
ขอแก้ความเข้าใจผิดนะคะ เห็นมีหลงประเด็นกันไปหลายคน
ไม่ได้ไปยุ่งกะครอบครัวอื่นนะคะ ถ้าเป็นการตกลงกันได้ทั้งสองฝ่ายก็ดีค่ะ ใครจะดูแลก็เป็นเรื่องของแต่ละครอบครัว
เราไม่ได้ยุ่งค่ะ อันนี้แค่สงสัย
ส่วนที่เราไม่โอเคคือ อย่าไปบังคับขืนใจ มองเงินเขาเป็นเงินเราทั้งหมดสิทธิขาดทั้งหมด จนไม่ให้เขาได้ใช้เงินที่ทำมาเลย อันนี้ก็ไม่ถูกค่ะ
มองแต่จะรับอย่างเดียว แนวๆเกาะอ่าค่ะ
การให้เกียรติกันและกัน เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ของสามีภรรยา ทำให้ครอบครัวมีความสุข อันนี้สำคัญที่สุดค่ะ
จากกระทู้นี้นะคะ
http://pantip.com/topic/32771929
บอกตรงๆไม่ค่อยเข้าใจเลยว่า ทำไม ถึงต้องให้เงินสามีเป็นรายวันแบบนั้น หรือน้อยขนาดนั้น
ทั้งๆที่ฝ่ายชายเองก็ตั้งใจทำมาหากิน เพื่อครอบครัว
ฝ่ายหญิงเองบางบ้านก็ทำ บางบ้านก็ไม่ได้ทำงาน
แต่ผู้หญิงเองก็อยากมีเงินใช้สบายๆ เพื่อครอบครัว เพื่อตัวเอง
อยากช๊อปปิ้ง ซื้อรองเท้า เครื่องสำอางค์ กระเป๋า เสื้อผ้า
แล้วผู้ชายหละ เค้าไม่อยากซื้อของอย่างอื่นบ้างเลยหรอ
การไปจำกัดเงินผู้ชายแบบนั้น จะไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงหรอคะ
แบบทำงานหนักแทบตาย สุดท้าย ตัวเองมีเงินใช้แค่พอกินไปวันๆ แล้วสิ่งของต่างๆที่อยากได้ก็ไม่ได้ซื้อ
ส่วนผู้หญิงก็ซื้อได้สบาย ความเห็นส่วนตัวมองว่า มันไม่แฟร์ ไม่ยุติธรรมเลยอะค่ะ
คือไม่ได้ดราม่านะคะ แค่ไม่ค่อยเข้าใจเฉยๆ
ส่วนเรื่องการมีเล็กมีน้อยนั้น มันเป็นนิสัยส่วนบุคคล ไม่น่าจะเกี่ยวกับการจำกัดเงินนะคะ
ส่วนตัวแล้ว ชีวิตคู่คือการเติมเต็มชีวิตซึ่งกันและกัน ทำให้ครอบครัวมีความสุข ได้อยู่กันด้วยความเข้าใจกัน
ไม่ใช่การเอาเปรียบอีกฝ่าย จนสุดท้าย อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการหย่าร้างก็เป็นได้ค่ะ
ถ้าอนาคตมีครอบครัวคงไม่ทำแบบนี้แน่ๆค่ะ

EDIT อุทธาหรณ์ สอนใจนะคะ
เคยมีแฟนที่ใจดี แต่ตัวเราเองทำตัวง้องแง้งเรียกร้องจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทุกสิ่งในชีวิตเค้า ยึดเงิน ตามเช็คมือถือ ไม่ให้เวลาอิสระ แทรกแซงพ่อแม่เค้า ฯลฯ เค้าเองก็ไม่พูดซักคำ ไม่รู้ว่าลึกๆเค้าคิดอย่างไร
สุดท้ายเค้าเจอคนใหม่ นิสัยเป็นผู้ใหญ่กว่า อิสระกว่า เค้าเดินออกไปแบบไม่หันมามองเลย โอกาสไม่มีให้เราเป็นครั้งที่สอง กลายเป็นเราตามง้อตามอ้อนว้อน น้ำตาเป็นสายเลือด

