ชีวิตผมดับวูบทันที เมื่อรู้ตัวว่าติดเชื้อ HIV และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับผมจนได้
ผมเป็นหนุ่มวิศวกรหน้าตาดี หล่อล่ำคนนึง มีสาว ๆ มาจีบผมตั้งมากมาย แต่เสียใจด้วยเพราะผมเป็นเกย์
ผมไม่ได้ชอบชะนี
ผมเป็นคนมีความฝัน และอยากประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนกับใครหลาย ๆคน มีบ้าน รถ เงิน ทอง มีสุขภาพแข็งแรงและเที่ยวรอบโลก
ชีวิตอยู่ในความฝัน ที่สวยหรูงดงามตลอดเวลา แต่ในชีวิตจริงนั้น ผมทั้งโดนไล่ออกจากงาน ล้มเหลวจากการทำธุรกิจเป็นหนี้ท่วมหัวเลยครับ
โดนบัตรเครดิตโทรจิกตลอด ไปขึ้นศาลก็ไปมาแล้ว แต่ผมเป็นคนสู้ชีวิต หวังว่าซักวันนึง จะเป็นวันของเรา จะต้องประสบความสำเร็จให้ได้
ผมจึงบากบั่น พยายามต่อไป แต่สุดท้ายแล้วอยู่ ๆ ผมก็ป่วยลงอย่างหนัก นอนพักรักษาตัวอยู่เป็นเดือนเลย หมอให้กินแต่ยาฆ่าเชื้อตลอด
รักษาอยู่นานและแล้วผมก็หายป่วย และลุกขึ้นมาสู้ชีวิตต่อ โดยการหางานทำใหม่หลังจากที่ถูกจ้างออกมาเกือบปี
ผมหางานอยู่หลายเดือนสัมภาษณ์มากกกว่า 10 บริษัทแต่ไม่มีใครเรียกตัวเข้าทำงานเสียที ระหว่างรองานไปทำงานบริษัทเล็กๆ ไม่มีมาตรฐาน
ถูกทั้งโกงเงินเดือน สารพัดวิธีโกง อดทนมาได้ 3 เดือน ตัดสินใจออกทั้ง ๆที่ยังไม่ได้งาน ชีวิตแสนรันทด ไม่สมหวังอะไรบ้างเสียเลย
แต่ผมก็มีความหวังว่าจะมีงานดีๆ เข้ามาในชีวิตถ้าเรายังไม่หยุดหา และแล้วความฝันผมก็เป็นจริง มีบริษัทติดต่อเข้ามาไปสัมภาษณ์ผ่าน พร้อมเริ่มงาน
แต่ก่อนเริ่มงาน บริษัทให้ผมไปตรวจสุขภาพ ตรวจหลายโรคด้วยกัน ผมออกกำลังกายสม่ำเสมอ ๆ จึงตรวจผ่านหมด ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดัน ปอด
และสิ่งสุดท้ายที่เสียงมันยังดังกล้องกังวาล อยู่ในหัวผมคือ คุณหมอบอกว่า ผลการตรวจเลือดผมเป็นบวก "คุณติดเชื้อ HIV" ผมหน้าซีด แทบช็อคเมื่อเห็นหมอทำหน้าจริงจังและพูดกับผมแบบนี้
จริงหรือครับหมอ ผมถามหมอซ้ำๆ หลายครั้งมาก เพราะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะติดเอดส์ ทั้ง ๆที่เป็นคนไม่มั่วอะไรเลย ในปี 2556 มีเพศสัมพันธ์แค่ครั้งเดียว ตั้งใจจะเก็บซิงไว้ชิงโชค และก็ได้โชคใหญ่
ไปตลอด จนกว่าจะตายจากกัน นั่นคือ เชื้อ HIV
สิ่งแรกที่ผมคิด คือ ผมจะบอกกับพ่อแม่อย่างไร แล้วชีวิตจะไปทางไหนดี เพราะไหนจะไม่ได้งานแล้ว ยังจะต้องรักษาตัวเองอีก ผมตั้งสติขึ้นมาทันที และรีบโทรหา สายด่วนเรื่องเอดส์ 1663 ผมบอกกับตัวเองว่า
จะต้องผ่านไปให้ได้ ผมเดินร้องไห้ออกจากโรงพยาบาล ทำอะไรไม่ถูกเลย ขับรถวนไปวนมา คิดไปต่าง ๆนานา ความคิดหลายๆ เรื่องผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด ว่าทำไม ช่างโชคร้ายขนาดนี้ เจอแจ็คพอร์ตแตก
ทั้ง ๆที่ เซฟตัวเองอย่างดี แต่โชคร้ายมักจะเกิดขึ้นกับคนระวังตัวเสมอ ผมเสียดายที่ไม่ได้ร่านเลย แต่ติดเอดส์ ผมทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจคิดอยู่ตลอดเวลา ว่า นี่กูเป็นเอดส์แล้วหรอนี่
