♣♣♣ 10 สุดยอดยานพาหนะผีสิงที่โลกต้องจารึกในความสยอง ♣♣♣




เชื่อหรือไม่ว่า...วิญญาณไม่ให้แค่สิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้ว
แต่สิ่งไม่มีชีวิตจำพวกยานพาหนะ

เมื่อหมดอายุการใช้งานก็สามารถกลายเป็นวิญญาณได้
วันนี้เราเสนอ 10 อันดับ ที่โลกต้องระทึกในความสยอง




10. Eastern Air Lines Flight 401  (Ghost Plane)


เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อปี 1972
เมื่อเครื่องบินลำนี้ได้ตกลงไปบริเวณบึงในฟลอริด้า
ส่งผลทำให้มีคนเสียชีวิต 101 คน
รวมทั้งนักบินและวิศวกรการบิน คือบ๊อบ ลอฟท์ (BobLoftz)
และ วิศวกรของเครื่องคือดอน เรโป (Don Repo)

                อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่ากลัวเป็นอย่างมาก
หลังจากที่เครื่องบินลำที่เกิดเหตุก็ถูกทำลายให้เป็นชิ้น ๆ
และเอาชิ้นส่วนบางชิ้นที่ยังสามารถใช้งานได้
ไปเป็นอะไหล่ใช้กับเครื่องบินลำอื่น
และนั่นเป็นที่มาของความลึกลับที่เกิดขึ้น

เมื่อมีคนพบเห็นผีสองหนักบินทั้งลอฟท์และเรโปปรากฏตัวบ่อยครั้ง
โดยส่วนมากจะเห็นทั้งคู่นั่งเงียบๆ ปะปนกับผู้โดยสาร

อีกทั้งบางคนยังได้คุยกับวิญญาณทั้งสอง
ก่อนที่จะหายไปต่อหน้าตาต่อผู้สนทนา
สองผีน่าขนลุกนี้มักปรากฏในบริเวณที่ใกล้ชิ้นส่วนของเครื่องบิน
ที่นำมาจากเครื่องจากบินที่ตก
แต่วิญญาณไม่ได้มาหลอกหลอนหรือทำให้เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ

แต่เป็นมักจะมาเตือนภัยที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องบินลำนั้น
เช่น มีเจ้าหน้าที่ได้เจอใบหน้าลีโปในเตาอบไมโครเวฟ  
ซึ่งออกมาเตือนว่าจะเกิดไฟไหม้
อีกไม่ช้า เครื่องบินลำนั้นเกิดไฟไหม้ขึ้นในระหว่างบิน
เมื่อตรวจสอบดูก็พบว่าเป็นจริงและต้องยกเลิกเที่ยวบินในที่สุด

แม้ว่าทางการสายการบินจะไม่แสดงความคิดเห็นกับเหตุการณ์ดังกล่าว
แต่ทุกวันนี้เรื่องราวแปลกประหลาดของเครื่องบิน อีสเทอร์น แอรไลน์ ไฟลท์ 401
ยังคงหลอกหลอนเจ้าหน้าที่บนเครื่องบิน
หรือแม้แต่รองประธานบริษัทก็ได้เห็นผีนักบินด้วย







9.The Black Volga  ( โวลก้าดำ )


ในช่วงยุค 60 และยุค 70 ประชาชนภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียต
มักมีความกังวลกับสงครามเย็นที่อาจเกิดขึ้น  
และนอกเหนือจากความหวาดกลัวการปกครองคอมมัวนิตส์ที่แสนโหดร้ายแล้ว

พวกเขายังหวาดกลัวสิ่งที่เรียกว่า “รถโวลก้า” สีดำ
ที่คุกคามชีวิตประจำวันที่สงบสุขของพวกเขา
รถโวลก้าสีดำ เป็นตำนานเมืองที่น่ากลัว
และมีชื่อเสียงของโซเวียตในเวลานั้นกล่าวกันว่า
มันจะลักพาตัวเด็กและฆ่าทุกคนที่เดินเข้ามาใกล้มัน
ที่มาของมันลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าใคร

เป็นคนขับโวลก้าสีดำและทำไมมันลักพาตัวเด็ก
บางคนบอกว่าเป็นเป็นซาตาน
ไม่ก็ปีศาจเป็นคนขับบางคนบอกว่าเป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวจะถูกนำไปขาย
ให้แก่ชาวอาหรับที่ร่ำรวยที่ต้องการเลือดมารักษาโรคมะเร็งของพวกเขา
ไปจนถึงขายอวัยวะ และแน่นอนว่าเด็กจะหายไปตลอดกาล
หากโดนรถโวลก้าสีดำจับตัวได้

