่ง เหตุผลก็เพราะว่าภาษาพูดมันง่ายกว่าภาษาเขียน
เหตุผลที่คนจบมนุษยศาสตร์เอกอังกฤษรามเสียเปรียบคนจบเอกอังกฤษมหาลัยปิดดังๆมีดังต่อไปนี้
1 มหาลัยปิดดังๆคัดแต่เด็กเก่งๆเข้าไปเรียน ซึ่งพวกเค้าได้เปรียบตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว
2 มหาลัยปิดดังๆซอยนักศึกษาออกเป็น sections เล็กๆ เพื่อฝึก skills ต่างๆได้ โดยอาจารย์ช่วยนักศึกษาพัฒนา skills ได้ง่ายเพราะนักศึกษามีจำนวนน้อย เช่น conversation หรือ writing อาจารย์ลงมาช่วยนักศึกษาได้อย่างใกล้ชิด แต่ในกรณีของรามนักศึกษามีจำนวนมหาศาล ไม่มีทางทำได้
3 เกณฑ์การวัดผลรามต่ำ ข้อสอบเดาได้ง่ายมากๆ ถ้าไปติวกับติวเตอร์ดังๆก็จะรู้วิธีเดาข้อสอบ (เรารู้เรื่องนี้เพราะเราเคยซื้อ textbooks ทั้งหมดของมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษราม และซื้อข้อสอบเก่าๆของมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษราม มาศึกษาโดยละเอียด เพื่อหาทางประกอบอาชีพเป็นติวเตอร์หน้าราม)
*****อย่างไรก็ตามเราจะแนะนำนักศึกษามนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามว่า "ทำอย่างไรคุณจึงจะเรียนจบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามแล้วเก่งภาษาอังกฤษชนะคนจบอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษระดับเกียรตินิยมได้"*****
มีคนๆหนึ่งเรียนจบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามแล้วเก่งอังกฤษชนะคนจบอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษแบบขาดลอยเลยหละ (เค้าเคยเล่น pantip) นับว่าเป็นช้างเผือกเชือกเดียวที่หลงมาจากรามฯ ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา! ประวัติคนๆนี้นะ เค้ารักภาษาอังกฤษมากๆแต่พ่อแม่ไม่ให้เรียนเอกอังกฤษ เค้าเลยเรียนเอกบัญชีแล้วจบมาจากมหาลัยปิดชั้นนำ แล้วเค้าไปเรียนมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษรามเป็นปริญญาใบที่สอง จากนั้นไปเรียนปริญญาโท กับปริญญาเอกภาษาอังกฤษ จนกลายเป็นนักภาษาศาสตร์ และเก่งระดับเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษให้ฝรั่งในมหาลัยในอเมริกาได้
^
จะบอกให้ว่าเค้าทำยังไง
เค้าใช้ textbooks ของรามเป็นแค่เครื่องมือหา keywords ว่า topics ต่างๆในวิชา English studies มันมีอะไรบ้างที่จะต้องเรียนรู้เพื่อพัฒนา skills ทั้งหมด และใช้ keywords เหล่านั้นไปค้น textbooks กับสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆจากต่างประเทศมาเรียน
นั่นก็คือเค้าเรียนจาก textbooks รามพอให้รู้พื้นฐาน จากนั้นก็หา textbooks กับสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆจากต่างประเทศมาเรียน ให้เกินหลักสูตรมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษราม ทำให้เค้าจบรามก็จริงแต่มีความรู้ภาษาอังกฤษเทียบเท่าเรียนจบเอกอังกฤษจากมหาลัยต่างประเทศดังๆ เพราะ textbooks กับสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆจากต่างประเทศพวกนี้ที่เค้าค้นเจอ (แล้วเอามาเรียนภาษาอังกฤษอย่างชาญฉลาด) มหาลัยจุฬาก็ยังไม่มีสอนนักศึกษา! ตอนนี้คนๆนี้เค้ากลายเป็น professor ด้านภาษาอังกฤษไปแล้วนะ
