[18+] รักจริง....หรือแค่ คิดไปเอง <--

ผมว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแรกของโลกหรอกนะ...หลายๆคนก็คงเคยเป็น
ผมมีเพื่อนหญิงอยู่คนนึ่งครับ รู้จักกันตอนปี 1 เข้ามหาลัยใหม่ๆ เลยไม่รู้จักใครเลยก็ได้มันนี่แหละ คอยช่วยนั่นนี่โน่น
ทำงาน การบ้าน นำเสนองาน อะไรๆก็อยู่กลุ่มเดียวกันหมด เพราะรหัสนักศึกษาติดกัน มีด่ากัน งอลกัน หัวเราะเฮฮา ด้วยกัน ผ่านไรกันมาเยอะแยะ รับน้อง ออกค่ายอาสา เยอะแยะไปหมด เหมือนจะไม่มีอะไร ตอนนั้นดูมันเอ๋อๆ ยังไม่สวยไม่เป็นสาวอะไรมาก เด็กเรียน ใส่แว่นหนาๆ ไรงี้ แต่ก็สนิทกับมันที่สุดแระ
ผมก็เด็กบ้านนอก เข้ามาเรียนในกรุงก็ทำตัวไม่ค่อยถูก เจอแต่สาวๆ ทั้งสวย ทั้งน่ารัก ก็เก็บเอาไปเล่าให้มันฟัง ครั้งแรกที่คุยโทรศัพท์กับมัน(ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุยกันนะ) แต่เป็นครั้งแรกที่คุยโทรศัพท์ ก็ได้เล่าเรื่องหญิงให้มันฟังเลยอ่าา (เลวจริง) ปรึกษานั่นโน่นนี่ แต่มันก็รับฟังนะ แถมถามเราว่าเป็นใครโน่นนี่นั่น แต่เยอะแหละ เราก็จำไม่ค่อยได้แระ เรื่องมันนานมาแระ พอปี 2 เทมอ 2 มันก็รู้สึกจะเปลี่ยนไป ทั้งนิสัย ทั้งท่าทาง ดูโตๆขึ้น(ก็มันจะ 20 แล้วมั้ง) เริ่มรู้จักการแต่งตัว มันก็ชอบถามเราว่า แกๆๆ ชั้ลแต่งตัวเป็นไงบ้าง เราก็ตอบมันไปว่า... "แต่งไรของแกเนี่ย??" อันที่จริงในใจเราก็รู้ว่ามันแต่งตัวมาเพื่อจะให้เราทัก 555 ก็ตลกตัวเองนะที่พูดออกไปอย่างนั้น  
ซึ่งในตอนนั้นมันก็ดูเหงาๆ เนื่องจาก เพื่อนที่สนิทผู้หญิงของมัน ซิ่วไปเรียน สัตวแพทย์ มันก็เลยต้องปรับตัวเพื่อเข้าหาเพื่อนใหม่ แต่เราก็อยู่ข้างมันตลอดนะ แต่อย่างว่าแหละ เพื่อนผู้ชาย ก็อะไรกับมันไม่ได้มาก มันก็เลยมาอยู่กับเพื่อนผู้หญิงกลุ่มใหม่ ซึ่งจะไม่ค่อยสนิทอะไรมาก มันก็ชอบมาเล่าให้เราฟังตลอดจนเรารำคาญ มันบ่นๆ เราก็จะ เล่นมือถือไม่สนใจมัน จนวันนึ่งเราทนไม่ไหว ที่มันนัดเราออกมาข้างนอกบ่อยๆ ทั้งนั่งร้านกาแฟ ร้านโดนัส ฯลฯ อีกมากมาย เพื่อที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดในชีวิต ให้เราฟัง (ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูเลย)  คุยกันตั้งแต่ หกโมงเย็น ยัน สามสี่ทุ่ม เราจึงถามมันไปว่า "ทำไมต้องเล่าเรื่องราวต่างๆให้ชั้ลฟังด้วยว่ะ เพื่อนผู้หญิงแกก็มีเยอะแยะมิใช่หรอ" แต่สิที่มันตอบกลับมาทำให้ผมพูดอะไรไม่ออกเลยที่เดียว "ก็เวลาคุยกับเพื่อนผู้ชายอย่างแกแล้วเราสบายใจ กว่าจะเล่าให้เพื่อนผู้หญิงฟัง อย่างน้อยแกก็ไม่ไปเล่านินทาเราลับหลัง" คือ....