เรื่องที่ผมจะเล่าเป็นประสบการณ์จริง เพื่อนๆท่านใดมี โอกาสจะได้ใช้บริการรถบัสโดยสารจากหาดใหญ่ไปกัวลาลัมเปอร์(KL) นำไปประกอบการพิจารณาได้นะครับ บริษัทดีๆก็มีอีกเยอะนะครับ เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ผมและเพื่อนๆ มีแผนการเดินทางจะไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ในช่วงวันที่10/10/57-20/10/57 เป็นเวลา 10วัน เริ่มต้นจากหาดใหญ่ ในวันศุกร์ที่10/10/57 โดยมีกำหนดหารบินไปญี่ปุ่น12/10/57ในเวลาเช้าตู่ ขึ้นเครื่องจากสนามบินKLIA2 กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย การเดินทางไปประเทศมาเลเซียจากหาดใหญ่ มีการเดินทางได้3วิธี (เท่าที่ผมรู้นะครับ)คือ
หนึ่งโดยรถไฟจะออกจากหาดใหญ่ ประมาณบ่าย 3โมง
สองทางเครื่องบินมีวันละเที่ยว ยกเว้นเสาร์อาทิตย์ ที่มีวันละ2เที่ยว (ถ้าผมจำไม่ผิด)
วิธีสุดท้าย คือรถบัส 24ที่นั่ง
ซึ่งจากการคุยกันในกลุ่ม การเดินทางโดยรถบัสน่าจะตอบโจทย์ทริปเราได้ดีที่สุด เพราะเพื่อนอีก2คนไม่เคยไปมาเลเซีย ต้องการจะเข้าไปเที่ยวก่อนสัก1วันก่อนที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น ในเช้าวันที่12/10/57 จากนั้นเราก็ทำการหาข้อมูลได้คำตอบที่น่าจะดีที่สุดในการเดินทางคือรถบัสของ Alisan golden coach สาเหตุที่เลือกใช่ของบริษัท Alisan เพราะเป็นรถใหม่ มีWIFI และปลั๊กไฟในรถ การเดินเดินทางคงสะดวกไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร

รูปหน้าร้าน ที่มาของรูปhttp://rimarhythm-5.blogspot.com/2013/02/happy-holidays-hatyai-day-5-bye-thailand.html
เมื่อเป็นเช่นนั้นเราได้ทำการซื้อตั๋วผ่านเอเจนซี่ที่เป็นตัวแทน(ซึ่งผมรู้จัก ขอสงวนนามนะครับเพราะเค้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง) ออกเดินทางวันที่10/10/57 เวลา19.00น.

ในวันเดินทางเรารถออกตรงเวลา สภาพรถใหม่ ที่นั่งสบาย มีปลั๊กให้เสียบชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ด้วย แต่WIFIยังคงใช้ไม่ได้ต้องรอเข้าฝั่งมาเลเซียก่อน รถมาถึงด่านขาออกของอำเภอสะเดา ก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหา พอถึงด้านขาเข้าประเทศมาเลยเซีย ผู้โดยสารทุกคนต้องหิ้วกระเป๋าของตนเองผ่านตม.ตามขั้นตอน ผมและเพื่อนผ่านมาเป็นกลุ่มแรกโดยไม่มีปัญหาๆใด เราก็มุ่งหน้าไปยังรถเพื่อที่จะเก็บกระเป๋าไว้ใต้ท้องรถเหมือนตอนขาออกมาจากหาดใหญ่ แต่ตอนนั้นที่เรามาถึงมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรนอกเครื่องแบบมีป้ายห้อยคอ ทำการตรวจค้นรถอยู่ เจ้าหน้าที่ไม่ให้เราเอากระเป๋าขึ้นรถพร้อมบอกให้คอยก่อน ผมก็เข้าใจเป็นขั้นตอนตามปกติของฝั่งมาเล รออยู่ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้เราเอากระเป๋าใส่ใต้ท้องรถได้ จากนั้นเราก็ขึ้นไปนั่งรอบนรถ เพราะถ้าผู้โดยสารมาครบหมด รถก็จะออกจากด่านทันที นั่งรอจนพักใหญ่ๆเกือบครึ่งชั่วโมงรถก็ยังไม่ออก ทั้งที่รถคันอื่นมาหลังก็ออกไปหมด หันไปลองเช็คผู้โดยสารก็ขึ้นมาครบแล้ว ทำให้ผมและเพื่อนๆเริ่มแปลกใจ เพราะมันนานเกินไป แต่ไม่นานเจ้าหน้าศุลกากรก็ขึ้นมานั่งที่ท้ายรถ 1คน และมีเจ้าหน้าที่อีกคนขึ้นมายึดพาสปอร์ตของผู้โดยสารทั้งหมดไปเก็บไว้ เอาแล้วรถเรามีปัญหาแน่แต่ตอนนั้นไม่ทราบสาเหตุเลยว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่าต้องมีผู้โดยสารสักคนที่น่าจะมีปัญหาแน่นอน รอจอดอยู่ที่ด่านตม.ฝั่งมาเลเป็นเวลานานกว่า2ชั่วโมง โดยที่เราไม่รู้สาเหตุว่าเพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงไม่ให้รถเดินทางออกไป มีผู้โดยสารบางคนเริ่มสอบถามเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่าเกิดอะไรขึ้นได้รับคำตอบว่า ให้นั่งประจำที่ก่อน
22.30น.เวลาประเทศไทยจนผ่านไป รถได้เคลื่อนตัวออกจากด่าน โดยมีรถหวอนำไป ซึ่งผมก็เริ่มแปลกๆแล้ว ยิ่งวิ่งออกมาไกลด่านเท่าไหร่ สัญญาณมือถือก็หมดลงไม่สามารถใช้ได้เพราะเราไม่ได้เปิดโรมมิ่ง และไม่มีซิมการ์ดมาเลเซีย เอาน่ารถมีสัญญาณWIFI ไม่เป็นไร เวงกำ!!!! มีแต่สัญญาณเต็มแต่ใช้ไม่ได้อย่างที่โฆษณาไว้ เราเหมือนถูกตัดขาดจากทุกสิ่ง ผมคิดในใจถ้าเราถูกจับจะขอความช่วยเหลือยังไงติดต่อเจ้าหน้าที่ยังไง เราไม่ได้หาข้อมูลตรงนี้ไว้เน็ตก็เล่นไม่ได้ และแล้วรถก็มาจอด ณ สถานที่แห่งหนึ่ง เป็นท่าเรือ เป็นสำนักงานศุลกากรรัฐปะลิส ตอนนั้นเป็นเวลา5ทุ่มเวลาไทย เจ้าหน้าที่ยังห้ามผู้โดยสารลงจากรถ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเป็น10คน ทำการตรวจค้นรถ ขนกระเป๋าผู้โดยสารทุกใบลงมากองไว้ ทำการตรวจทุกซอกทุกมุมในรถ จนเจอสิ่งที่แปลกปลอม มากมายของผิดกฎหมายต่างๆ เท่าที่ผมเห็นด้วยตานะครับ เบียร์สิงห์ 3ลัง เบียร์ลีโอ3ลัง sextoyในถุงดำจำนวนไม่น้อย และต้องผงะเมื่อเจอแอบลักลอบขนสัตว์ นั้นคือนก จำนวนกว่า30ตัว แล้วยังเสื้อผ้าอีกหลายถุง
สำนักงานศุลกากรปะลิส

ระยะทางจากชายแดนด่านสะเดา

รถที่ผมเดินทางไป

คนขับรถเสื้อเหลือง

สิ่งของที่ตรวจพบ

นก30ตัว


งานงอกแล้วสิครับ ผมคิดถึงขั้นตอนต่อไป เราจะถึงKLกี่โมง เพราะดูแล้วรถคันนี้คงถูยึดไว้ที่นี่แน่นอน ทำใจไว้คงช้าสุดตอนด่านเปิดช่วงเช้า ถึงจะมีรถมารับเรา เสียเวลาจริงๆ ยังคาดหวังอยู่ว่าจะถึงklได้เร็วที่สุดเพื่อนผมจะได้ไปเที่ยวเก็นติ้งกัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้ผู้โดยสารลงทีละคนเอากระเป๋าของตัวเองลากเข้าไปในสำนักงาน แต่ระหว่างที่ลงจากรถเพื่อเอากระเป๋าผมมองเข้าไปใต้ท้องรถ มีการดัดแปลง เพื่อขนของผิดกฎหมายโดยเฉพาะ ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาเนื่องจากเจ้าหน้าที่ให้เราเดินเข้าไปในตึกเป็นแถว ทำการตรวจค้นทุกใบทีละพร้อมแจกพาสปอร์ตคืน
