หลังจากงานหนังสือจบไป เชื่อว่าหลายๆคนคงได้หนังสือติดไม้ติดมือกลับบ้านกันมาพอสมควร
และสำหรับอิชั้นก็ตั้งอกตั้งใจไปซื้อเล่มนี้มาอ่านค่ะ (เขียนรีวิวครั้งแรกในชีวิต)
“1 ปีที่ผมอยู่ในอเมริกา” ผลงานของ ชี้ดาบ
จริงๆแล้วอิชั้นเคยอ่านเนื้อเรืองจาก Fanpage ของเจ้าคนผลงานมาก่อนแล้ว
แต่อิชั้นคิดว่า การอ่านจากหน้าจอ ก็ไม่ฟินเท่าอ่านจากกระดาษ จึงต้องดั้นด้นไปซื้อถึงงานหนังสือ
เอาเป็นว่า รีวิวไปทีละข้อเลยแล้วกันนะคะ
-ขนาดหนังสือ: เป็นขนาดพ็อคเก็ตบุ๊ค กะทัดรัดพกง่ายดีค่ะ อิชั้นใส่กระเป๋าสะพาย (แบบผู้หญิง) ไปอ่านได้ทุกที่
-ปก: รูปภาพประกอบหน้าปกเป็นกราฟฟิคที่บ่งบอกความ เกรียน อย่างมีสาระ ได้ดี และมีคำโปรยทีปกหลังที่ทำให้อิชั้นต้องเปิดเข้าไปอ่านต่อค่ะ
-เนื้อหา: ครั้งแรกที่อิชั้นเปิดเข้าไปอ่านเนื้อเรืองจาก Fanpage หนังสือเล่มนี้ก็ทำให้อิชั้นต้อง ถ่ า ง ตาอ่านให้จบโดยไวค่ะ ประมาณว่าอ่านจนสว่างคาตา และพอมาอ่านเนื้อหาที่เป็นรูปเล่มอีกครั้ง (ก็เนื้อหาเดียวกันกับหน้า fanpage) แต่อิชั้นก็ไม่สามารถวางหนังสือเล่มนี้ได้ลงค่ะ เนื้อหาน่ามันเกรียนได้อย่างน่าติดตามมาก
-เรื่องย่อ: เด็กนักเรียน เกรียนๆคนหนึ่ง จากภาคเหนือของไทย ที่ได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา ด้วยความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีสาระมากขึ้น แต่กลับต้องพบเจอกับอุปสรรค์ทั้งจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัจจัยภายนอก และความเกรียน ติดเกม ไม่เอาถ่านซึ่งเป็นปัจจัยภายในตัวของเขาเองอีกด้วย ซึ่งพออ่านแล้วมันไม่ใช่แค่ไดอารี่ประจำวันของเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนคนหนึ่ง เหมือนที่เราเคยอ่านทั่วไปค่ะ แต่มันคือเรื่องราวที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านได้ดีเลยทีเดียว
-วิธีการเขียน: ผู้เขียน ถ่ายทอดเนื้อหา สาระได้สนุกสนาน เป็นกันเองดีค่ะ ใช้ภาษาเรียบง่าย ทันสมัย ใช้ถ้อยคำที่ดึงอารมผู้อ่านให้มีส่วนร่วมได้ดี มีการดำเนินเรื่องที่ไม่น่าเบื่อค่ะ มีภาพวาดประกอบทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้น และมีสอดแทรกมุกตลก จนทำอิชั้นอ่านไปขำไปอยู่เดียว จึงอยากจะขอเตือนเพื่อนๆที่จะอ่านเล่มนี้ ให้ระวังค่ะ ถ้าอ่านในที่สาธารณะ ก็จงเก็บๆอาการกันนิดนึง เดี๋ยวเขาหาว่าบ้าค่ะ
-คุณค่าที่ได้รับ: จากเนื้อหาอิชั้นพบว่า ผู้เขียนได้สอดแทรกสาระไว้ดังนี้
1) ความแตกต่างของวิถีชีวิตแบบไทยๆ และอเมริกัน
(ไม่ได้ชี้แนะว่าใครดีกว่ากัน แต่แสดงให้เห็นถึงข้อดีคนละอย่าง)
2) ความแตกต่างของระบบการศึกษาระหว่างไทยกับอเมริกา
3) เทคนิคการใช้ชีวิตในต่างแดน
4) เทคนิคการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย
5) เทคนิคการสร้างความมั่นใจในตัวเอง
6) ทำให้ผู้อ่านเกิดแรงบันดาลใจ ความกล้า (และหน้าด้าน) ที่จะทำสิ่งดีๆ ที่ยังไม่เคยลองทำ
-สรุป: โดยรวมจากทุกสิ่งอย่าง จากคะแนนเต็ม 10 อิชั้นให้หนังสือเล่มนี้ 8 ค่ะ (ขอหักอีก 2 คะแนนไป เพราะมันทำให้อิชั้นอยากติดตาม season 2 โดยเร็ว แต่มันยังไม่มาซะทีค่ะ --; )
ส่วนตัวอิชั้นคิดว่าหนังสือเล่มนี้จะเหมาะกับ...
