เมื่อไม่นานมานี้ ผมกับเพื่อนได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่ โดยใช้บริการรถเช่าของ RichCarRent ครับ ใช้บริการมาครั้งนี้ครั้งที่ 2 แล้วครับ ครั้งแรกใช้เที่ยวตอนปีใหม่เมื่อต้นปี 57 เพิ่งมีโอกาสได้มาเขียนความประทับใจกับการใช้บริการของ RichCarRent ครับ
ตอนเช่าครั้งแรกผมพยายามหา Review ในหลายๆที่เกี่ยวกับรถเช่าของ RiChCarRent แต่หาไม่ได้เลย เลยต้องเสี่ยงดวงเอาเอง เป็นไงเป็นกัน ผมก็ได้ติดต่อไปที่เบอร์ให้ตามหน้าเว็บ พี่นิดาเป็นคนรับเรื่อง ในตอนนั้นผมได้หาราคาเปรียบเทียบกันในหลายๆเจ้า พบว่าราคาไม่ต่างกันเลย แต่ผมเน้นรถรุ่นใหม่ๆ รถจำพวกรุ่นกลางๆ vios, jazz, city เลยตกลงปลงใจกับ RichCarRent เพราะรถสภาพใหม่ ถูกใจดี (ก่อนจองผมจะถามว่ารถออกมาปีไหน รุ่นไหน 555+ เรื่องเยอะเนาะ ก้อเอาไปปีนเขาปีนดอย อยากได้ประหยัดน้ำมันด้วย เพราะรุ่นใหม่ๆจะประหยัดน้ำมันกว่ารถรุ่นเก่า ผมเลยเน้นขอรถรุ่นใหม่ๆหน่อย)
ก่อนหน้านี้ผมเคยเจอกระทู้ในพันทิพย์เล่าประสบการณ์แย่ๆในการเช่ารถเยอะมาก ผมจึงต้องระมัดระวังพอสมควร กลัวโดนแบบคนอื่นเขา ในวันรับรถ (ผมรับรถที่นครชัยแอร์ เชียงใหม่) ผมกับเพื่อนนิช่วยกันเดินรอบรถ ดูรอยตรงไหนยังไง ถ่ายรูปเก็บไว้หมดเลย พี่คนที่เอารถมาส่ง แกก้อไม่ว่าอะไร แกออกแนวขำๆและบอกผมว่า รอยขนแมว รอยเล็กๆน้อยๆ แกไม่คิดค่าปรับหรอกครับ จะคิดแต่รอยใหญ่ๆ รอยบุบ รอยบุ๋ม รอยชน แต่ผมกับเพื่อนก้อกันไว้ก่อน ใช้เวลานานพอควรในการดูสภาพรถก่อนรับมา ก้อมีรอยเก่าเล็กๆน้อยๆ แต่สภาพรถที่รับมานั้น โดนใจผมมาก ใหม่เอี่ยมอ่อง สภาพดีมาก ถูกใจสุดๆ (แต่ในวันรับรถในรอบที่สองนั้น พวกผมไม่เช็คอะไรมากเลย เดินดูรอบๆ ถ่ายรูปรอยที่เห็นเด่นชัด)
ความประทับใจรอบแรก เกิดขึ้นจากเรื่องค่าปรับรอยขูดขอบถนน คือผมขับรถไปขูดกับขอบถนนมาครับ ตั้งแต่สเกิร์ตหน้าด้านซ้าย เป็นรอยยาวมาจนถึงล้อและแม็กซ์ซ้าย เป็นรอยยาวมาก และเยอะมาก ตอนนั้นคิดไว้กับเพื่อนแล้วละว่า เงินมัดจำ 3000 บาท คงไม่ได้คืนกันละ ดีไม่ดีอาจได้จ่ายเพิ่มอีก พอวันส่งรถคืน พี่นิดามารับรถเอง ผมก็บอกพี่นิดาไปว่า ผมขับรถไปขูดกับขอบถนนมาก แกก็เดินไปดูรอยขูด แล้วบอกว่าผม "งั้นพี่นิดาขอปรับ 500 