ในรอบ 20 กว่าปีที่เราทำงานแปลเอกสาร เวลาเราต้อง edit (ตรวจแก้) งานแปลเอกสารที่แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เรามีโอกาสได้ยลโฉม writing skills ของเด็กอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษที่จบมาระดับเกียรติ์นิยม คนหนึ่ง เค้าเขียนภาษาอังกฤษได้เป็นธรรมชาติสวยงามไม่มีที่ติ เค้าอายุแค่ประมาณ 36 เอง ไม่เพียงแต่จะเขียนเก่งเท่านั้น แต่เค้าพูดอังกฤษได้ชัดเหมือนเจ้าของภาษาอย่างน่าตกใจ เรายอมรับว่าขนาดเราไปใช้ชีวิตในประเทศอังกฤษตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบและกลับมาเมืองไทยตอนอายุเกือบๆสี่สิบเรายังไม่มีปัญญาที่จะเขียนภาษาอังกฤษให้เก่งเท่าเค้าได้เลย ที่บอกว่า "เขียนเก่งไม่เท่าเค้าหมายถึงเทียบ skills กันเมื่ออายุ 36 เท่าๆกันนะ" แต่ที่เรา edit (ตรวจแก้) ภาษาอังกฤษเค้าให้ได้ดีกว่าเดิมและสวยงามกว่าเดิม (เด็กจุฬาคนนั้นเค้ามาจ้างให้เราเป็น editor ให้เค้า) นั่นก็เพราะว่า ตอนเค้าอายุ 36 น่ะ เราอายุมากกว่าเค้าตั้งเยอะ และเรามีประสบการณ์การเขียนภาษาอังกฤษมากกว่าเค้า และในช่วงหลังๆนี่เราก็เรียนภาษาอังกฤษด้วย textbooks กับสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆจากต่างประเทศ (เรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีการอันเดียวกันกับที่ช้างเผือกจากราม คนที่เป็น professor ด้านภาษาอังกฤษ คนนั้นทำ นั่นแหละ (เพียงแต่เราเรียนแบบขี้เกียจๆ)) ภาษาอังกฤษเราถึงชนะเด็กอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษระดับเกียรติ์นิยมได้
^
และบอกตรงๆอย่าโกรธกัน ในรอบ 20 กว่าปีเกือบๆ 30 ปีที่ผ่านมา ในการทำงานที่ต้องอ่านภาษาอังกฤษของนักแปลหลายๆคนที่จบเอกอังกฤษจากมหาลัยหลายๆมหาลัยที่ต่างระดับชั้นกันมากๆ เราไม่เคยเห็นคนจบมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษจากรามคนไหนที่จะเขียนภาษาอังกฤษได้สวยงามขนาดเด็กอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษระดับเกียรติ์นิยมคนนั้น เว้นเสียแต่จะเป็นช้างเผือกเชือกเดียวจากรามคนนั้นที่เรากล่าวถึง!
สรุป
จขกท ควรเลิกล้มความคิดที่จะเรียน 2 ภาษาภายในเวลา 4 ปี ที่รามได้แล้ว เพราะจบมาจะเป็นเป็ดทั้ง 2 ภาษา และไม่อยู่ในสภาพที่จะแข่งขันได้ในตลาดงานกับคนจบเอกด้านภาษาจากมหาลัยปิดดังๆ แต่ควรเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว โดยใช้วิธีการแบบที่ช้างเผือกจากรามคนนั้นเรียน แล้วตั้งใจเรียนให้จบมาจากรามแล้วเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าเด็กอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษระดับเกียรตินิยมให้ได้
เพื่อที่ว่า "คุณจะได้เป็นช้างเผือกอีกเชือกหนึ่งจากราม!"
^
เราเชื่อว่าคุณต้องทำได้ถ้าคุณทำตามที่เราแนะนำ!
สมาชิกหมายเลข 732950 ถูกใจ, อยากรู้อะไรให้ถาม ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 1215818 ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 1049556 ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 2180134 ทึ่ง, พาโกะจัง ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1302963 ถูกใจ, lesson one ถูกใจ, เด็กชายหัวหอม ถูกใจ, ค อ ป เ ต อ ร์ ไ ม้ ไ ผ่ ถูกใจรวมถึงอีก 1 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
ตัดสินใจเรียนราม ระหว่างมนุษยศาสตร์เอกEng โทญี่ปุ่น หรือเอกญี่ปุ่น โทEngดีคะ ช่วยแนะนำทีค่ะ
ขอเล่าคร่าวๆนิดนึงนะคะ คือเราลาออกจากมหาลัยปิดแห่งหนึ่งมา เพราะว่าคณะที่เราเรียนอยู่ (สายวิทย์สุขภาพค่ะ)
เราไม่สามารถทำใจให้ชอบและเรียนต่ออย่างมีความสุขได้ เราจึงคุยกับพ่อแม่ และตัดสินใจลาออกตอนปี2 เทอม1 ซึ่งไม่กี่วันมานี้เอง