EDIT2 การให้เกียรติกัน สำคัญที่สุดสินะคะ
คห.ส่วนตัวประเด็นทู้โน้นเรารู้สึกว่ามันเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติกันยังไงไม่รู้
ชีวิตคู่ไม่ใช่ต้องให้เกียรติและไว้ใจกันเหรอ
ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดข่มกันด้วยการกระทำไปทำไม (เคสยึดเงินและทำตัวเป็นแม่เราว่ามันเหมือนข่มอีกฝ่าย)
เราเป็นผู้หญิงแต่เรากับไม่ชอบผู้หญิงที่ทำตัวข่มสามีทั้งคำพูดและการกระทำ .. ทำตัวเป็นางพญาอยู่ในบ้าน
รักกันต้องให้เกียรติกันดิ

EDIT 3 อุทธาหรณ์ 2 ค่ะ
เห็นด้วยกับจขกทค่ะ
บางครั้งรู้สึกเหมือนกันว่าผู้ชายเอเชียคงตามใจแฟนมากเกินไปจริงๆ เคยมีแฟนคนเอเชีย (เราทั้งคู่อาศัยอยู่ต่างประเทศ) เราก็เคยคิดเห็นแก่ตัวแบบนั้นเหมือนกันค่ะว่าเงินเราคือเงินเรา เงินแฟนคือเงินเรา อิอิ คือผชออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เงินเดือนที่เราหาได้ก็เก็บๆๆๆ สุดท้ายพอเลิกกัน (ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน) ได้มาคิดได้ว่าเรานี่เห็นแก่ตัวสุดๆ
แต่พอแต่งงาน (กับฝรั่ง) สามีให้เอาเงินทั้งหมดที่หาได้มารวมบัญชีเดียวกัน (สามีหาได้มากกว่า) แล้วก็มีบัตรร่วมกดได้ทั้งคู่ รู้สึกว่าชอบวิธีนี้มากกว่า อาจจะเป็นเพราะเราทั้งคู่บริหารเงินเป็นด้วย และเป็นไปในทางเดียวกัน
อยากบอกว่าอย่าทำเลยค่ะ คุณผู้หญิงที่คิดเอาเปรียบสามี มันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นัก ผู้หญิงเราอาจจะออกน้อยกว่านิดหน่อยได้ แต่บางทีฟังบางคู่แล้วอึดอัดแทนคุณสามีเนอะนี่สูญเสียอิสระทางการเงินอย่างสิ้นเชิงเลย แต่ก็อย่างว่าค่ะ คงแล้วแต่ละครอบครัวล่ะค่ะ

EDIT4 ขอบคุณนะคะ ที่มาแชร์ เอามาไว้หัวกระทู้เผื่อเป็นแนวทางให้กับหลายๆครอบครัวนะคะ
คิดเหมือน จขกท ค่ะ
ครอบครัวเราใช้เงินคนละกระเป๋าค่ะ เราไม่เคยยุ่งกับเงินสามีค่ะ
แต่เรากำหนดว่า ใครรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนไหนเท่านั้นพอ
เราก็ไม่เข้าใจนะ ปากบอกว่า ทำเพื่อครอบครัว เก็บเงินสามีหมด ให้สามีใช้วันละ 20 แต่ตัวเอง กลับไม่ใช้วันละ 20 บ้าง
เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ทำเล็บ ทำผม ตัวเองทำได้ ผัวขอไปกินเหล้ากับเพื่อน ให้ติดตัวไป 100 บาทท ใจปั้มที่สุด