00.00น.เที่ยงคืนเวลาไทย หลังจากได้รับพาสปอร์ตคืน ผู้โดยสารหลายคนเริ่มสอบถามเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่า เราจะเดินทางต่อยังไง ได้รับคำตอบว่าจะมีรถเดินทางมาประมาณตี4 (ตี3ไทย เวลามาเลเร็วกว่า1ชั่วโมง) เจ้าหน้านำน้ำดื่มมาแจก พร้อมบอกให้พักผ่อนรอจนกว่ารถจะมา เอาว่ะอออตี4 ถึงโน่นเที่ยงๆก็ยังได้เที่ยว แต่ก็ยังแอบสงสัยอยู่ว่าเค้าของเอารถบริษัทหรือรถนอกที่อยุ่ใกล้เคียงวิ่งมารับเราก่อนแน่เลย ช่างมันจะเป็นรถอะไรก็ได้ให้มันถึงที่หมายก็โอเค
สภาพผู้โดยสารรอคอยรถมารับ บางท่านก็นอนพื้น หรือบ้างก็หลับบนเก้าอี้

03.00น.เวลาไทยคือตี4มาเล ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้ง รถก็ยังไม่มา เจ้าที่บอกด่านยังไม่เปิดคาดว่ารถคงเข้ามาไม่ได้อีก2ชั่วโมงตี5ไทยด่านสะเดาเปิดทำการ ตอนนั้นตัดรถบริเวณใกล้เคียงมารับแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งมาแบบนี้แสดงว่าบริษัทคงให้รถออกจากฝั่งไทยมารถรับผู้โดยสาร รออีก2ชั่วโมงคงไม่เป็นไร
05.00น.เวลาไทย ด่านเปิดทำการแล้วรถคงเข้ามาได้อาจจะใช้เวลาเดินทางมาถึงสำนักงานศุลกากรประมาณ30-40นาที ผ่านไป6โมงเช้าก็ยังไม่มาสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ใหม่ บอกติดต่อบริษัทมีรถเดินทางมาแล้ว คงจะถึงประมาณ7โมงเช้าในเวลาประเทศไทย โอเค รถออกมาแล้วรออีกนิดแล้วกัน เมื่อถึงเวลารถก็ยังไม่มา ผู้โดยสารบางคนเริ่มไม่พอใจ มีผู้โดยสารบางท่านโทรไปยังalisan ที่หาดใหญ่เพื่อสอบถาม แต่คำตอบที่เค้าได้กลับมาสุดแสนจะเจ็บปวด
บริษัทตอบว่า ปัญหาเกิดจากคนขับ ไม่ใช่จากบริษัท ตอบแบบนี้มันแสดงถึงการบริการที่ไม่เข้าท่าเลย ยังไม่จบเรื่องยังมีอีกเยอะ มีผู้โดยสารผู้หญิงท่านนึงได้เดินออกไปซื้อตั๋วเดินทางที่สถานีเอง ซึ่งผมมาทราบจากผู้โดยสารอีกท่านนึงว่าเธอต้องรีบเดินทางไปขึ้นเครื่องแต่คงไม่ทันแล้ว เป็นผู้โดยสารท่านแรกที่ไม่รอรถ
08.00น.ตามเวลาไทย ด่านเปิดมาแล้ว3ชั่วโมง ยังไม่มีวี่แวรถที่จะมารับเรา ตอนนั้นเราเริ่มจะขอรหัสwifiของสำนักงาน (ตอนช่วงดึกขอไปแล้วแต่ถูกปฎิเสธจากเจ้าหน้าที่) เมื่อได้รับสัญญาณอย่างน้อยเล่นไลน์ได้แล้ว ผมให้ทางเอเจนซี่ติดต่อไปยังAlisan ว่ารถออกมาแล้วยังผมจะรออย่างมีความหวังไม่ใช่ผลัดๆไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่รู้รถจะมาถึงเมื่อไหร่
ได้คำตอบแบบไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ประมาณว่ารถออกมาแล้ว น่าจะถึงประมาณ9โมงตามเวลาไทย โอเคผมรอ
จนถึงเวลารถยังไม่มา ผมและเพื่อนตัดสินใจว่าอย่ารอเลย เกิดรถมาถึงตอนค่ำ เราอาจจะตกเครื่องไปญี่ปุ่นในวันรุ่งขึ้นได้ เราจึงเก็บตั๋วโดยสารไว้เพื่อจะได้กลับมาขอความรับผิดชอบจากบริษัทalisan แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