ความรู้สึกตอนนั้น เราจะดีใจดีป่าวว่ะ (คือถ้าดีใจก็ต้องมารับฟังมันแบบนี้ บ่อยๆใช่ม่ะ?) เอ้อ! ลืมบอกไป ผมไม่มีใครซื้อของขวัญวันเกิดที่เป็นชิ้นเป็นอันให้เลย พ่อแม่ผมก็ทำงานที่ต่างประเทศ ของขวัญที่ผมจำได้ตั้งแต่จำความได้ คือ เงิน,เงิน และก็เงิน ซึ่งถามว่าดีมั้ย ก็ดีนะ เด็ก ม.1 อยู่ต่างจังหวัด ใช้ตังวันละ 300+/วัน(สมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว) ซึ่งบ้านก็ไม่ได้รวยไรมากนะ...(ออกนอกเรื่องไปไกลแระ) นั่นแหละ ของขวัญชิ้นแรกที่เป็นชิ้นเป็นอันก็คือ ดินสอเปลี่ยนใส้ยี้ห้อหนึ่ง มันทำให้ผมประหลาดใจมากเลย เมื่อมันบอกผมว่า "แก...HBD นะ นี่ชั้ลให้นะ (พร้อมยื่นของขวัญที่ห่ออย่างสวยมีการ์ดอวยพร)" ผมดีใจจนพูดไรไม่ถูกเลย นั่นเป็นของขวัญวันเกิดตอนที่ผมอยู่ปี 1 ที่ประทับใจมาก
แต่ไม่นานก็ต้องมีด่ากันอีก เรื่องงาน คือจะมีวันนึ่งที่ต้องเรียน Lab เคมี ซึ่งจะต้องเรียนกันเป็นกลุ่ม ซึ่งการจับกลุ่มก็ต้องเรียนตามรหัสนักศึกษา ผมก็รหัสติดกับมัน ซึ่งได้เป็น พาสเนอร์เลป กันนั่นเอง คืนก่อนหน้านั้นผมบอกให้มันเตรียมเอกสารและทำการบ้านมาให้ครบอย่าลืมเอามาให้ครบ ซึ่งเราได้โทรบอกมันก่อนนอนไปแล้วรอบหนึ่ง เท่านั้นแหละ พอวันถัดมันเรียนแลปกัน มันกับลืมเอามาด้วยให้เหตุผลว่าต้องตื่นเช้าแระเพิ่งกลับมาจากบ้าน เรานี่แบบขึ้นเลยอ่ะ ก็เลยยืมของกลุ่มอื่นไปถ่ายเอกสาร และทำแลปด้วยกันอย่างไม่พูดไม่คุยกัน เป็นแบบนี้อยู่ ประมาณ 1 เดือน ต่างคนต่างอึดอัด เพื่อนๆ ก็ถามกันว่า "พวกสองคนเป็นไรกันป่าว ปกติคุยกันมุ้งมิ้ง" เราก็ได้แค่ยิ้มแล้วก็ตอบเพื่อนไปว่าไม่มีไรหรอก หัวเราะกลบเกลือน จริงๆเราก็ไม่ได้โกรธอะไรมันมากขนาดนั้นนะ เรากลัวที่จะเสียมันไปจริงๆ ก็เลยเดินเข้าไปคุยกันตรงๆ เคลียร์กันสักพักก็ลงตัว
จากนั้นเราสองคนก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เพื่อนๆ คิดว่าเราคบกัน เรานี่โวยวายเลย รีบปฎิเสธ กลัวสาวๆที่เก็บไว้หายหมด 555 ส่วนมันเฉยๆยิ้มๆ เพื่อนแซวมันก็ไม่ได้โต้ตอบไรมาก มีแต่เราอย่างเดียวที่ออกตัว!