แต่อย่างว่า แหละ เค้าอาจจะเจอสามีที่ไม่มีระเบียบทางการเงิน จนขาดความไว้ใจก็ได้มั้ง
เพราะถ้าดีจริง ทำไมต้องทำแบบนั้น ก็ไม่เข้าใจ
ถามว่าเรามีปัญหาเรื่องสามีไม่ช่วยเก็บเงินหรือไม่ เราก็มี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เรามีสิทธิจะยึดเงินที่เค้าเสียแรงทำงานหามา
เราแก้ปัญหาโดยการให้สามีทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ เท่านี้เค้าก็มีเงินเก็บ
เรายกภาระหลักๆให้สามีดูแล ประมาณ 60% ส่วนเราดูแลแค่ 40% เพราะส่วนที่ต่างกัน นั้น เราทำหน้าที่เก็บเงิน เพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉิน หรือ เวลามีค่าใช้จ่ายเงินก้อนเช่น ค่าเทอมลูก
ส่วนภาระการใช้เงินส่วนตัวเช่น บัตรเครดิต ก็ต่างคนต่างดูแลของตัวเองไป เพราะเราไม่ได้เอาเงินเค้ามาถือในมือ เค้าก็ต้องวางแผนเองว่า หลักหักค่าใช้จ่ายที่เค้ารับผิดชอบแล้ว เค้าเหลือเงินเท่าไหร่ ก็ดูแลตัวเองไป
ใช้ชีวิตคู่มา 13 ปี ก็ไม่เคยก้าวก่ายสักครั้ง
เป็นการให้เกียรติสามีด้วย นั่นแสดงว่า เราเชื่อใจว่า เค้าจะสามารถทำหน้าที่รับผิดชอบได้
ปล.หลายคนคงเข้ามาให้ความเห็นขัดแย้งกับ จขกท เพราะ สไตล์ครอบครัวเค้าเป็นแบบนั้น ซึ่งมันก็มีเรื่องราวภายในแตกต่างกันไป
แต่ จขกท ไม่ผิดที่จะคิดแตกต่างค่ะ แค่เค้าคิดไม่เหมือนที่ตัวเองทำอยู่ ก็อย่าเดือดร้อน คิดว่า เค้ากำลังว่า ตัวเอง
ถ้าครอบครัวคุณมีความสุขในแบบนั้น
(ไม่ใช่คิดไปเองคนเดียวว่า มีความสุข เพราะตัวเองเป็นคนถือเงิน แต่ไม่เคยถามคนที่เค้าเป็นเจ้าของเงินแต่ถูกริบไปว่า รู้สึกอย่างไร)
ลองมองมุมกลับ ถ้าตัวเองถูกเอาเงินที่ทำงานหามาได้ให้อีกคนเก็บ แล้วได้วันละ 20 วันละ 100 คุณจะรู้สึกอย่างไร
คำตอบมันมีให้เห็นอยู่แล้ว ตัวเองทำได้ แต่คนอื่นห้ามทำแบบนั้นกับตัวเอง
ปลล. เป็นแค่ความคิดส่วนตัว ไม่ได้บอกว่า ความคิดตัวเองถูกต้อง

EDIT5
ขออนุญาติเล่าประสบการณ์ตรง
ผมกับแฟนเคยมีปัญหาเรื่องการใช้เงินซึ่งกันและกันดังนี้
1.ผมเป็นคนเก็บเงินทั้งหมด
มีปัญหาว่า
-ผมชอบซื้อของใช้ส่วนตัวโดยไม่พิจารณามาก
-ไม่ค่อยอนุมัติให้แฟนซื้อของที่เขาอยากได้
-เงินเหลือเก็บบางเดือน ไม่รู้ตัวเลขที่แท้จริง
- มีปัญหากับแฟนหนักขึ้น ทะเลาะกันบ้าง เลยสรุปว่า
2. ให้แฟนเป็นคนถือเงินทั้งหมด
-แฟนชอบซื้อของใช้ส่วนตัวโดยไม่พิจารณามาก