09.00น.เวลาไทยเราออกเดินไปยังท่ารถบัส ได้รับตั๋วรอบ09.15น.เวลาไทย หรือ10.15น.เวลามาเล เพื่อเดินทางไปยังKL ถึงเวลาประมาณ6โมงเย็น(ถึงพร้อมกับรถAlisan ที่วิ่งออกมาจากหาดใหญ่ตามเวลาปกติ)
ตั๋วรถที่ซื้อใหม่เพื่อไปKL

วันและเวลาที่รถเดินทาง

ระหว่างทางนั้น บนไฮเวย์เราเจอรถAlisan วิ่งอยู่ทำให้เราไขข้อข้องใจได้อันนึง ที่บริษัทบอกว่ารถออกมาแล้ว คือออกมาจริงแต่ไม่ได้มารับเรา เป็นรถที่วิ่งตามเวลาเพื่อไปKL
ระหว่างที่อยู่ที่ญี่ปุ่นผมได้ติดต่อผ่านทางเอเจนซี่ ให้ติดต่อalisan เพราะผมกลัวว่าหลายวันทางบริษัทจะไม่ยอม จะย้อนถามผมเอาว่าทำไมไม่รีบมาติดต่อ เอเจนซี่ติดต่อให้ผมไม่ต่ำกว่า2ครั้งในช่วงที่ผมอยู่ญี่ปุ่น ได้รับคำตอบว่ารอเถ้าแก่alisan ตัดสินใจจนผมกลับมาถึงหาดใหญ่วันที่20/10/57 ยังไม่มีความคืบหน้า
ไม่เป็นไรผมจะเข้าไปสอบถามเอง วันที่22/10/57 เวลา17.00น.ผมได้เข้าไปยังบริษัท เจอเจ้าหน้าที่ประมาณ6-7ท่าน ผมได้สอบถามว่าในตอนนี้ใครมีอำนาจตัดสินใจใหญ่สุด จะขอสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่10/10/57 ได้รับคำตอบแบบเดิมตามที่เอเจนซี่บอก ต้องรอเถ้าแก่ ผมเลยสอบถามต่อไปว่าเถ้าแก่จะเข้ามากี่โมง เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนเดิมตอบมาว่า1ทุ่มให้เข้ามา เถ้าแก่อยู่ ผมเลยบอกไปว่าจะเข้ามา1ทุ่ม พอถึงเวลานัดผมไปก่อนเวลาประมาณ18.50น.ประตูบริษัทปิดสนิท ทำให้ผมควันออกหูเลย นัดมา1ทุ่มแต่คุณปิดก่อนเวลา นัดมาเพื่อ???? เปิดม่านประตูเจอเจ้าหน้าที่คนเดินที่นัดผม ว่าไหนเถ้าแก่ กลับตอบว่ากลับไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าบริษัทนี้ทำงานยังไง แต่เมื่อพนักงานรับเรื่องควรจะบอกเถ้าแก่ ว่าเดี๋ยวมีลูกค้ามานะ ถ้าเค้าเต็มใจบริการจริงๆควรจะรอพบ มิใช่ปิดร้านก่อนเวลาแล้วจะนัดผมเพื่ออะไร
ข้อสงสัยที่ผมคาใจ
-ทำไมไม่มีรถบริษัท หรือรถนอกมารับผู้โดยสารโดยถูกทิ้งให้รอไม่ต่ำกว่า12ชั่วโมง ถ้ารถบริษัทน้อยควรจะจ้างรถนอกมาแก้ไขปัญหา มิใช่ลอยแพผู้โดยสารแบบนี้ ถ้าเป็นเครื่องบิน 3ชั่วโมงผู้โดยสารมีสิทธิขอเปลี่ยนเที่ยวบินได้แล้ว
-จากการที่เจ้าหน้าที่บริษัทบอกปัญหาเกิดจากคนขับไม่ใช่บริษัท ผมก็อดสงสัยไม่ได้คือ รถบริษัท แถมรถถูกดัดแปลงเพื่อทำการขนแอบซ่อนสิ่งของ บริษัทจะบอกไม่รู้มันเหมือนการปัดความรับผิดชอบชัดๆ ลองคิดดูถ้าคุณทานอาหารร้านหนึ่งแล้วท้องเสีย คุณไปเรียกร้องจากร้านอาหาร แต่ร้านอาหารบอกมิใช่ความผิดเค้า พ่อครัวต่างหากผิด แล้วคุณไม่คิดจะใส่ใจดูแลลูกค้าเลยหรอ ผมไม่รู้ว่าบริษัทมีส่วนรู้เห็นหรือเปล่า แต่อย่างน้อยควรให้ความสำคัญกับลูกค้ามากกว่านี้