ละกันนะ เพราะเดี๋ยวพี่ไปเคลมสีกับประกันเอาได้ค่ะ" ผมกับเพื่อนนิ อึ้งกันเลยครับ เพราะในสัญญาเช่ารถระบุว่ารถเป็นรอยขนาดยาวไม่เกิน 10 ซม. ปรับ 1000 บาท แต่ถ้าเกินจากนั้นปรับ 3000 บาท พอพี่นิดาบอกปรับ 500 บาท ผมทั้งดีใจและขอบคุณกับความใจดีของพี่เขาเลยครับ ยังคิดกันกับเพื่อนอยู่เลย ว่าถ้าเป็นที่อื่นจะโดนปรับน้อยขนาดนี้ไหม เพราะมันเป็นรอยยาวมาก และเป็นรอยเยอะครับ
ความประทับใจในรอบที่สอง เกิดจากการส่งรถล่าช้า ปกติถ้าส่งรถคืนช้าจะปรับ ชม. ละ 100 บาท แต่ไม่เกิน 4 ชม. ถ้าเกิน 4 ชม. จะคิดเป็น 1 วัน ในรอบสองนั้น เพื่อนผมอยากขอส่งรถช้า เพราะพักกันที่โรงแรมในเมือง โรงแรมมีสระว่ายน้ำให้ แล้วเพื่อนชอบว่ายน้ำ เลยอยากตื่นมาว่ายน้ำตอนเช้า แล้วต้องคืนรถตอน 9.00 น. เลยขอส่งรถเป็น 10.00 น. ช้าไป 1 ชม. ผมก็ได้โทรติดต่อแจ้งพี่นิดา พี่นิดาเลยถามผมว่า พวกผมต้องขึ้นรถที่ บขส.กลับกันกี่โมง ผมก็บอกว่า 16.30 พี่นิดาเลยเสนอว่า งั้นส่งรถพี่เขา 16.00 น. พี่เค้าคิดเพิ่มอีก 500 บาท พอผมไปปรึกษาเพื่อน พวกมันก็ดีใจกันยกใหญ่ เพราะปกติวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ถ้าพวกผมส่งรถแล้ว จะไปไหนไม่ได้เลย ได้เที่ยวกันมากสุดแค่ขึ้นดอยสุเทพ อาศัยรถแดง พอคิดราคาค่ารถแดงขึ้นลงดอยต่อคนแล้ว คงเกือบๆ 500 บาท (ไปกันสี่คน รอบแรกไปกันสามคน หมดค่ารถแดงขึ้นลงดอยไปเกือบ 400 บาท) พวกผมจึงตอบรับข้อตกลงที่พี่นิดายื่นมาให้ ทำให้ในวันสุดท้าย พวกผมสามารถเที่ยวได้เยอะขึ้น ไปดอยสุเทพ ดอยปุย ตำหนักภุพิงค์ แวะเที่ยวในเมืองอีก (ปกติลงดอยมา ต้องมานั่งแง่วรอขึ้นรถกลับกันอย่างเดียว)
อันนี้อยากเล่าอีกเรื่อง ในวันคืนรถในรอบที่สองนี้ ด้วยความที่ไม่ได้ตรวจสภาพรถดีพอในตอนรับรถ ตอนคืน ผมสังเกตุว่ารถที่ผมเช่า สเกิร์ตด้านหน้านิเป็นรอยยาวทั้งแถบเลย (ไม่ใช่ฝีมือผมทำแน่นอน) ในใจนิก็กลัวนะ กลัวเขาหาว่าเราเป็นคนทำ เพราะตอนรับรถ ไม่ได้เห็นในจุดนี้ ในสัญญาเช่ารถก็ไม่ได้ลงตำหนิในตำแหน่งนี้ ปรากฎว่าตอนคืนรถ พี่นิดาก็ตรวจรอบคันรถตามปกติ (แต่ผมไม่ได้บอกว่าเพิ่งเห็นรอยที่สเกิร์ต) แกก้อไม่ได้ว่าอะไร คืนเงินให้หมด (รอบนี้ผมไม่ได้สร้างรอยแผลใดๆ) เพราะผมเคยเจอกระทู้หนึ่งบอกว่ารถเช่า