-ไม่ค่อยอนุมัติให้ผมซื้อของที่ผมอยากได้
-เงินเหลือเก็บบางเดือน ไม่รู้ตัวเลขที่แท้จริง
- ผมมีปัญหากับการอนุมัติซื้อของต่างๆของแฟน ทะเลาะกัน จึงสรุปว่า
3. วางแผนการใช้เงิน แบ่งสัดส่วน
- รายได้ทั้งหมดรวมกัน
-แบ่งบัญชีค่าใช้จ่ายแฟน กำหนดตัวเลขชัดเจน ค่าอาหาร + ฟุ่มเฟยตามสมควร
-แบ่งบัญชีค่าใช้จ่ายผม กำหนดตัวเลขชัดเจน ค่าอาหาร + ฟุ่มเฟยตามสมควร
-แบ่งบัญชีค่าใช้จ่ายทั่วไป กำหนดตัวเลขชัดเจน ค่าผ่อนรถ ประกันชีวิต ของใช้สิ้นเปลืองในบ้าน เพิ่มเติมในเดือนนั้นๆ สำรองอีกนิดหน่อย กำหนดตัวเลขชัดเจน
-แบ่งบัญชีเงินออม หลังหักค่าใช้จ่ายแฟน +ผม +ทั่วไป
แค่นี้ผมกับแฟนก็รับผิดชอบเงินของตัวเอง โดยแบ่งเท่าๆกัน ไม่มีปัญหาเรื่องการอนุมัติ ส่วนบัญชีของใช้ทั่วไปก็ตามที่กำหนด ทุกอย่างใช้ตามแผนที่วางไว้ ที่สำคัญต้องรู้รายได้ รู้รายจ่าย แล้วพยายามทำให้มีส่วนต่าง นำมาลงทุนทุกเดือนๆ ได้ดอกเบี้ยลงทุนต่อ
เทคนิคสำคัญคือวาดเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจน อย่างเช่นผมจะต้องมีรายได้ดอกเบี้ยจากการลงทุนเดือนละ xxx,xxx บาท
จึงเห็นอนาคตตัวเองกับครอบครัวมีความสุข วันนี้ก็ต้องยอมกำหนดรายจ่ายให้น้อยๆเพื่อให้มีส่วนต่างมากๆ (ทานอาหารถูกๆอย่างมีความสุข)

EDIT 6
ใช่ฮะ คือ ไม่ชอบผญ ที่แบบ พูดตรงๆนะ
"เกาะกิน" อ่ะ แบบว่า ตัวเองก็มีมือมีเท้า แต่ก็ยังอยากจะได้อยากจะมี
อยากได้อยากมี ก็ช่วยกันหาสิฮะ อยากใช้เยอะ ก็ต้องหาเงินให้เก่ง
ไม่ใช่ไปเที่ยวขอส่วนบุญคนอื่น มันน่าสมเพชและน่ารังเกียจ
และมี ผญ ส่วนมากด้วยที่คิดเสมอว่า ผช ต้องเป็นฝ่ายให้เสมอ
คือ ก็จริงที่ ผช เค้าต้องเสียสละ แต่คือ ในเมื่อออกมาเรียกร้องกันว่า ผช กับ ผญ ต้องสิทธิเท่าเทียม
เราคนนึงที่เป็น ผญ ที่ถ้าสมมติคิดจะแต่งงาน เราจะรับเท่าที่เขาอยากจะให้
เพราะเขาทำงานหาเงินมาก็เหนื่อย เราก็หาเงินเองได้ไม่จำเป็นต้องขอให้มันเสียศักดิ์ศรี
แต่เราว่า ผญ ที่เห็นแก่ได้เกินไป แบบว่าไม่มีเงินแล้วหวังหา ผช มีเงินมีฐานะเกาะกิน
ชีวิตคู่ ถ้าอยู่ด้วยกันแบบที่อีกฝ่ายเขาแค่กลัว มันไม่มีความสุขหรอก
แต่ถ้าผช เต็มใจจะให้ และมีกำลังทรัพย์มากพอ แบบว่า ให้พ่อแม่ของเขาแล้ว
แล้วค่อยให้เรา แบบนี้ก็โอเคนะ
เราอาจจะมองในแง่ร้ายไปสักนิดนึงแต่มันเป็นความคิดของเราน่ะนะ