ผมจึงติดต่อเข้ากระบวนการรักษาจากคลินิกนิรนาม สภาพจิตใจผมแย่มาก อึดอัดมากอยากมีคนให้ปรึกษา อยากบอกพ่อแม่ก็บอกไม่ได้กลัวท่านเสียใจ วันนั้นผมกลับบ้านมาเจอหน้าพ่อแม่ ผมก็ทนไม่ได้เพียงแค่เห็นหน้าพ่อแม่
ก็ร้องไห้ขึ้นมาซะงั้น พ่อแม่ถามว่า เป็นอะไร ร้องไห้ ทำไม ผมบอกแค่ว่า ผมรักพ่อรักแม่มากนะ แล้วก็นอนเข้าห้องนอนไป แต่ก็นอนไม่หลับ ร้องไห้มันทั้งคืน เจ็บยิ่งกว่าแฟนทิ้งเสียอีก คิดอย่างเดียวทำไมเรื่องแบบนี้จะต้องมาเกิดกับผมด้วย
นี่ก็ 4 วันแล้วที่ผมใช้เวลาทำใจที่ไม่เคยแสดงออกให้ใครรู้เลย ว่าในใจผมเจ็บปวดแค่ไหน ในวันพฤหัสนี้ ผมจะเข้าสู่กระบวนการ ตรวจวัดเชื้อวัดภูมิต้านทาน ว่าปกติอยู่หรือไม่ ? แล้วเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป
ผมไม่รู้หรอกว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกนานขนาดไหน แต่ผมมีความฝัน แล้วผมจะต้องทำให้ได้ ความฝันของผมคือก่อนผมตาย พ่อแม่ผมจะต้องอยู่อย่างสุขสบาย แค่นี้ก็ตายตาหลับละ
อยากจะบอกว่า..ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน อะไรก็ขึ้นได้ เราไม่ควรประมาทอะไรเลย......ผมโชคดีมากที่ปฏิบัติธรรม มาพอสมควร ผมจึงมีสติตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่อาจห้ามความรู้สึกได้ สุดท้ายผมก็คงจะต้องปรับตัวให้เข้ากับโรคร้ายนี้ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขต่อไป...จนกว่าจะหมดลมหายใจ
คุณจะทำอย่างไร? เมื่อรู้ตัวว่าติดเชื้อ HIV
ผมเป็นหนุ่มวิศวกรหน้าตาดี หล่อล่ำคนนึง มีสาว ๆ มาจีบผมตั้งมากมาย แต่เสียใจด้วยเพราะผมเป็นเกย์
ผมไม่ได้ชอบชะนี
ผมเป็นคนมีความฝัน และอยากประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนกับใครหลาย ๆคน มีบ้าน รถ เงิน ทอง มีสุขภาพแข็งแรงและเที่ยวรอบโลก
ชีวิตอยู่ในความฝัน ที่สวยหรูงดงามตลอดเวลา แต่ในชีวิตจริงนั้น ผมทั้งโดนไล่ออกจากงาน ล้มเหลวจากการทำธุรกิจเป็นหนี้ท่วมหัวเลยครับ
โดนบัตรเครดิตโทรจิกตลอด ไปขึ้นศาลก็ไปมาแล้ว แต่ผมเป็นคนสู้ชีวิต หวังว่าซักวันนึง จะเป็นวันของเรา จะต้องประสบความสำเร็จให้ได้
ผมจึงบากบั่น พยายามต่อไป แต่สุดท้ายแล้วอยู่ ๆ ผมก็ป่วยลงอย่างหนัก นอนพักรักษาตัวอยู่เป็นเดือนเลย หมอให้กินแต่ยาฆ่าเชื้อตลอด
รักษาอยู่นานและแล้วผมก็หายป่วย และลุกขึ้นมาสู้ชีวิตต่อ โดยการหางานทำใหม่หลังจากที่ถูกจ้างออกมาเกือบปี
ผมหางานอยู่หลายเดือนสัมภาษณ์มากกกว่า 10 บริษัทแต่ไม่มีใครเรียกตัวเข้าทำงานเสียที ระหว่างรองานไปทำงานบริษัทเล็กๆ ไม่มีมาตรฐาน
ถูกทั้งโกงเงินเดือน สารพัดวิธีโกง อดทนมาได้ 3 เดือน ตัดสินใจออกทั้ง ๆที่ยังไม่ได้งาน ชีวิตแสนรันทด ไม่สมหวังอะไรบ้างเสียเลย
แต่ผมก็มีความหวังว่าจะมีงานดีๆ เข้ามาในชีวิตถ้าเรายังไม่หยุดหา และแล้วความฝันผมก็เป็นจริง มีบริษัทติดต่อเข้ามาไปสัมภาษณ์ผ่าน พร้อมเริ่มงาน