สวมรอยเก่าที่มากับรถ ว่าเป็นฝีมือเราทำ ด้วยตอนที่รับรถไม่ได้ระบุตำหนิในตำแหน่งนี้ เลยโดยรถเช่าปรับไป แต่พี่นิดารับรถคืนนั้น แกจะไม่ถือสัญญาเช่ามานะครับ บางที่เห็นเพื่อนบอกถือสัญญาเช่ารถมาด้วย ตรวจตำหนิรถที่ลงไว้ในสัญญาและหารอยตำหนิใหม่ คือแบบตรวจละเอียดยิบเลย แต่ของ RichCarRent นั้นไม่ใช่แบบนั้น พี่นิดาจะเดินดูรอบๆรถ ตรวจแค่รอยใหญ่ๆ ถ้าไม่มีก็จบไป แต่ถ้ามีรอยตำหนิมากับรถ พี่เขาจะลงรายละเอียดตำหนิในสัญญาชัดเจนเลย
เพื่อนผมบอกว่า ผมเช่ารถแพง แต่ในมุมมองของผม ราคาเช่ากับสภาพรถที่ได้ ผมถือว่าโอเคนะครับ เพราะเพื่อนได้รถเช่าราคาถูกกว่านี้ (ต่างกัน 200 - 300 บาท) แต่สภาพรถเป็นรถรุ่นเก่า แต่ไม่ถูกใจผม เพราะเน้นรถรุ่นใหม่ๆ 555
ถือว่าผมโชคดีมาก ที่ได้มาใช้บริการรถเช่าของ RichCarRent ผมไม่รู้ว่ารถเช่าเจ้าอื่นจะมีอะไรแบบนี้บ้างไหมนะครับ อันนี้ผมมาเล่าสู่กันฟัง ว่าพี่นิดาใจดีมาก คิดว่าไปเที่ยวในรอบต่อไป คงไปใช้บริการกับ RichCarRent อีกละครับ ใครมีประสบการณ์ดีๆแบบนี้ มาเล่าสู่กันฟังบ้างไหมครับ เผื่อเอาไว้เป็นทางเลือกให้กับคนที่สนใจใช้บริการรถเช่าครับ หรือใครมีประสบการณ์แย่ๆ ก็แชร์ๆกันได้นะครับ ชาวพันทิพย์จะได้หลีกเลี่ยงกันครับ
[CR] ความประทับใจกับรถเช่า RichCarRent
ตอนเช่าครั้งแรกผมพยายามหา Review ในหลายๆที่เกี่ยวกับรถเช่าของ RiChCarRent แต่หาไม่ได้เลย เลยต้องเสี่ยงดวงเอาเอง เป็นไงเป็นกัน ผมก็ได้ติดต่อไปที่เบอร์ให้ตามหน้าเว็บ พี่นิดาเป็นคนรับเรื่อง ในตอนนั้นผมได้หาราคาเปรียบเทียบกันในหลายๆเจ้า พบว่าราคาไม่ต่างกันเลย แต่ผมเน้นรถรุ่นใหม่ๆ รถจำพวกรุ่นกลางๆ vios, jazz, city เลยตกลงปลงใจกับ RichCarRent เพราะรถสภาพใหม่ ถูกใจดี (ก่อนจองผมจะถามว่ารถออกมาปีไหน รุ่นไหน 555+ เรื่องเยอะเนาะ ก้อเอาไปปีนเขาปีนดอย อยากได้ประหยัดน้ำมันด้วย เพราะรุ่นใหม่ๆจะประหยัดน้ำมันกว่ารถรุ่นเก่า ผมเลยเน้นขอรถรุ่นใหม่ๆหน่อย)