พักนี้เจอแต่ ผญ ประเภทนี้ ที่วันๆเงินไม่มีจะกิน รายได้ 10K นิดๆ แต่คุยเรื่องฟุ้งเฟ้อตลอด
ไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไม ถึงต้องให้เงินสามี แบบนั้น
ไม่ได้ไปยุ่งกะครอบครัวอื่นนะคะ ถ้าเป็นการตกลงกันได้ทั้งสองฝ่ายก็ดีค่ะ ใครจะดูแลก็เป็นเรื่องของแต่ละครอบครัว
เราไม่ได้ยุ่งค่ะ อันนี้แค่สงสัย
ส่วนที่เราไม่โอเคคือ อย่าไปบังคับขืนใจ มองเงินเขาเป็นเงินเราทั้งหมดสิทธิขาดทั้งหมด จนไม่ให้เขาได้ใช้เงินที่ทำมาเลย อันนี้ก็ไม่ถูกค่ะ
มองแต่จะรับอย่างเดียว แนวๆเกาะอ่าค่ะ
การให้เกียรติกันและกัน เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ของสามีภรรยา ทำให้ครอบครัวมีความสุข อันนี้สำคัญที่สุดค่ะ
จากกระทู้นี้นะคะ
http://pantip.com/topic/32771929
บอกตรงๆไม่ค่อยเข้าใจเลยว่า ทำไม ถึงต้องให้เงินสามีเป็นรายวันแบบนั้น หรือน้อยขนาดนั้น
ทั้งๆที่ฝ่ายชายเองก็ตั้งใจทำมาหากิน เพื่อครอบครัว
ฝ่ายหญิงเองบางบ้านก็ทำ บางบ้านก็ไม่ได้ทำงาน
แต่ผู้หญิงเองก็อยากมีเงินใช้สบายๆ เพื่อครอบครัว เพื่อตัวเอง
อยากช๊อปปิ้ง ซื้อรองเท้า เครื่องสำอางค์ กระเป๋า เสื้อผ้า
แล้วผู้ชายหละ เค้าไม่อยากซื้อของอย่างอื่นบ้างเลยหรอ
การไปจำกัดเงินผู้ชายแบบนั้น จะไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงหรอคะ
แบบทำงานหนักแทบตาย สุดท้าย ตัวเองมีเงินใช้แค่พอกินไปวันๆ แล้วสิ่งของต่างๆที่อยากได้ก็ไม่ได้ซื้อ
ส่วนผู้หญิงก็ซื้อได้สบาย ความเห็นส่วนตัวมองว่า มันไม่แฟร์ ไม่ยุติธรรมเลยอะค่ะ
คือไม่ได้ดราม่านะคะ แค่ไม่ค่อยเข้าใจเฉยๆ
ส่วนเรื่องการมีเล็กมีน้อยนั้น มันเป็นนิสัยส่วนบุคคล ไม่น่าจะเกี่ยวกับการจำกัดเงินนะคะ
ส่วนตัวแล้ว ชีวิตคู่คือการเติมเต็มชีวิตซึ่งกันและกัน ทำให้ครอบครัวมีความสุข ได้อยู่กันด้วยความเข้าใจกัน
ไม่ใช่การเอาเปรียบอีกฝ่าย จนสุดท้าย อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการหย่าร้างก็เป็นได้ค่ะ
ถ้าอนาคตมีครอบครัวคงไม่ทำแบบนี้แน่ๆค่ะ
เคยมีแฟนที่ใจดี แต่ตัวเราเองทำตัวง้องแง้งเรียกร้องจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทุกสิ่งในชีวิตเค้า ยึดเงิน ตามเช็คมือถือ ไม่ให้เวลาอิสระ แทรกแซงพ่อแม่เค้า ฯลฯ เค้าเองก็ไม่พูดซักคำ ไม่รู้ว่าลึกๆเค้าคิดอย่างไร
สุดท้ายเค้าเจอคนใหม่ นิสัยเป็นผู้ใหญ่กว่า อิสระกว่า เค้าเดินออกไปแบบไม่หันมามองเลย โอกาสไม่มีให้เราเป็นครั้งที่สอง กลายเป็นเราตามง้อตามอ้อนว้อน น้ำตาเป็นสายเลือด
คห.ส่วนตัวประเด็นทู้โน้นเรารู้สึกว่ามันเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติกันยังไงไม่รู้
ชีวิตคู่ไม่ใช่ต้องให้เกียรติและไว้ใจกันเหรอ
ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดข่มกันด้วยการกระทำไปทำไม (เคสยึดเงินและทำตัวเป็นแม่เราว่ามันเหมือนข่มอีกฝ่าย)
เราเป็นผู้หญิงแต่เรากับไม่ชอบผู้หญิงที่ทำตัวข่มสามีทั้งคำพูดและการกระทำ .. ทำตัวเป็นางพญาอยู่ในบ้าน
รักกันต้องให้เกียรติกันดิ
เห็นด้วยกับจขกทค่ะ
บางครั้งรู้สึกเหมือนกันว่าผู้ชายเอเชียคงตามใจแฟนมากเกินไปจริงๆ เคยมีแฟนคนเอเชีย (เราทั้งคู่อาศัยอยู่ต่างประเทศ) เราก็เคยคิดเห็นแก่ตัวแบบนั้นเหมือนกันค่ะว่าเงินเราคือเงินเรา เงินแฟนคือเงินเรา อิอิ คือผชออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เงินเดือนที่เราหาได้ก็เก็บๆๆๆ สุดท้ายพอเลิกกัน (ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน) ได้มาคิดได้ว่าเรานี่เห็นแก่ตัวสุดๆ
แต่พอแต่งงาน (กับฝรั่ง) สามีให้เอาเงินทั้งหมดที่หาได้มารวมบัญชีเดียวกัน (สามีหาได้มากกว่า) แล้วก็มีบัตรร่วมกดได้ทั้งคู่ รู้สึกว่าชอบวิธีนี้มากกว่า อาจจะเป็นเพราะเราทั้งคู่บริหารเงินเป็นด้วย และเป็นไปในทางเดียวกัน
อยากบอกว่าอย่าทำเลยค่ะ คุณผู้หญิงที่คิดเอาเปรียบสามี มันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นัก ผู้หญิงเราอาจจะออกน้อยกว่านิดหน่อยได้ แต่บางทีฟังบางคู่แล้วอึดอัดแทนคุณสามีเนอะนี่สูญเสียอิสระทางการเงินอย่างสิ้นเชิงเลย แต่ก็อย่างว่าค่ะ คงแล้วแต่ละครอบครัวล่ะค่ะ
คิดเหมือน จขกท ค่ะ
ครอบครัวเราใช้เงินคนละกระเป๋าค่ะ เราไม่เคยยุ่งกับเงินสามีค่ะ
แต่เรากำหนดว่า ใครรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนไหนเท่านั้นพอ
เราก็ไม่เข้าใจนะ ปากบอกว่า ทำเพื่อครอบครัว เก็บเงินสามีหมด ให้สามีใช้วันละ 20 แต่ตัวเอง กลับไม่ใช้วันละ 20 บ้าง
เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ทำเล็บ ทำผม ตัวเองทำได้ ผัวขอไปกินเหล้ากับเพื่อน ให้ติดตัวไป 100 บาทท ใจปั้มที่สุด
แต่อย่างว่า แหละ เค้าอาจจะเจอสามีที่ไม่มีระเบียบทางการเงิน จนขาดความไว้ใจก็ได้มั้ง