-ในเวลาเกือบ10วันที่ผมอยู่ญี่ปุ่นจนกลับมา เถ้าแก่ไปไหน ไม่รู้เรื่องเลยหรือ ผมว่าเค้ารู้แต่ทำไมไม่ใส่ใจ ถ้าคุณไม่ค่อยอยู่ก็ควรสั่งลูกน้องในเรื่องนี้ไว้ ผมเดาเอาว่าเค้าต้องการให้ลูกค้ารำคาญจนเลิกถามไปเอง
รถใหม่ รถดี แต่บริการแบบนี้ท่านใดคิดจะใช้บริการคิดใหม่ได้เลย ไม่เจอก็ดีไปแต่ถ้าเจอแบบผม เสียทั้งความรู้สึกและเวลา เงินไม่กี่ร้อยบาท แต่บริษัทลูกเล่นเหลือเกิน ความจริงใจบริการไม่มีเลย
เบื่อกับคำตอบเดิมๆ รอเถ้าแก่ตัดสินใจ
ใครไปมาเลเซีย!!! โดยรถบัส ควรอ่าน Alisan golden coach รถดีที่ไม่ควรใช้บริการ
ผมและเพื่อนๆ มีแผนการเดินทางจะไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ในช่วงวันที่10/10/57-20/10/57 เป็นเวลา 10วัน เริ่มต้นจากหาดใหญ่ ในวันศุกร์ที่10/10/57 โดยมีกำหนดหารบินไปญี่ปุ่น12/10/57ในเวลาเช้าตู่ ขึ้นเครื่องจากสนามบินKLIA2 กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย การเดินทางไปประเทศมาเลเซียจากหาดใหญ่ มีการเดินทางได้3วิธี (เท่าที่ผมรู้นะครับ)คือ
หนึ่งโดยรถไฟจะออกจากหาดใหญ่ ประมาณบ่าย 3โมง
สองทางเครื่องบินมีวันละเที่ยว ยกเว้นเสาร์อาทิตย์ ที่มีวันละ2เที่ยว (ถ้าผมจำไม่ผิด)
วิธีสุดท้าย คือรถบัส 24ที่นั่ง
ซึ่งจากการคุยกันในกลุ่ม การเดินทางโดยรถบัสน่าจะตอบโจทย์ทริปเราได้ดีที่สุด เพราะเพื่อนอีก2คนไม่เคยไปมาเลเซีย ต้องการจะเข้าไปเที่ยวก่อนสัก1วันก่อนที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น ในเช้าวันที่12/10/57 จากนั้นเราก็ทำการหาข้อมูลได้คำตอบที่น่าจะดีที่สุดในการเดินทางคือรถบัสของ Alisan golden coach สาเหตุที่เลือกใช่ของบริษัท Alisan เพราะเป็นรถใหม่ มีWIFI และปลั๊กไฟในรถ การเดินเดินทางคงสะดวกไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร
รูปหน้าร้าน ที่มาของรูปhttp://rimarhythm-5.blogspot.com/2013/02/happy-holidays-hatyai-day-5-bye-thailand.html
เมื่อเป็นเช่นนั้นเราได้ทำการซื้อตั๋วผ่านเอเจนซี่ที่เป็นตัวแทน(ซึ่งผมรู้จัก ขอสงวนนามนะครับเพราะเค้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง) ออกเดินทางวันที่10/10/57 เวลา19.00น.
ในวันเดินทางเรารถออกตรงเวลา สภาพรถใหม่ ที่นั่งสบาย มีปลั๊กให้เสียบชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ด้วย แต่WIFIยังคงใช้ไม่ได้ต้องรอเข้าฝั่งมาเลเซียก่อน รถมาถึงด่านขาออกของอำเภอสะเดา ก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหา พอถึงด้านขาเข้าประเทศมาเลยเซีย ผู้โดยสารทุกคนต้องหิ้วกระเป๋าของตนเองผ่านตม.