ก่อนหน้านี้ผมเคยเจอกระทู้ในพันทิพย์เล่าประสบการณ์แย่ๆในการเช่ารถเยอะมาก ผมจึงต้องระมัดระวังพอสมควร กลัวโดนแบบคนอื่นเขา ในวันรับรถ (ผมรับรถที่นครชัยแอร์ เชียงใหม่) ผมกับเพื่อนนิช่วยกันเดินรอบรถ ดูรอยตรงไหนยังไง ถ่ายรูปเก็บไว้หมดเลย พี่คนที่เอารถมาส่ง แกก้อไม่ว่าอะไร แกออกแนวขำๆและบอกผมว่า รอยขนแมว รอยเล็กๆน้อยๆ แกไม่คิดค่าปรับหรอกครับ จะคิดแต่รอยใหญ่ๆ รอยบุบ รอยบุ๋ม รอยชน แต่ผมกับเพื่อนก้อกันไว้ก่อน ใช้เวลานานพอควรในการดูสภาพรถก่อนรับมา ก้อมีรอยเก่าเล็กๆน้อยๆ แต่สภาพรถที่รับมานั้น โดนใจผมมาก ใหม่เอี่ยมอ่อง สภาพดีมาก ถูกใจสุดๆ (แต่ในวันรับรถในรอบที่สองนั้น พวกผมไม่เช็คอะไรมากเลย เดินดูรอบๆ ถ่ายรูปรอยที่เห็นเด่นชัด)
ความประทับใจรอบแรก เกิดขึ้นจากเรื่องค่าปรับรอยขูดขอบถนน คือผมขับรถไปขูดกับขอบถนนมาครับ ตั้งแต่สเกิร์ตหน้าด้านซ้าย เป็นรอยยาวมาจนถึงล้อและแม็กซ์ซ้าย เป็นรอยยาวมาก และเยอะมาก ตอนนั้นคิดไว้กับเพื่อนแล้วละว่า เงินมัดจำ 3000 บาท คงไม่ได้คืนกันละ ดีไม่ดีอาจได้จ่ายเพิ่มอีก พอวันส่งรถคืน พี่นิดามารับรถเอง ผมก็บอกพี่นิดาไปว่า ผมขับรถไปขูดกับขอบถนนมาก แกก็เดินไปดูรอยขูด แล้วบอกว่าผม "งั้นพี่นิดาขอปรับ 500 ละกันนะ เพราะเดี๋ยวพี่ไปเคลมสีกับประกันเอาได้ค่ะ" ผมกับเพื่อนนิ อึ้งกันเลยครับ เพราะในสัญญาเช่ารถระบุว่ารถเป็นรอยขนาดยาวไม่เกิน 10 ซม. ปรับ 1000 บาท แต่ถ้าเกินจากนั้นปรับ 3000 บาท พอพี่นิดาบอกปรับ 500 บาท ผมทั้งดีใจและขอบคุณกับความใจดีของพี่เขาเลยครับ ยังคิดกันกับเพื่อนอยู่เลย ว่าถ้าเป็นที่อื่นจะโดนปรับน้อยขนาดนี้ไหม เพราะมันเป็นรอยยาวมาก และเป็นรอยเยอะครับ
ความประทับใจในรอบที่สอง เกิดจากการส่งรถล่าช้า ปกติถ้าส่งรถคืนช้าจะปรับ ชม. ละ 100 บาท แต่ไม่เกิน 4 ชม. ถ้าเกิน 4 ชม. จะคิดเป็น 1 วัน ในรอบสองนั้น เพื่อนผมอยากขอส่งรถช้า เพราะพักกันที่โรงแรมในเมือง โรงแรมมีสระว่ายน้ำให้ แล้วเพื่อนชอบว่ายน้ำ เลยอยากตื่นมาว่ายน้ำตอนเช้า แล้วต้องคืนรถตอน 9.00 น. เลยขอส่งรถเป็น 10.00 น. ช้าไป 1 ชม. ผมก็ได้โทรติดต่อแจ้งพี่นิดา พี่นิดาเลยถามผมว่า พวกผมต้องขึ้นรถที่ บขส.กลับกันกี่โมง ผมก็บอกว่า 16.30 พี่นิดาเลยเสนอว่า งั้นส่งรถพี่เขา 16.00 น. พี่เค้าคิดเพิ่มอีก 500 บาท พอผมไปปรึกษาเพื่อน พวกมันก็ดีใจกันยกใหญ่ เพราะปกติวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ถ้าพวกผมส่งรถแล้ว จะไปไหนไม่ได้เลย ได้เที่ยวกันมากสุดแค่ขึ้นดอยสุเทพ อาศัยรถแดง พอคิดราคาค่ารถแดงขึ้นลงดอยต่อคนแล้ว คงเกือบๆ 500 บาท (ไปกันสี่คน รอบแรกไปกันสามคน หมดค่ารถแดงขึ้นลงดอยไปเกือบ 400 บาท) พวกผมจึงตอบรับข้อตกลงที่พี่นิดายื่นมาให้ ทำให้ในวันสุดท้าย พวกผมสามารถเที่ยวได้เยอะขึ้น ไปดอยสุเทพ ดอยปุย ตำหนักภุพิงค์ แวะเที่ยวในเมืองอีก (ปกติลงดอยมา ต้องมานั่งแง่วรอขึ้นรถกลับกันอย่างเดียว)
อันนี้อยากเล่าอีกเรื่อง ในวันคืนรถในรอบที่สองนี้ ด้วยความที่ไม่ได้ตรวจสภาพรถดีพอในตอนรับรถ ตอนคืน ผมสังเกตุว่ารถที่ผมเช่า สเกิร์ตด้านหน้านิเป็นรอยยาวทั้งแถบเลย (ไม่ใช่ฝีมือผมทำแน่นอน) ในใจนิก็กลัวนะ กลัวเขาหาว่าเราเป็นคนทำ เพราะตอนรับรถ ไม่ได้เห็นในจุดนี้ ในสัญญาเช่ารถก็ไม่ได้ลงตำหนิในตำแหน่งนี้ ปรากฎว่าตอนคืนรถ พี่นิดาก็ตรวจรอบคันรถตามปกติ (แต่ผมไม่ได้บอกว่าเพิ่งเห็นรอยที่สเกิร์ต) แกก้อไม่ได้ว่าอะไร คืนเงินให้หมด (รอบนี้ผมไม่ได้สร้างรอยแผลใดๆ) เพราะผมเคยเจอกระทู้หนึ่งบอกว่ารถเช่า สวมรอยเก่าที่มากับรถ ว่าเป็นฝีมือเราทำ ด้วยตอนที่รับรถไม่ได้ระบุตำหนิในตำแหน่งนี้ เลยโดยรถเช่าปรับไป แต่พี่นิดารับรถคืนนั้น แกจะไม่ถือสัญญาเช่ามานะครับ บางที่เห็นเพื่อนบอกถือสัญญาเช่ารถมาด้วย ตรวจตำหนิรถที่ลงไว้ในสัญญาและหารอยตำหนิใหม่ คือแบบตรวจละเอียดยิบเลย แต่ของ RichCarRent นั้นไม่ใช่แบบนั้น พี่นิดาจะเดินดูรอบๆรถ ตรวจแค่รอยใหญ่ๆ ถ้าไม่มีก็จบไป แต่ถ้ามีรอยตำหนิมากับรถ พี่เขาจะลงรายละเอียดตำหนิในสัญญาชัดเจนเลย
เพื่อนผมบอกว่า ผมเช่ารถแพง แต่ในมุมมองของผม ราคาเช่ากับสภาพรถที่ได้ ผมถือว่าโอเคนะครับ เพราะเพื่อนได้รถเช่าราคาถูกกว่านี้ (ต่างกัน 200 - 300 บาท) แต่สภาพรถเป็นรถรุ่นเก่า แต่ไม่ถูกใจผม เพราะเน้นรถรุ่นใหม่ๆ 555
ถือว่าผมโชคดีมาก ที่ได้มาใช้บริการรถเช่าของ RichCarRent ผมไม่รู้ว่ารถเช่าเจ้าอื่นจะมีอะไรแบบนี้บ้างไหมนะครับ อันนี้ผมมาเล่าสู่กันฟัง ว่าพี่นิดาใจดีมาก คิดว่าไปเที่ยวในรอบต่อไป คงไปใช้บริการกับ RichCarRent อีกละครับ ใครมีประสบการณ์ดีๆแบบนี้ มาเล่าสู่กันฟังบ้างไหมครับ เผื่อเอาไว้เป็นทางเลือกให้กับคนที่สนใจใช้บริการรถเช่าครับ หรือใครมีประสบการณ์แย่ๆ ก็แชร์ๆกันได้นะครับ ชาวพันทิพย์จะได้หลีกเลี่ยงกันครับ