เพราะถ้าดีจริง ทำไมต้องทำแบบนั้น ก็ไม่เข้าใจ
ถามว่าเรามีปัญหาเรื่องสามีไม่ช่วยเก็บเงินหรือไม่ เราก็มี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เรามีสิทธิจะยึดเงินที่เค้าเสียแรงทำงานหามา
เราแก้ปัญหาโดยการให้สามีทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ เท่านี้เค้าก็มีเงินเก็บ
เรายกภาระหลักๆให้สามีดูแล ประมาณ 60% ส่วนเราดูแลแค่ 40% เพราะส่วนที่ต่างกัน นั้น เราทำหน้าที่เก็บเงิน เพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉิน หรือ เวลามีค่าใช้จ่ายเงินก้อนเช่น ค่าเทอมลูก
ส่วนภาระการใช้เงินส่วนตัวเช่น บัตรเครดิต ก็ต่างคนต่างดูแลของตัวเองไป เพราะเราไม่ได้เอาเงินเค้ามาถือในมือ เค้าก็ต้องวางแผนเองว่า หลักหักค่าใช้จ่ายที่เค้ารับผิดชอบแล้ว เค้าเหลือเงินเท่าไหร่ ก็ดูแลตัวเองไป
ใช้ชีวิตคู่มา 13 ปี ก็ไม่เคยก้าวก่ายสักครั้ง
เป็นการให้เกียรติสามีด้วย นั่นแสดงว่า เราเชื่อใจว่า เค้าจะสามารถทำหน้าที่รับผิดชอบได้
ปล.หลายคนคงเข้ามาให้ความเห็นขัดแย้งกับ จขกท เพราะ สไตล์ครอบครัวเค้าเป็นแบบนั้น ซึ่งมันก็มีเรื่องราวภายในแตกต่างกันไป
แต่ จขกท ไม่ผิดที่จะคิดแตกต่างค่ะ แค่เค้าคิดไม่เหมือนที่ตัวเองทำอยู่ ก็อย่าเดือดร้อน คิดว่า เค้ากำลังว่า ตัวเอง
ถ้าครอบครัวคุณมีความสุขในแบบนั้น
(ไม่ใช่คิดไปเองคนเดียวว่า มีความสุข เพราะตัวเองเป็นคนถือเงิน แต่ไม่เคยถามคนที่เค้าเป็นเจ้าของเงินแต่ถูกริบไปว่า รู้สึกอย่างไร)
ลองมองมุมกลับ ถ้าตัวเองถูกเอาเงินที่ทำงานหามาได้ให้อีกคนเก็บ แล้วได้วันละ 20 วันละ 100 คุณจะรู้สึกอย่างไร
คำตอบมันมีให้เห็นอยู่แล้ว ตัวเองทำได้ แต่คนอื่นห้ามทำแบบนั้นกับตัวเอง
ปลล. เป็นแค่ความคิดส่วนตัว ไม่ได้บอกว่า ความคิดตัวเองถูกต้อง
ขออนุญาติเล่าประสบการณ์ตรง
ผมกับแฟนเคยมีปัญหาเรื่องการใช้เงินซึ่งกันและกันดังนี้
1.ผมเป็นคนเก็บเงินทั้งหมด
มีปัญหาว่า
-ผมชอบซื้อของใช้ส่วนตัวโดยไม่พิจารณามาก
-ไม่ค่อยอนุมัติให้แฟนซื้อของที่เขาอยากได้
-เงินเหลือเก็บบางเดือน ไม่รู้ตัวเลขที่แท้จริง
- มีปัญหากับแฟนหนักขึ้น ทะเลาะกันบ้าง เลยสรุปว่า
2. ให้แฟนเป็นคนถือเงินทั้งหมด
-แฟนชอบซื้อของใช้ส่วนตัวโดยไม่พิจารณามาก
-ไม่ค่อยอนุมัติให้ผมซื้อของที่ผมอยากได้