1. คนที่กำลังคิดจะสมัครเป็นเด็กแลกเปลี่ยน กำลังจะไปเป็นเด็กแลกเปลี่ยน หรือกำลังคิดจะไปเรียนต่างประเทศ ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูค่ะ จะเตรียมตัว เตรียมใจได้ถูก
2. คนที่กำลังค้นหาตัวเอง ค้นหาแรงบันดาลใจ คนที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง อ่านเล่มนี้แล้วคุณจะได้ข้อคิดอะไรอีกเยอะ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นวัยรุ่นนะคะ (เพราะอิชั้นก็เลยคำว่าวัยรุ่นมาไกลแล้วค่ะ --; )
3. คนที่อยากหาความบันเทิงเริงใจค่ะ คือจริงๆถ้าไม่เน้นสาระ จะอ่านเอาฮา เพื่อความบันเทิงอย่างเดียวก็ได้นะคะ มันคือเรื่องจริง ที่ยิ่งกว่าละครหรือซีรีส์เกาหลีอีกค่ะ
4. คนที่ทำงานด้านการศึกษา พ่อ แม่ ผู้ปกครองก็ควรอ่านไว้นะคะ จะได้เข้าใจวัยรุ่นมากขึ้น และใส่ใจกับการให้เด็กได้เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตอยู่กับโลกความจริง มากกว่าตำราค่ะ
ป.ล.เป็นรีวิวที่อิชั้นไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับหนังสือเล่มนี้นะคะ แค่อยากแบ่งปันค่ะ
ใครอ่านแล้วเป็นอย่างไร มาเล่าสู่กันฟังนะคะ
[CR] รีวิวหนังสือ "1ปี กับชีวิตที่ผมอยู่ในอเมริกา"
และสำหรับอิชั้นก็ตั้งอกตั้งใจไปซื้อเล่มนี้มาอ่านค่ะ (เขียนรีวิวครั้งแรกในชีวิต)
“1 ปีที่ผมอยู่ในอเมริกา” ผลงานของ ชี้ดาบ
จริงๆแล้วอิชั้นเคยอ่านเนื้อเรืองจาก Fanpage ของเจ้าคนผลงานมาก่อนแล้ว
แต่อิชั้นคิดว่า การอ่านจากหน้าจอ ก็ไม่ฟินเท่าอ่านจากกระดาษ จึงต้องดั้นด้นไปซื้อถึงงานหนังสือ
เอาเป็นว่า รีวิวไปทีละข้อเลยแล้วกันนะคะ
-ขนาดหนังสือ: เป็นขนาดพ็อคเก็ตบุ๊ค กะทัดรัดพกง่ายดีค่ะ อิชั้นใส่กระเป๋าสะพาย (แบบผู้หญิง) ไปอ่านได้ทุกที่
-ปก: รูปภาพประกอบหน้าปกเป็นกราฟฟิคที่บ่งบอกความ เกรียน อย่างมีสาระ ได้ดี และมีคำโปรยทีปกหลังที่ทำให้อิชั้นต้องเปิดเข้าไปอ่านต่อค่ะ
-เนื้อหา: ครั้งแรกที่อิชั้นเปิดเข้าไปอ่านเนื้อเรืองจาก Fanpage หนังสือเล่มนี้ก็ทำให้อิชั้นต้อง ถ่ า ง ตาอ่านให้จบโดยไวค่ะ ประมาณว่าอ่านจนสว่างคาตา และพอมาอ่านเนื้อหาที่เป็นรูปเล่มอีกครั้ง (ก็เนื้อหาเดียวกันกับหน้า fanpage) แต่อิชั้นก็ไม่สามารถวางหนังสือเล่มนี้ได้ลงค่ะ เนื้อหาน่ามันเกรียนได้อย่างน่าติดตามมาก
-เรื่องย่อ: เด็กนักเรียน เกรียนๆคนหนึ่ง จากภาคเหนือของไทย ที่ได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา ด้วยความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีสาระมากขึ้น แต่กลับต้องพบเจอกับอุปสรรค์ทั้งจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัจจัยภายนอก และความเกรียน ติดเกม ไม่เอาถ่านซึ่งเป็นปัจจัยภายในตัวของเขาเองอีกด้วย ซึ่งพออ่านแล้วมันไม่ใช่แค่ไดอารี่ประจำวันของเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนคนหนึ่ง เหมือนที่เราเคยอ่านทั่วไปค่ะ แต่มันคือเรื่องราวที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านได้ดีเลยทีเดียว