ตามขั้นตอน ผมและเพื่อนผ่านมาเป็นกลุ่มแรกโดยไม่มีปัญหาๆใด เราก็มุ่งหน้าไปยังรถเพื่อที่จะเก็บกระเป๋าไว้ใต้ท้องรถเหมือนตอนขาออกมาจากหาดใหญ่ แต่ตอนนั้นที่เรามาถึงมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรนอกเครื่องแบบมีป้ายห้อยคอ ทำการตรวจค้นรถอยู่ เจ้าหน้าที่ไม่ให้เราเอากระเป๋าขึ้นรถพร้อมบอกให้คอยก่อน ผมก็เข้าใจเป็นขั้นตอนตามปกติของฝั่งมาเล รออยู่ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้เราเอากระเป๋าใส่ใต้ท้องรถได้ จากนั้นเราก็ขึ้นไปนั่งรอบนรถ เพราะถ้าผู้โดยสารมาครบหมด รถก็จะออกจากด่านทันที นั่งรอจนพักใหญ่ๆเกือบครึ่งชั่วโมงรถก็ยังไม่ออก ทั้งที่รถคันอื่นมาหลังก็ออกไปหมด หันไปลองเช็คผู้โดยสารก็ขึ้นมาครบแล้ว ทำให้ผมและเพื่อนๆเริ่มแปลกใจ เพราะมันนานเกินไป แต่ไม่นานเจ้าหน้าศุลกากรก็ขึ้นมานั่งที่ท้ายรถ 1คน และมีเจ้าหน้าที่อีกคนขึ้นมายึดพาสปอร์ตของผู้โดยสารทั้งหมดไปเก็บไว้ เอาแล้วรถเรามีปัญหาแน่แต่ตอนนั้นไม่ทราบสาเหตุเลยว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่าต้องมีผู้โดยสารสักคนที่น่าจะมีปัญหาแน่นอน รอจอดอยู่ที่ด่านตม.ฝั่งมาเลเป็นเวลานานกว่า2ชั่วโมง โดยที่เราไม่รู้สาเหตุว่าเพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงไม่ให้รถเดินทางออกไป มีผู้โดยสารบางคนเริ่มสอบถามเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่าเกิดอะไรขึ้นได้รับคำตอบว่า ให้นั่งประจำที่ก่อน
22.30น.เวลาประเทศไทยจนผ่านไป รถได้เคลื่อนตัวออกจากด่าน โดยมีรถหวอนำไป ซึ่งผมก็เริ่มแปลกๆแล้ว ยิ่งวิ่งออกมาไกลด่านเท่าไหร่ สัญญาณมือถือก็หมดลงไม่สามารถใช้ได้เพราะเราไม่ได้เปิดโรมมิ่ง และไม่มีซิมการ์ดมาเลเซีย เอาน่ารถมีสัญญาณWIFI ไม่เป็นไร เวงกำ!!!! มีแต่สัญญาณเต็มแต่ใช้ไม่ได้อย่างที่โฆษณาไว้ เราเหมือนถูกตัดขาดจากทุกสิ่ง ผมคิดในใจถ้าเราถูกจับจะขอความช่วยเหลือยังไงติดต่อเจ้าหน้าที่ยังไง เราไม่ได้หาข้อมูลตรงนี้ไว้เน็ตก็เล่นไม่ได้ และแล้วรถก็มาจอด ณ สถานที่แห่งหนึ่ง เป็นท่าเรือ เป็นสำนักงานศุลกากรรัฐปะลิส ตอนนั้นเป็นเวลา5ทุ่มเวลาไทย เจ้าหน้าที่ยังห้ามผู้โดยสารลงจากรถ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเป็น10คน ทำการตรวจค้นรถ ขนกระเป๋าผู้โดยสารทุกใบลงมากองไว้ ทำการตรวจทุกซอกทุกมุมในรถ จนเจอสิ่งที่แปลกปลอม มากมายของผิดกฎหมายต่างๆ เท่าที่ผมเห็นด้วยตานะครับ เบียร์สิงห์ 3ลัง เบียร์ลีโอ3ลัง sextoyในถุงดำจำนวนไม่น้อย และต้องผงะเมื่อเจอแอบลักลอบขนสัตว์ นั้นคือนก จำนวนกว่า30ตัว แล้วยังเสื้อผ้าอีกหลายถุง
สำนักงานศุลกากรปะลิส
ระยะทางจากชายแดนด่านสะเดา
รถที่ผมเดินทางไป
คนขับรถเสื้อเหลือง
สิ่งของที่ตรวจพบ
นก30ตัว
00.00น.เที่ยงคืนเวลาไทย หลังจากได้รับพาสปอร์ตคืน ผู้โดยสารหลายคนเริ่มสอบถามเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่า เราจะเดินทางต่อยังไง ได้รับคำตอบว่าจะมีรถเดินทางมาประมาณตี4 (ตี3ไทย เวลามาเลเร็วกว่า1ชั่วโมง) เจ้าหน้านำน้ำดื่มมาแจก พร้อมบอกให้พักผ่อนรอจนกว่ารถจะมา เอาว่ะอออตี4 ถึงโน่นเที่ยงๆก็ยังได้เที่ยว แต่ก็ยังแอบสงสัยอยู่ว่าเค้าของเอารถบริษัทหรือรถนอกที่อยุ่ใกล้เคียงวิ่งมารับเราก่อนแน่เลย ช่างมันจะเป็นรถอะไรก็ได้ให้มันถึงที่หมายก็โอเค
