เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก internethaber.com
แม่อังกฤษวอนขอสิทธิ์ยุติชีวิตลูกสาว ทนไม่ได้ที่เห็นต้องลูกทรมานจากการรักษาอาการป่วยที่ไม่อาจรักษาหายมานานหลายปี ที่สุดศาลเห็นใจพิจารณาอนุมัติตามคำขอ
การต้องเห็นลูกเจ็บป่วยนั้นยิ่งทำให้พ่อแม่เจ็บกว่าหลายสิบหลายร้อยเท่า สิ่งนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางชาร์ลอตต์ ฟิทซ์มอริซ วัย 36 ปี และลูกสาววัย 12 ปี ของเธอ เด็กหญิงแนนซี่ ฟิทซ์มอริซ ผู้ทนทรมานกับการรักษาอาการป่วยสารพัดและร้องเจ็บปวดทุกครั้งจากการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทุก ๆ วัน
เว็บไซต์เมโทร เผยในรายงานเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2557 ว่า แนนซี่เกิดมาพร้อมความผิดปกติทางดวงตา ทำให้มองไม่เห็น มีน้ำคั่งในโพรงสมอง (hydrocephalus) เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) และเลือดเป็นพิษ (septicemia) ซึ่งทำให้เธอไม่สามารถพูด เดิน กินอาหาร หรือแม้แต่ดื่มน้ำเองได้ ชีวิตของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ วนเวียนอยู่กับโรงพยาบาล อาหาร น้ำ และยา ถูกป้อนทางสายยาง ความเป็นความตายของเธอขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
แม้จะพยุงอาการของลูกสาวสุดที่รักมาได้ถึง 12 ปี แต่ในที่สุดนายและนางฟิทซ์มอริซ ก็ทำใจไม่ได้อีกต่อไปที่ต้องได้ยินเสียงลูกสาวหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดทุกครั้ง จากการกระบวนการรักษาพยาบาลที่ต้องเกิดขึ้นทุกวัน ชีวิตที่ลูกเป็นอยู่ทุกวันนี้ห่างไกลจากคำว่าคุณภาพชีวิตที่ดีเหลือเกิน ในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาล วอนขอความเห็นใจให้สิทธิ์ในการยุติชีวิตลูกสาว เพื่อให้เธอได้อยู่อย่างสงบไม่เจ็บปวดทรมานต่อไปอีก
ส่วนหนึ่งในคำร้องที่นางฟิทซ์มอริซเขียน ระบุว่า "ลูกสาวไม่ใช่ลูกสาวของฉันอีกต่อไปแล้ว เธอเหลืออยู่แค่เพียงร่างกายเท่านั้น ประกายจากดวงตาของเธอได้หายไป มันถูกแทนที่ด้วยแววตาของความหวาดกลัว และปรารถนาที่จะได้อยู่อย่างสงบ"
ศาลได้พิจารณาอนุมัติตามคำขอของทั้งคู่ ให้ยุติการรักษาพยาบาลแล้วปล่อยชีวิตน้อย ๆ เป็นอิสระจากความเจ็บปวด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีความเห็นต่อผู้ได้รับทราบเรื่องนี้ยังแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นใจและเข้าใจในการตัดสินใจของพ่อแม่ทั้งคู่ ส่วนอีกฝ่ายชี้ว่าการเร่งให้ชีวิตหนึ่งต้องถึงจุดจบไวขึ้นไม่อาจเป็นเรื่องถูกต้องทางศีลธรรมได้เลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นผมก็ยังคิดไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรดี
ยื้อชีวิตเค้าไว้ไปเรื่อยๆ ให้อยู่กับความเจ็บปวดไป
หรือ
จบชีวิตเค้าเพื่อให้พ้นทุกข์ทรมาน
เป็นคุณจะเลือกอะไร ถ้าลูกป่วยทรมานถ้ามีชีวิตต่อไป กับ จบชีวิตลูกลงอย่างไม่ทรมาน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก internethaber.com
แม่อังกฤษวอนขอสิทธิ์ยุติชีวิตลูกสาว ทนไม่ได้ที่เห็นต้องลูกทรมานจากการรักษาอาการป่วยที่ไม่อาจรักษาหายมานานหลายปี ที่สุดศาลเห็นใจพิจารณาอนุมัติตามคำขอ
การต้องเห็นลูกเจ็บป่วยนั้นยิ่งทำให้พ่อแม่เจ็บกว่าหลายสิบหลายร้อยเท่า สิ่งนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางชาร์ลอตต์ ฟิทซ์มอริซ วัย 36 ปี และลูกสาววัย 12 ปี ของเธอ เด็กหญิงแนนซี่ ฟิทซ์มอริซ ผู้ทนทรมานกับการรักษาอาการป่วยสารพัดและร้องเจ็บปวดทุกครั้งจากการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทุก ๆ วัน
เว็บไซต์เมโทร เผยในรายงานเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2557 ว่า แนนซี่เกิดมาพร้อมความผิดปกติทางดวงตา ทำให้มองไม่เห็น มีน้ำคั่งในโพรงสมอง (hydrocephalus) เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) และเลือดเป็นพิษ (septicemia) ซึ่งทำให้เธอไม่สามารถพูด เดิน กินอาหาร หรือแม้แต่ดื่มน้ำเองได้ ชีวิตของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ วนเวียนอยู่กับโรงพยาบาล อาหาร น้ำ และยา ถูกป้อนทางสายยาง ความเป็นความตายของเธอขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
แม้จะพยุงอาการของลูกสาวสุดที่รักมาได้ถึง 12 ปี แต่ในที่สุดนายและนางฟิทซ์มอริซ ก็ทำใจไม่ได้อีกต่อไปที่ต้องได้ยินเสียงลูกสาวหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดทุกครั้ง จากการกระบวนการรักษาพยาบาลที่ต้องเกิดขึ้นทุกวัน ชีวิตที่ลูกเป็นอยู่ทุกวันนี้ห่างไกลจากคำว่าคุณภาพชีวิตที่ดีเหลือเกิน ในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาล วอนขอความเห็นใจให้สิทธิ์ในการยุติชีวิตลูกสาว เพื่อให้เธอได้อยู่อย่างสงบไม่เจ็บปวดทรมานต่อไปอีก
ส่วนหนึ่งในคำร้องที่นางฟิทซ์มอริซเขียน ระบุว่า "ลูกสาวไม่ใช่ลูกสาวของฉันอีกต่อไปแล้ว เธอเหลืออยู่แค่เพียงร่างกายเท่านั้น ประกายจากดวงตาของเธอได้หายไป มันถูกแทนที่ด้วยแววตาของความหวาดกลัว และปรารถนาที่จะได้อยู่อย่างสงบ"
ศาลได้พิจารณาอนุมัติตามคำขอของทั้งคู่ ให้ยุติการรักษาพยาบาลแล้วปล่อยชีวิตน้อย ๆ เป็นอิสระจากความเจ็บปวด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีความเห็นต่อผู้ได้รับทราบเรื่องนี้ยังแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นใจและเข้าใจในการตัดสินใจของพ่อแม่ทั้งคู่ ส่วนอีกฝ่ายชี้ว่าการเร่งให้ชีวิตหนึ่งต้องถึงจุดจบไวขึ้นไม่อาจเป็นเรื่องถูกต้องทางศีลธรรมได้เลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นผมก็ยังคิดไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรดี
ยื้อชีวิตเค้าไว้ไปเรื่อยๆ ให้อยู่กับความเจ็บปวดไป
หรือ
จบชีวิตเค้าเพื่อให้พ้นทุกข์ทรมาน