ความตั้งใจของเราคือ เรารู้ตัวมานานว่าอยากเรียนภาษา อยากเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ และทำงานในด้านภาษาค่ะ
เลยไม่อยากรอช้า รีบหาข้อมูล คุยกับญาติๆที่พอมีประสบการณ์ ช่วยตัดสินใจ
ภาษาที่เราสนใจ คือ
1.ภาษาอังกฤษที่เราหมายมั่นว่า เราจะต้องเก่ง ฟัง พูด อ่าน เขียน คล่องปรื๋อให้ได้ 5555 ผลการเรียนภาษาอังกฤษของเราเมื่อก่อน
ดีมาก แต่ตอนนี้เริ่มอ่อนลงใช้ได้ละ แต่คิดว่าถ้าได้เรียน เคาะสนิม น่าจะพัฒนาได้ดีขึ้นนะ เราว่า - -"
2.ภาษาญี่ปุ่นค่ะ จริงๆลังเลว่าระหว่างจีนกับญี่ปุ่น จะเลือกเรียนอะไรดี เพราะเริ่มจากศูนย์ทั้งคู่เลย
แต่เราคิดไปคิดมา เราอยากเรียนญี่ปุ่นมากกว่า ด้วยเพราะอยากเรียนจริงๆ และเห็นว่าญี่ปุ่น มีความต้องการของ
ตลาดค่อนข้างมากเลย เราเองก็สนใจวัฒนธรรมเค้ามากๆเลย ยิ่งทำให้เราสนใจมากขึ้นไปอีกค่ะ
เพราะเราเองก็ไม่อยากแอดมิชชั่นใหม่ และเราอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ เราคิดว่าสามารถรับผิดชอบเรื่องการเรียนของตัวเองได้
เราไม่ใช่เด็กเกเรค่ะ 5555
ทีนี้ปัญหาที่เราอยากให้พี่ๆช่วยแนะนำ คือ ความต้องการของเราคืออยากเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งพอที่จะสมัครงานและนำไปใช้
ในชีวิตประจำวันได้ดี และเราก็อยากเก่งญี่ปุ่นเหมือนเก่งอังกฤษด้วย คิดว่าเราอยากใช้ความสามารถญี่ปุ่นเป็นทางที่จะเข้าทำงานได้ด้วยค่ะ
ที่สำคัญถ้าเราได้วุฒิญี่ปุ่นด้วย จะโอเคมากๆเลย
ต้องการมากไปมั้ยนะ
เพราะส่วนใหญ่บริษัทที่เค้ารับคนที่ชำนาญในภาษาญี่ปุ่น ต้องมีภาษาอังกฤษที่ดีมากด้วยอ่ะคะ
เราเลยคิดว่า จะเลือกเรียนต่อ เอก อะไรดี เรามีแผนประมาณนี้ค่ะ
แผนที่ 1 เรียนเอกอังกฤษ โทญี่ปุ่น ตอนเรียนวิชาโท ก็ไปหาที่สอนพิเศษเรียนเพิ่มเติมควบคู่กันไป
แล้วค่อยเรียนเอกญี่ปุ่นต่อ หลังจากเรียนจบปริญญาใบแรก หรือหาเรียนต่อเพื่อเอาปริญญาอีกใบ
ความคาดหวังคืออยากสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่น ได้เยอะๆด้วย
แผนที่ 2 เรียนเอกญี่ปุ่น โทอังกฤษ ถ้าอย่างนี้เราคงโอเคในภาษาญี่ปุ่นระดับหนึ่งละ แต่เราก็กลัวว่าอังกฤษจะดีตามเราคาดมั้ย
เราอยากให้ expert ไปเลย ซึ่งวิชาโท เรียนประมาณ 24 หน่อยกิจค่ะ เราก็คงต้องเรียนเพิ่มเติมอีกนั่นแหละ จริงๆ เราอยากให้ภาษา
อังกฤษเรา เข้มแข็งก่อน
เราทราบดีว่า ภาษาต้องใช้การฝึกฝนมากๆ กว่าจะชำนาญ มันก็นานพอสมควร ถ้าจะให้เก่งคงต้องพยายามอย่างมากเหมือนกัน
แต่ในตอนนี้ปริญญาสำคัญกับเรา เราอยากหางานทำเมื่อเรียนจบ เราอยากทำให้พ่อแม่ดีใจ และภูมิใจในตัวเรา
ที่เราตัดสินใจเปลี่ยนสายมาอย่างนี้ เรารู้ว่าท่านเครียดมาก แต่จะมีพ่อแม่สักกี่คนที่ยอมรับความคิดของเรา
ทั้งๆที่ ถ้าเราเรียนที่เดิม อนาคตมันชัดเจนอยู่แล้ว แต่เราอยากเลือกความสุขและสุขภาพจิตของเราบ้างค่ะ 55555 เกือบซึ้งละ
เราไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง และอยากใช้ความชอบเป็นอาชีพเลี้ยงดูท่านได้ค่ะ
เราจึงอยากขอคำแนะนำจากพี่ๆ ค่ะว่า
เราจะเลือกเอกอะไรดี หรือพี่ๆ มีคำแนะนำนอกเหนือจากนี้ ก็ยินดีนะคะ
แต่อย่างไรเสีย เราจะเข้ารามคำแหงแล้วละค่ะ
เขียนวกวนใช่มั้ยค่ะ 55555 เพราะไม่ได้เตรียมแบบร่างอะไรมาก่อนเลย ค่อนข้างคิดมากจริงๆ
ขอบคุณที่อ่านจนจบ และขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ความคิดเห็นของทุกคนเราจะพิจารณาอย่างดีเลยค่ะ