สภาพผู้โดยสารรอคอยรถมารับ บางท่านก็นอนพื้น หรือบ้างก็หลับบนเก้าอี้
03.00น.เวลาไทยคือตี4มาเล ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้ง รถก็ยังไม่มา เจ้าที่บอกด่านยังไม่เปิดคาดว่ารถคงเข้ามาไม่ได้อีก2ชั่วโมงตี5ไทยด่านสะเดาเปิดทำการ ตอนนั้นตัดรถบริเวณใกล้เคียงมารับแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งมาแบบนี้แสดงว่าบริษัทคงให้รถออกจากฝั่งไทยมารถรับผู้โดยสาร รออีก2ชั่วโมงคงไม่เป็นไร
05.00น.เวลาไทย ด่านเปิดทำการแล้วรถคงเข้ามาได้อาจจะใช้เวลาเดินทางมาถึงสำนักงานศุลกากรประมาณ30-40นาที ผ่านไป6โมงเช้าก็ยังไม่มาสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ใหม่ บอกติดต่อบริษัทมีรถเดินทางมาแล้ว คงจะถึงประมาณ7โมงเช้าในเวลาประเทศไทย โอเค รถออกมาแล้วรออีกนิดแล้วกัน เมื่อถึงเวลารถก็ยังไม่มา ผู้โดยสารบางคนเริ่มไม่พอใจ มีผู้โดยสารบางท่านโทรไปยังalisan ที่หาดใหญ่เพื่อสอบถาม แต่คำตอบที่เค้าได้กลับมาสุดแสนจะเจ็บปวด บริษัทตอบว่า ปัญหาเกิดจากคนขับ ไม่ใช่จากบริษัท ตอบแบบนี้มันแสดงถึงการบริการที่ไม่เข้าท่าเลย ยังไม่จบเรื่องยังมีอีกเยอะ มีผู้โดยสารผู้หญิงท่านนึงได้เดินออกไปซื้อตั๋วเดินทางที่สถานีเอง ซึ่งผมมาทราบจากผู้โดยสารอีกท่านนึงว่าเธอต้องรีบเดินทางไปขึ้นเครื่องแต่คงไม่ทันแล้ว เป็นผู้โดยสารท่านแรกที่ไม่รอรถ
08.00น.ตามเวลาไทย ด่านเปิดมาแล้ว3ชั่วโมง ยังไม่มีวี่แวรถที่จะมารับเรา ตอนนั้นเราเริ่มจะขอรหัสwifiของสำนักงาน (ตอนช่วงดึกขอไปแล้วแต่ถูกปฎิเสธจากเจ้าหน้าที่) เมื่อได้รับสัญญาณอย่างน้อยเล่นไลน์ได้แล้ว ผมให้ทางเอเจนซี่ติดต่อไปยังAlisan ว่ารถออกมาแล้วยังผมจะรออย่างมีความหวังไม่ใช่ผลัดๆไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่รู้รถจะมาถึงเมื่อไหร่
ได้คำตอบแบบไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ประมาณว่ารถออกมาแล้ว น่าจะถึงประมาณ9โมงตามเวลาไทย โอเคผมรอ
จนถึงเวลารถยังไม่มา ผมและเพื่อนตัดสินใจว่าอย่ารอเลย เกิดรถมาถึงตอนค่ำ เราอาจจะตกเครื่องไปญี่ปุ่นในวันรุ่งขึ้นได้ เราจึงเก็บตั๋วโดยสารไว้เพื่อจะได้กลับมาขอความรับผิดชอบจากบริษัทalisan แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
09.00น.เวลาไทยเราออกเดินไปยังท่ารถบัส ได้รับตั๋วรอบ09.15น.เวลาไทย หรือ10.15น.เวลามาเล เพื่อเดินทางไปยังKL ถึงเวลาประมาณ6โมงเย็น(ถึงพร้อมกับรถAlisan ที่วิ่งออกมาจากหาดใหญ่ตามเวลาปกติ)
ตั๋วรถที่ซื้อใหม่เพื่อไปKL
วันและเวลาที่รถเดินทาง