ตำนานของโวลก้าสีดำนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่ของรัสเซีย
เบลารุส ยูเครน โปแลนด์ ไปจนถึงมองโกเลีย

แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานแน่ชัดสนุบสนุนว่าเป็นเรื่องจริง
แต่โวลก้านั้นเป็นรถที่แพงที่สุดของโซเวียตในเวลานั้น
คนที่เป็นเจ้าของได้จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้น
ซึ่งชาวบ้านมักหวาดกลัวพวกนี้อยู่แล้ว
และน่าจะเป็นที่มาของตำนานเมืองน่ากลัวดังกล่าว






8.Silverpilen


สตอกโฮล์มเมืองหลวงแห่งความสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองของสวีเดน
ที่นี้เป็นตำนานที่เกี่ยวข้องกับระบบรถไฟใต้ดิน

รถไฟผีที่เรียกว่า Silverpilen(ลูกศรเงิน)
ซึ่งเป็นรถไฟรุ่น C5 ที่ปลดประจำการไปแล้ว
ในช่วงกลางดึกมักจะมีคนเห็น รถไฟ Silverpilen วิ่งผ่านสถานีด้วยความเร็วสูง
โดยไม่จอดรับผู้โดยสารและไม่มีใครอยู่บนรถเลย

Silverpilen เป็นรถไฟผีสิงหรือไม่นั้นก็ไม่ทราบ
แต่สิ่งที่รู้คือรถไฟขบวนนี้หลายคนไม่ชอบมันเลย
เพราะเนื่องด้วยการทาสีอลูมิเนียมทั้งตัวรถ (จนเป็นที่มาของชื่อ)
ซึ่งน่าขนหัวลุกแก่ผู้พบเห็น และไม่เคยถูกทำขึ้นมา
จึงเปิดตัวในฐานะรถไฟสำรองในชั่วโมงเร่งด่วนเท่านั้น จ
นทำให้ผู้โดยสารลืมมันไปแล้ว
               ถึงแม้ว่าจะปลดระวางไปตั้งแต่ปี 1996 แล้วก็ตาม
แต่ทุกวันนี้มันยังคงหลอกหลอนคนงานที่ทำงานอยู่ในอุโมงค์อยู่จนถึงตอนนี้







7. The Phantom Bus Of London (ลอนดอนบัส)

ในปี 1934 ในช่วงเช้ามืด เกิดอุบัติเหตุรถเมล์สองชั้น
เส้นไปเคมบริดจ์ การ์เดนส์ W11 ระบบเกิดการผิดพลาด
รถหักเลี้ยวกะทันหันจนชนกับกำแพงเข้าอย่างจัง
ทำให้เกิดระเบิดเพลิงลุกไหม้ย่างสดคนขับ ตายอย่างสยอง

หลังจากนั้นเป็นต้นมาในช่วงเช้ามืดของทุกวัน
ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณเคมบริดจ์ การ์เดนส์  
จะเห็นรถเมล์สองชั้นวิ่งอยู่บริเวณนั้นโดยไม่มีคนขับ
มันจะวิ่งไปเรื่อยบนถนนโดยไม่สนเส้นทาง
รถที่วิ่งสวนมาเห็นจะต้องหักหลบกระทันหัน
แต่พอหันไปดูอีกทีรถเมย์ก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย  
ไม่มีใครทราบว่ารถเมล์นั้นปรากฏตัวเพื่ออะไรกันแน่
แต่ครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นมันคือเดือนพฤษภาคม 1990
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นมันอีกเลย







6.Pippo The Ghost Plane


ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอิตาเลียนต้องตกระกำลำบากอย่างหนัก
ทั้งจากรัฐบาลฟาซิสของตัวเองและพันธมิตรนาซี
อีกทั้งกองทัพสัมพันธมิตรยังตราหน้าว่าพวกเขาเป็นศัตรู
แต่ถึงกระนั้นประชาชนที่อยู่ทางภาคเหนือของอิตาลี
ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัวกว่านั่นคือเครื่องบินลึกลับที่เรียกว่า ปิปโป (Pippo)

               ไม่มีใครรู้ว่า ปิปโป มาจากไหน เป็นเครื่องบินรุ่นอะไร ใครเป็นคนขับ
ไม่รู้ว่ามันเป็นของฝ่ายไหน
อยู่ๆ เครื่องบิน ปิปโป ก็โพล่มาและยิงปืนกลถล่มใส่ทุกคนที่ขวางเส้นทางบินของมัน
แต่คนจดจำด้วยเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ดัง
"ปิบ-ปิบ" (อันเป็นที่มาของชื่อ) มักจะได้ยินยามค่ำคืน