เอาจริงๆมั้ย ตอนนั้นมันยังไม่ใช่สเปคเราอ่ะ ด้วยเราชอบเลือกด้วยล่ะ (พูดยังกะตัวเองหล่อ) แต่ก็เลือกได้นะ สาวๆมาติดเพียบ แต่ด้วยความเจ้าชู้แหละ  มันเลยชอบพูดว่าเราเจ้าชู้ ความจริงจากใจนะ เราไม่เคยมีใครที่คุยได้เป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ คุยกันทางเฟส กับสาวพยาบาล สาวเภสัช แต่ก็แค่นั้นไม่เคยที่จะได้ไปจริงจังกับใครเลย เราเป็นพวกที่เก่งหลังคีบอร์ดอ่ะ ถ้าเรื่องผู้หญิงอ่ะ ก่อนจะขึ้นปี 3 มันก็ได้เที่ยวและฝึกงานที่อเมริกา ในช่วงซัมเมอร์ ก่อนขึ้นปี3 ช่วงนั้น ชีวิตเราเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ซึ่งมันก็ไปอเมริกาแค่ 3 เดือนเองนะ แต่ความรู้สึกว่านานเป็นปีเลยอ่ะ แต่ก็จะได้คุยกับมันอยู่เรื่อย ทาง skype ซึ่งปัญหาจะอยู่ที่เวลาไม่ตรงกัน มัน 4 ทุ่มกว่ามันจะเลิกงาน ไทยเราก็ประมาณ 10 โมงกว่าๆ ช่วงนั้นเราก็ต้องไปรีบทำงานให้เสร็จ(เราได้ฝึกงานในประเทศอ่าา T T) พอได้เห็นหน้ากันทีนึ่ง น้ำตาจะไหล เหมือนอยากจะกอดให้ได้อ่า แต่อินเตอร์เน็ตที่มันทำงานช่างไม่เป็นใจให้เรา เห้ยยย!! เรานี่นั่งขีดปฏิทินรอมันกลับเลย เราสองคนคุยกันมาเรื่อยๆ (ความเห็นเรานะไม่เคยเชื่อเรื่องความคิดถึงอะไรแบบนี้เลย ดูมันน้ำเน่าอ่ะ) แต่พอเจอกับตัวแบบนี้รู้เลยว่าคำว่า คิดถึง สะกดยังไง  ในวันที่มันกลับจาก อเมริกา เครื่องแตะพื้นไทยประมาณช่วง 01.00 น. ซึ่งไม่ได้คุยกับมันก่อนหน้านี้เลยว่าจะไปรับ เราไม่รู้แม้กระทั่งเวลาที่ถึงไทย เราไปรอมันตั้งแต่ 23.00 ยัน ตี 2 กว่ามันถึง แว๊ปแรกที่เห็นเราอยากเดินข้างไปกอดเลย(ใจคิดแบบนั้นนะ) จากนั้นเราก็กลับมานอนที่หอพัก พร้อมเตรียมตัวเพื่อไปเรียน (เรากลับมานอนที่ห้องตัวเอง แล้วเราก็รู้สึกแปลก รู้สึกเหมือนของที่เรารักหายไป แล้วได้คืน) เราก็ตั้งใจนะ ว่าจากนี้ เราจะไม่หาเรื่องมันอีกแระ จะคอยอยู่ใกล้มันให้คำปรึกษา เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน....แต่อุปสรรคเริ่มจะมีสำหรับผม คือ มีผู้ชายคนนึ่งเข้ามีจีบมัน ซึ่งผู้ชายคนนั้นหล่อ น่าตาดี เป็นรุ่นน้อง มีคนมาชอบน้องเค้าเยอะ แต่น้องเค้าก็มาชอบมัน ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือ น้องคนนั้นเป็น น้องรหัส ผมเอง....

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่