-เงินเหลือเก็บบางเดือน ไม่รู้ตัวเลขที่แท้จริง
- ผมมีปัญหากับการอนุมัติซื้อของต่างๆของแฟน ทะเลาะกัน จึงสรุปว่า
3. วางแผนการใช้เงิน แบ่งสัดส่วน
- รายได้ทั้งหมดรวมกัน
-แบ่งบัญชีค่าใช้จ่ายแฟน กำหนดตัวเลขชัดเจน ค่าอาหาร + ฟุ่มเฟยตามสมควร
-แบ่งบัญชีค่าใช้จ่ายผม กำหนดตัวเลขชัดเจน ค่าอาหาร + ฟุ่มเฟยตามสมควร
-แบ่งบัญชีค่าใช้จ่ายทั่วไป กำหนดตัวเลขชัดเจน ค่าผ่อนรถ ประกันชีวิต ของใช้สิ้นเปลืองในบ้าน เพิ่มเติมในเดือนนั้นๆ สำรองอีกนิดหน่อย กำหนดตัวเลขชัดเจน
-แบ่งบัญชีเงินออม หลังหักค่าใช้จ่ายแฟน +ผม +ทั่วไป
แค่นี้ผมกับแฟนก็รับผิดชอบเงินของตัวเอง โดยแบ่งเท่าๆกัน ไม่มีปัญหาเรื่องการอนุมัติ ส่วนบัญชีของใช้ทั่วไปก็ตามที่กำหนด ทุกอย่างใช้ตามแผนที่วางไว้ ที่สำคัญต้องรู้รายได้ รู้รายจ่าย แล้วพยายามทำให้มีส่วนต่าง นำมาลงทุนทุกเดือนๆ ได้ดอกเบี้ยลงทุนต่อ
เทคนิคสำคัญคือวาดเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจน อย่างเช่นผมจะต้องมีรายได้ดอกเบี้ยจากการลงทุนเดือนละ xxx,xxx บาท
จึงเห็นอนาคตตัวเองกับครอบครัวมีความสุข วันนี้ก็ต้องยอมกำหนดรายจ่ายให้น้อยๆเพื่อให้มีส่วนต่างมากๆ (ทานอาหารถูกๆอย่างมีความสุข)
ใช่ฮะ คือ ไม่ชอบผญ ที่แบบ พูดตรงๆนะ
"เกาะกิน" อ่ะ แบบว่า ตัวเองก็มีมือมีเท้า แต่ก็ยังอยากจะได้อยากจะมี
อยากได้อยากมี ก็ช่วยกันหาสิฮะ อยากใช้เยอะ ก็ต้องหาเงินให้เก่ง
ไม่ใช่ไปเที่ยวขอส่วนบุญคนอื่น มันน่าสมเพชและน่ารังเกียจ
และมี ผญ ส่วนมากด้วยที่คิดเสมอว่า ผช ต้องเป็นฝ่ายให้เสมอ
คือ ก็จริงที่ ผช เค้าต้องเสียสละ แต่คือ ในเมื่อออกมาเรียกร้องกันว่า ผช กับ ผญ ต้องสิทธิเท่าเทียม
เราคนนึงที่เป็น ผญ ที่ถ้าสมมติคิดจะแต่งงาน เราจะรับเท่าที่เขาอยากจะให้
เพราะเขาทำงานหาเงินมาก็เหนื่อย เราก็หาเงินเองได้ไม่จำเป็นต้องขอให้มันเสียศักดิ์ศรี
แต่เราว่า ผญ ที่เห็นแก่ได้เกินไป แบบว่าไม่มีเงินแล้วหวังหา ผช มีเงินมีฐานะเกาะกิน
ชีวิตคู่ ถ้าอยู่ด้วยกันแบบที่อีกฝ่ายเขาแค่กลัว มันไม่มีความสุขหรอก
แต่ถ้าผช เต็มใจจะให้ และมีกำลังทรัพย์มากพอ แบบว่า ให้พ่อแม่ของเขาแล้ว
แล้วค่อยให้เรา แบบนี้ก็โอเคนะ
เราอาจจะมองในแง่ร้ายไปสักนิดนึงแต่มันเป็นความคิดของเราน่ะนะ
พักนี้เจอแต่ ผญ ประเภทนี้ ที่วันๆเงินไม่มีจะกิน รายได้ 10K นิดๆ แต่คุยเรื่องฟุ้งเฟ้อตลอด