               หลายคนกลัวปิปโป ถึงขนาดตอนกลางคืนพวกเขาจะอยู่ในที่มืด
เพื่อไม่ให้กลายเป็นเป้าหมาย กระสุนของ ปิปโป มีหลากหลาย
ตั้งแต่ ปากการะเบิด ลูกอมยาพิษ และ ระเบิดร้ายแรง
และวันดีคืนดี หรือเบื่อๆมันจะมายิงถล่มชาวบ้านเล่น

               นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าตัวจริงของปิปโป
น่าจะเป็นเครื่องบินลาดตระเวณของอังกฤษ รูปแบบ de Havilland Mosquito
ที่มีรูปลักษณ์และเสียงเครื่องยนต์ใกล้เคียงกับ ปิปโป ซึ่งบินผ่านภูมิภาคนี้

ยามค่ำคืน ปิปโป ก็ยังเป็นเครื่องบินผีที่ยังหลอกหลอน
อยู่ในความทรงจำของคนในแถบอิตาลีตอนเหนืออยู่เช่นเดิม




CREDIT

http://social.tnews.co.th/content/91279/
http://listverse.com/2013/07/16/10-creepy-and-mysterious-phantom-vehicles/
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1



5.The Jumping Car Of Cape Town

เรื่องของรถเคลื่อนเองราวกับมีชีวิตนั้น
เกิดขึ้นที่เคปทาวน์ แอฟริกาใต้
เกิดขึ้นกับครอบครัวของ Ian Schietekat  และญาติ

ช่วงกลางดึกพวกเขาได้ยินเสียงดังมากมาจากนอกบ้าน
พวกเขาจึงตื่นขึ้นไปดู ก็พบว่าเป็นเสียงรถยนตร์เรโนลต์
มีเสียงกุกๆ กักๆ แล้วรถก็วิ่งไปวิ่งมา
ชนทำลายรั้วสิ่งต่างที่อยู่ภายในสวน
ก่อนที่จะหยุดนิ่งกับที่

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่ามีคนพยายามขโมยรถ
แต่เมื่อเดินไปดูข้างในรถก็พบว่ารถไม่มีคนขับเลยแม้แต่น้อย
และสภาพข้างในรถยังปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง
อีกทั้งบริเวณบ้านของพวกเขาก็ไม่มีร่องรอยคนบุกรุกแต่อย่างใด

               เมื่อตำรวจมาตรวจสอบ
ตำรวจไม่เชื่อคำพูดของพวกเขาว่ารถเคลื่อนที่ไปมาเองได้
แต่ทันใดนั้นจู่ๆ รถก็เปิดไฟหน้าเอง
และมันก็วิ่งตรงไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่งเสียงคำรามดังสนั่น รถเดินหน้าถอยหลังเอง
จนไปชนกับต้นไม้จึงหยุดนึ่ง

หลังจากสืบสวนก็พบว่าสาเหตุที่รถวิ่งเองได้นั่น
ก็เกิดจากระบบสตาร์ทเกิดสนิท
แต่เสียงคำรามที่เกิดขึ้นนั้น
พวกเขาไม่สามารถอธิบายได้เลยว่าเกิดจากอะไรกันแน่!?







4. Abraham Lincoln is Phantom Train


หนึ่งในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน
ที่รู้จักกันมากที่สุดก็คือ "รถไฟผีลิงคอล์น”

กล่าวกันว่าเป็นรถไอน้ำที่จะวิ่งผ่าน 180 เมืองในทุกเดือนเมษายน
และจุดหมายของมันคือสปริงฟิลด์สถานที่พักผ่อนแห่งสุดท้าย
ของอับราฮัม ลินคอล์น ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

แม้จะไม่เห็นตัวอับราฮัม
แต่ในขณะที่รถไฟผีปรากฏนั้นนาฬิกาจะหยุดเดิน
รถไฟจะโผล่ออกมาจากเมฆหมอกหนาสีดำมืดสนิท
และในรถไฟจะเห็นโลงศพถูกปกคลุมด้วยธงชาติอเมริกัน
และมีทหารยืนล้อมรอบอยู่ ราวกับการขบวนแห่ศพขอประธานาธิบดีที่เสียชีวิตก็ว่าได้








3.The Cursed Car Of Franz Ferdinand


บริษัท Graf & Stift เป็นหนึ่งในบริษัทผลิตรถที่มีชื่อเสียง
ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1
รถของพวกเขาเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากสำหรับผู้ที่มีอิทธิพลในเวลานั้น