แต่ก่อนเริ่มงาน บริษัทให้ผมไปตรวจสุขภาพ ตรวจหลายโรคด้วยกัน ผมออกกำลังกายสม่ำเสมอ ๆ จึงตรวจผ่านหมด ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดัน ปอด
และสิ่งสุดท้ายที่เสียงมันยังดังกล้องกังวาล อยู่ในหัวผมคือ คุณหมอบอกว่า ผลการตรวจเลือดผมเป็นบวก "คุณติดเชื้อ HIV" ผมหน้าซีด แทบช็อคเมื่อเห็นหมอทำหน้าจริงจังและพูดกับผมแบบนี้
จริงหรือครับหมอ ผมถามหมอซ้ำๆ หลายครั้งมาก เพราะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะติดเอดส์ ทั้ง ๆที่เป็นคนไม่มั่วอะไรเลย ในปี 2556 มีเพศสัมพันธ์แค่ครั้งเดียว ตั้งใจจะเก็บซิงไว้ชิงโชค และก็ได้โชคใหญ่
ไปตลอด จนกว่าจะตายจากกัน นั่นคือ เชื้อ HIV
สิ่งแรกที่ผมคิด คือ ผมจะบอกกับพ่อแม่อย่างไร แล้วชีวิตจะไปทางไหนดี เพราะไหนจะไม่ได้งานแล้ว ยังจะต้องรักษาตัวเองอีก ผมตั้งสติขึ้นมาทันที และรีบโทรหา สายด่วนเรื่องเอดส์ 1663 ผมบอกกับตัวเองว่า
จะต้องผ่านไปให้ได้ ผมเดินร้องไห้ออกจากโรงพยาบาล ทำอะไรไม่ถูกเลย ขับรถวนไปวนมา คิดไปต่าง ๆนานา ความคิดหลายๆ เรื่องผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด ว่าทำไม ช่างโชคร้ายขนาดนี้ เจอแจ็คพอร์ตแตก
ทั้ง ๆที่ เซฟตัวเองอย่างดี แต่โชคร้ายมักจะเกิดขึ้นกับคนระวังตัวเสมอ ผมเสียดายที่ไม่ได้ร่านเลย แต่ติดเอดส์ ผมทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจคิดอยู่ตลอดเวลา ว่า นี่กูเป็นเอดส์แล้วหรอนี่
ผมจึงติดต่อเข้ากระบวนการรักษาจากคลินิกนิรนาม สภาพจิตใจผมแย่มาก อึดอัดมากอยากมีคนให้ปรึกษา อยากบอกพ่อแม่ก็บอกไม่ได้กลัวท่านเสียใจ วันนั้นผมกลับบ้านมาเจอหน้าพ่อแม่ ผมก็ทนไม่ได้เพียงแค่เห็นหน้าพ่อแม่
ก็ร้องไห้ขึ้นมาซะงั้น พ่อแม่ถามว่า เป็นอะไร ร้องไห้ ทำไม ผมบอกแค่ว่า ผมรักพ่อรักแม่มากนะ แล้วก็นอนเข้าห้องนอนไป แต่ก็นอนไม่หลับ ร้องไห้มันทั้งคืน เจ็บยิ่งกว่าแฟนทิ้งเสียอีก คิดอย่างเดียวทำไมเรื่องแบบนี้จะต้องมาเกิดกับผมด้วย
นี่ก็ 4 วันแล้วที่ผมใช้เวลาทำใจที่ไม่เคยแสดงออกให้ใครรู้เลย ว่าในใจผมเจ็บปวดแค่ไหน ในวันพฤหัสนี้ ผมจะเข้าสู่กระบวนการ ตรวจวัดเชื้อวัดภูมิต้านทาน ว่าปกติอยู่หรือไม่ ? แล้วเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป
ผมไม่รู้หรอกว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกนานขนาดไหน แต่ผมมีความฝัน แล้วผมจะต้องทำให้ได้ ความฝันของผมคือก่อนผมตาย พ่อแม่ผมจะต้องอยู่อย่างสุขสบาย แค่นี้ก็ตายตาหลับละ
อยากจะบอกว่า..ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน อะไรก็ขึ้นได้ เราไม่ควรประมาทอะไรเลย......ผมโชคดีมากที่ปฏิบัติธรรม มาพอสมควร ผมจึงมีสติตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่อาจห้ามความรู้สึกได้ สุดท้ายผมก็คงจะต้องปรับตัวให้เข้ากับโรคร้ายนี้ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขต่อไป...จนกว่าจะหมดลมหายใจ