-วิธีการเขียน: ผู้เขียน ถ่ายทอดเนื้อหา สาระได้สนุกสนาน เป็นกันเองดีค่ะ ใช้ภาษาเรียบง่าย ทันสมัย ใช้ถ้อยคำที่ดึงอารมผู้อ่านให้มีส่วนร่วมได้ดี มีการดำเนินเรื่องที่ไม่น่าเบื่อค่ะ มีภาพวาดประกอบทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้น และมีสอดแทรกมุกตลก จนทำอิชั้นอ่านไปขำไปอยู่เดียว จึงอยากจะขอเตือนเพื่อนๆที่จะอ่านเล่มนี้ ให้ระวังค่ะ ถ้าอ่านในที่สาธารณะ ก็จงเก็บๆอาการกันนิดนึง เดี๋ยวเขาหาว่าบ้าค่ะ
-คุณค่าที่ได้รับ: จากเนื้อหาอิชั้นพบว่า ผู้เขียนได้สอดแทรกสาระไว้ดังนี้
1) ความแตกต่างของวิถีชีวิตแบบไทยๆ และอเมริกัน
(ไม่ได้ชี้แนะว่าใครดีกว่ากัน แต่แสดงให้เห็นถึงข้อดีคนละอย่าง)
2) ความแตกต่างของระบบการศึกษาระหว่างไทยกับอเมริกา
3) เทคนิคการใช้ชีวิตในต่างแดน
4) เทคนิคการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย
5) เทคนิคการสร้างความมั่นใจในตัวเอง
6) ทำให้ผู้อ่านเกิดแรงบันดาลใจ ความกล้า (และหน้าด้าน) ที่จะทำสิ่งดีๆ ที่ยังไม่เคยลองทำ
-สรุป: โดยรวมจากทุกสิ่งอย่าง จากคะแนนเต็ม 10 อิชั้นให้หนังสือเล่มนี้ 8 ค่ะ (ขอหักอีก 2 คะแนนไป เพราะมันทำให้อิชั้นอยากติดตาม season 2 โดยเร็ว แต่มันยังไม่มาซะทีค่ะ --; )
ส่วนตัวอิชั้นคิดว่าหนังสือเล่มนี้จะเหมาะกับ...
1. คนที่กำลังคิดจะสมัครเป็นเด็กแลกเปลี่ยน กำลังจะไปเป็นเด็กแลกเปลี่ยน หรือกำลังคิดจะไปเรียนต่างประเทศ ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูค่ะ จะเตรียมตัว เตรียมใจได้ถูก
2. คนที่กำลังค้นหาตัวเอง ค้นหาแรงบันดาลใจ คนที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง อ่านเล่มนี้แล้วคุณจะได้ข้อคิดอะไรอีกเยอะ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นวัยรุ่นนะคะ (เพราะอิชั้นก็เลยคำว่าวัยรุ่นมาไกลแล้วค่ะ --; )
3. คนที่อยากหาความบันเทิงเริงใจค่ะ คือจริงๆถ้าไม่เน้นสาระ จะอ่านเอาฮา เพื่อความบันเทิงอย่างเดียวก็ได้นะคะ มันคือเรื่องจริง ที่ยิ่งกว่าละครหรือซีรีส์เกาหลีอีกค่ะ
4. คนที่ทำงานด้านการศึกษา พ่อ แม่ ผู้ปกครองก็ควรอ่านไว้นะคะ จะได้เข้าใจวัยรุ่นมากขึ้น และใส่ใจกับการให้เด็กได้เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตอยู่กับโลกความจริง มากกว่าตำราค่ะ
ป.ล.เป็นรีวิวที่อิชั้นไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับหนังสือเล่มนี้นะคะ แค่อยากแบ่งปันค่ะ
ใครอ่านแล้วเป็นอย่างไร มาเล่าสู่กันฟังนะคะ