แต่ เกิดเรื่องที่น่าเศร้าเมื่อรถของ Graf & Stift
ได้ถูกจารึกว่าเป็นรถที่ท่านอาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันด์ ประทับพร้อมกับพระชายา
ก่อนที่จะถูกยิงลอบปลงพระชนม์ทั้งคู่ที่เมืองซาราเยโว
ซึ่งการลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้นำไปสู่การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1

              แต่ที่น่าตกใจมากกว่าคือรถที่ท่านดยุคเฟอร์ดินานด์ประทับ
คือรถ 1910 Graf & Stift Double Phaeton

เป็นรถที่มีประวัติและตำนานที่น่ากลัวมากคือ
รถคนนี้ผ่านมือเจ้าของมามากกว่า 15 ราย
และเจ้าของทุกรายล้วนแต่ประสบชะตากรรมที่น่าสยดสยองกันทั้งนั้น
บางคนประสบกับอุบัติเหตุจนเสียชีวิต
บางคนกลายเป็นบ้าและเสียชีวิต
บางคนเพียงเก้าวันหลังจากซื้อรถก็ฆ่าตัวตายอย่างปริศนา

              และเลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อผู้ว่าการรัฐยูโกสลาเวียได้รับอุบัติเหตุจนต้องเสียแขนไป
หลังจากที่เขาครอบครองรถเพียงไม่นาน

ต่อมาเพื่อนของเขาที่เป็นแพทย์ก็ขอซื้อรถต้องคำสาปนี้ไป
หลังจากนั้นก็เกิดอบัติเหตุรถพลิกคว่ำ  
ร่างของเขาถูกรถบดจนแหลกอย่างสยดสยอง

ต่อมาเจ้าของที่เป็นนักแข่งรถชาวสวิสต์ก็ได้รับชะตากรรมเดียวกัน
แม้กระทั้งเกษตรกรชาวเซอร์เบียที่เป็นคนลากจูงรถก็ถูกรถคันนี้ทับร่างจนเสียชีวิต
แม้ว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของก็ตาม  

              เจ้าของคนสุดท้ายเป็นคนโรมาเนียที่แสนโชคร้าย
เพราะระหว่างที่เขากำลังเดินทางด้วยรถคันนี้
เพื่อไปแต่งงานกับเพื่อนอีกห้าคน
ระหว่างทางรถเกิดหมุน เสียการควบกระทันหัน
ทำให้เขาพร้อมกับเพื่อนอีกห้าคนเสียชีวิตคาที่

              แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดอธิบายได้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถต้องสาปหรือเปล่า
แต่สิ่งที่บอกได้ก็คือรถของท่านดยุคเฟอร์ดินานด์
ได้เป็นรถที่มีส่วนในการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของโลกอย่าง
ไม่ต้องสงสัย ปัจจุบันรถคันนี้ได้ถูกเก็บในพิพิธภัณฑ์ที่ประเทศออสเตรีย



2. JamesDean is Porsche Spyder

วันที่ 30 กันยายน 1955 เจมส์ ดีน ดาราหนุ่มหล่อแห่งยุค
ที่มากด้วยพรสวรรค์ต้องจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร
เพราะอุบัติเหตุจากการขับรถ Porsche550 Spyder สีเงินเปิดประทุนคู่ใจของเขา
(คนขับคือช่างยนต์ประจำตัวของดีน) ที่ทางหลวงสาย 466 ช่วงเมืองโชเลม แคลิฟอร์เนีย
จากอุบัติเหตุเจมส์ ดีน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส
และทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจในเวลาต่อมา

                และหลังจากเจมส์ดีนเสียชีวิต รถของเจมส์ ดีน ถูกนำมาซ่อมใหม่
และขายต่อเป็นทอด ๆ คนที่ได้เป็นเจ้าของรถคนนี้
แต่งประสบชะตากรรมเคราะห์ร้ายต่าง ๆ นา ๆ
จนหลาย ๆ  คนเชื่อว่ามันเป็นรถอาถรรพ์ เพราะเจมส์ดีนหวงรถคนนี้มาก

                รายแรกคือนาย จอร์จ (GeorgeBarris) ซึ่งเป็นผู้ปรับแต่งรถแข่งคันนี้
ซื้อซากรถในราคา $2,500 หายนะก็เกิดขึ้นเมื่อในขณะที่ตรวจสอบสภาพอยู่นั้น
จู่ ๆ ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์อันหนักอึ้งก็หล่นลงมาทับขาของช่างซ่อมคนนั้น
จนกระดูกขาแหลกละเอียดทั้ง 2 ข้าง  