ระหว่างทางนั้น บนไฮเวย์เราเจอรถAlisan วิ่งอยู่ทำให้เราไขข้อข้องใจได้อันนึง ที่บริษัทบอกว่ารถออกมาแล้ว คือออกมาจริงแต่ไม่ได้มารับเรา เป็นรถที่วิ่งตามเวลาเพื่อไปKL
ระหว่างที่อยู่ที่ญี่ปุ่นผมได้ติดต่อผ่านทางเอเจนซี่ ให้ติดต่อalisan เพราะผมกลัวว่าหลายวันทางบริษัทจะไม่ยอม จะย้อนถามผมเอาว่าทำไมไม่รีบมาติดต่อ เอเจนซี่ติดต่อให้ผมไม่ต่ำกว่า2ครั้งในช่วงที่ผมอยู่ญี่ปุ่น ได้รับคำตอบว่ารอเถ้าแก่alisan ตัดสินใจจนผมกลับมาถึงหาดใหญ่วันที่20/10/57 ยังไม่มีความคืบหน้า
ไม่เป็นไรผมจะเข้าไปสอบถามเอง วันที่22/10/57 เวลา17.00น.ผมได้เข้าไปยังบริษัท เจอเจ้าหน้าที่ประมาณ6-7ท่าน ผมได้สอบถามว่าในตอนนี้ใครมีอำนาจตัดสินใจใหญ่สุด จะขอสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่10/10/57 ได้รับคำตอบแบบเดิมตามที่เอเจนซี่บอก ต้องรอเถ้าแก่ ผมเลยสอบถามต่อไปว่าเถ้าแก่จะเข้ามากี่โมง เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนเดิมตอบมาว่า1ทุ่มให้เข้ามา เถ้าแก่อยู่ ผมเลยบอกไปว่าจะเข้ามา1ทุ่ม พอถึงเวลานัดผมไปก่อนเวลาประมาณ18.50น.ประตูบริษัทปิดสนิท ทำให้ผมควันออกหูเลย นัดมา1ทุ่มแต่คุณปิดก่อนเวลา นัดมาเพื่อ???? เปิดม่านประตูเจอเจ้าหน้าที่คนเดินที่นัดผม ว่าไหนเถ้าแก่ กลับตอบว่ากลับไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าบริษัทนี้ทำงานยังไง แต่เมื่อพนักงานรับเรื่องควรจะบอกเถ้าแก่ ว่าเดี๋ยวมีลูกค้ามานะ ถ้าเค้าเต็มใจบริการจริงๆควรจะรอพบ มิใช่ปิดร้านก่อนเวลาแล้วจะนัดผมเพื่ออะไร
ข้อสงสัยที่ผมคาใจ
-ทำไมไม่มีรถบริษัท หรือรถนอกมารับผู้โดยสารโดยถูกทิ้งให้รอไม่ต่ำกว่า12ชั่วโมง ถ้ารถบริษัทน้อยควรจะจ้างรถนอกมาแก้ไขปัญหา มิใช่ลอยแพผู้โดยสารแบบนี้ ถ้าเป็นเครื่องบิน 3ชั่วโมงผู้โดยสารมีสิทธิขอเปลี่ยนเที่ยวบินได้แล้ว
-จากการที่เจ้าหน้าที่บริษัทบอกปัญหาเกิดจากคนขับไม่ใช่บริษัท ผมก็อดสงสัยไม่ได้คือ รถบริษัท แถมรถถูกดัดแปลงเพื่อทำการขนแอบซ่อนสิ่งของ บริษัทจะบอกไม่รู้มันเหมือนการปัดความรับผิดชอบชัดๆ ลองคิดดูถ้าคุณทานอาหารร้านหนึ่งแล้วท้องเสีย คุณไปเรียกร้องจากร้านอาหาร แต่ร้านอาหารบอกมิใช่ความผิดเค้า พ่อครัวต่างหากผิด แล้วคุณไม่คิดจะใส่ใจดูแลลูกค้าเลยหรอ ผมไม่รู้ว่าบริษัทมีส่วนรู้เห็นหรือเปล่า แต่อย่างน้อยควรให้ความสำคัญกับลูกค้ามากกว่านี้
-ในเวลาเกือบ10วันที่ผมอยู่ญี่ปุ่นจนกลับมา เถ้าแก่ไปไหน ไม่รู้เรื่องเลยหรือ ผมว่าเค้ารู้แต่ทำไมไม่ใส่ใจ ถ้าคุณไม่ค่อยอยู่ก็ควรสั่งลูกน้องในเรื่องนี้ไว้ ผมเดาเอาว่าเค้าต้องการให้ลูกค้ารำคาญจนเลิกถามไปเอง
รถใหม่ รถดี แต่บริการแบบนี้ท่านใดคิดจะใช้บริการคิดใหม่ได้เลย ไม่เจอก็ดีไปแต่ถ้าเจอแบบผม เสียทั้งความรู้สึกและเวลา เงินไม่กี่ร้อยบาท แต่บริษัทลูกเล่นเหลือเกิน ความจริงใจบริการไม่มีเลย
เบื่อกับคำตอบเดิมๆ รอเถ้าแก่ตัดสินใจ