ต่อมาสองนายแพทย์ทรอย แม็คอองรี(Troy McHenry)และวิลเลียม (William Eschid)
ได้ซื้อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของรถมรณะคันนี้ไปใส่ในรถแข่งของเขา
ต่อมาพวกเค้าก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างแข่งขัน

สาเหตุเกิดจากการที่รถยนต์ของเขาควบคุมไม่ได้
แล้วมันก็พุ่งเข้าชนรถแข่งคันอื่น ๆ จนเป็นเหตุให้แม็คอองรีตาย

                หลังจากโศกนาฎกรรมครั้งนี้
ตำรวจทางหลวง California Highway Patrol ได้ขอซากรถคันนี้
เพื่อไปใช้ในการรณรงค์ลดการอุบัติเหตุบนทางหลวง

ในช่วงปี 1958-1959 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
เพราะมีอุปสรรคที่คาดไม่ถึงบ่อยครั้ง
เช่น ซากรถได้เลื่อนไถลไปทับเด็กนักเรียนในระหว่างการขนย้าย
ที่โรงเรียนใน Sacramento และท้ายที่สุดในปี 1960
หลังจากที่ตำรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนียส่งซากรถมรณะกลับคืนให้เจ้าของ
ที่ลอสแองเจลิสและก็ปล่อยเจ้ารถมรณะทิ้งไว้ไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยวอีก จนกระทั่งปี 1960



1.The Haunted German War Submarine


ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 เรือดำน้ำเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างมาก
หนึ่งในรุ่นที่อันตรายมากที่สุดคือเรือดำน้ำของเยอรมันรุ่น UB III
ด้วยสถิตโจมตีเรือไปกว่า 507 รวมถึงเรือประจันบาน HMS Britania
จนเป็นที่หวาดกลัวของเรือรบอังกฤษ

                เรือดำน้ำ UB III เป็นเรือที่ไม่ได้อันตรายเฉพาะฝ่ายศัตรูเท่านั้น
มันยังเป็นอันตรายต่อลูกเรืออีกด้วย หายนะเริ่มขึ้นช่วงต่อเรือ
เจ้าหน้าที่สามคนขาดอากาศหายใจเพราะไอจากเครื่องดีเซล
อีกสองคนโดนนั่งร้านตกลงมาขยี้เละ

ช่วงที่เอาเรือออกทดสอบ ลูกเรือคนหนึ่งถูกคลื่นพัดจมหายสาบสูญไปในทะเล
ในการทดสอบครั้งแรกเรือก็จมลงก้นทะเล
เพราะถังบัลลาสต์แตกทำให้ลูกเรือติดอยู่ในเรือหลายชั่วโมง
โดยไม่สามารถช่วยตัวเองได้  

อีกทั้งแบตเตอรี่ที่เสียหายเริ่มปล่อยแก๊สพิษออกมาทีละน้อย
ถึงแม้ว่าจะกู้เรือและช่วยลูกเรือขึ้นมาได้สำเร็จ
แต่ลูกเรือเกิดอาการป่วยและตายไปสองคนเพราะแก๊สพิษ

                อย่างไรก็ตามเรือดำน้ำยังคงใช้งานได้ มันจึงปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง
แต่เกิดปัญหาตามมาอีกในภารกิจช่วงแรกคือตอปิโดเกิดขัดข้อง
ทำให้ลูกเรือตายไป 8 คน และนายทหารตายอีก 1 นาย

หลังจากนั้นนายทหารที่เสียชีวิตก็ได้ปรากฏตัวและหลอกหลอนคนในเรือลำนี้
  ไม่นานนักกัปตันเรือก็โดนสะเก็ดชิ้นส่วนปลิวมาตัดหัวขาด
และในคืนวันที่เขาเสียชีวิตลูกเรือหลายคนเห็นผีกัปตันมานั่งเฝ้าร่างที่ไร้หัวของตัวเอง
ในที่สุดลูกเรือทุกคนทนไม่ไหวและขอย้ายกันหมด
แต่กองทัพเรือหาตำแหน่งอื่นให้ไม่ได้เลยทำพิธีไล่วิญญาณให้แทน ซึ่งไม่ช่วยอะไรเลย

               หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็ถูกเรือดำน้ำของสหรัฐซุ่มโจมตี
ถ้าหากว่าคำให้การของกัปตันเรือดำน้ำอเมริกันบอกว่า
พวกเขาไม่ได้ยิงเลยเรือดำน้ำลำนั้นเลย  สรุปได้คือเรือดำน้ำลำนี้ระเบิดขึ้นเอง!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่