สวัสดีครับ...
สัปดาห์นี้มีเรื่องเก่าที่จะนำมาเล่าอยู่หลายเรื่องด้วยกัน สำหรับเรื่องนี้ได้มาจากหนังสือ "ความรู้คือประทีป" หนังสือวิทยาทานพิมพ์แจกเป็นมิตรพลี
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เอสโซ่สแตนดาร์ด ประเทศไทย จำกัด ช่วงปี พ.ศ.2510 - 2513 เป็นเรื่องเกี่ยวกับรถไถนารุ่นแรกๆ ของเมืองไทย ซึ่งเข้ามาใช้งานในสมัยรัชกาลที่ 5 เล่าโดยคุณเทพชู ทัพทอง หรือ "ลุงหนวด" แห่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในยุคหลังๆ ซึ่งมีสไตล์การเล่าไปในแนวเบาสมอง แต่แทรกด้วยเนื้อหาสาระที่ต้องการให้ผู้อ่านได้ทราบอยู่เต็มเปี่ยม ลองติดตามดูสิครับ
ควายยนต์คนโบราณ
เทพชู ทัพทอง กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “พิมพ์ไทย”
รถประหลาด...
แต่ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นก็คือ เสียงเครื่องยนต์ของรถคันนั้นมันดังจนแก้วหูแทบจะแตก และก็เพราะความแปลกนี่เองที่ทำให้ผู้คนเดินตามดูเกรียวกราว
ตาสี ตาสา ยายมี ยายมา ซึ่งมาชุมนุมกันอยู่ ณ ที่นั้น ต่างก็สดุดีรถประหลาดคันนี้ไปตามๆ กัน เพราะนอกจากมันจะวิ่งได้เองโดยไม่ต้องใช้ม้าลากแล้ว มันยังไถนาแทนวัวควายได้อีกด้วย
“เสียอย่างเดียว มันไม่กินหญ้า” ตาอะไรคนหนึ่งพูดออกความเห็นตามประสาของคนที่อยู่ในประเทศที่มีหญ้าอุดมสมบูรณ์
“เขาว่ามันกินน้ำมันเหมือนเครื่องยนต์โรงสีข้าวเถ้าแก่เฮง” ตาอะไรอีกคนบอก
“เฮ้ย อ้ายหนู... อ้ายหนู หลบ... หลบ มันวิ่งเฉมาทางนี้แล้ว” ตอนนี้คนดูวิ่งหลบรถไถยนต์คันนั้นเป็นพรวน
นี่คือเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นแถวสี่แยกราชประสงค์ตรงที่เป็นศูนย์การค้าเฉลิมโลกติดต่อกับบริเวณถนนเกสรเดี๋ยวนี้ เมื่อ 58 ปีก่อนโน้น
ท่านผู้อ่านลองเดาดูสิว่า รถประหลาดคันนั้นเป็นรถอะไร ?
ถ้าเดาไม่ถูก ผู้เขียนขอบอกเลยว่ามันคือรถแทร็กเตอร์ไถนายังไงล่ะท่าน ซึ่งสมัยนั้นเขาเรียกว่า
“รถไถยนต์”
ท่านผู้อ่านส่วนมากคงจะทราบแล้วว่า ในสมัยนั้นซึ่งเป็นสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองไทยเพิ่งเริ่มจะมีรถไฟ รถยนต์ และไฟฟ้า เครื่องยนต์กลไกต่างๆ ก็เพิ่งเริ่มจะมีเข้ามา คนไทยส่วนมากจึงรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพราะเป็นของใหม่และแปลกซึ่งไม่เคยเห็นเคยใช้มาก่อนเลยในชีวิต
คนไทยเพิ่งจะรู้จักรถยนต์เมื่อก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสั่งซื้อเข้ามาจากต่างประเทศเป็นครั้งแรก และต่อมาก็มีเจ้านาย พ่อค้า ประชาชน ทรงสั่งซื้อ และสั่งซื้อกันเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มากนัก
ดังนั้น เมื่อมีรถแทร็กเตอร์เข้ามา ประชาชนจึงได้สนใจกันเป็นธรรมดา แต่ความสนใจของประชาชนดังกล่าว เป็นเพียงความสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกมากกว่าประโยชน์ของมันที่จะใช้ในการทำไร่ทำนา
ภาพเก่าเล่าความหลัง ชุดที่ 2 (30)
สัปดาห์นี้มีเรื่องเก่าที่จะนำมาเล่าอยู่หลายเรื่องด้วยกัน สำหรับเรื่องนี้ได้มาจากหนังสือ "ความรู้คือประทีป" หนังสือวิทยาทานพิมพ์แจกเป็นมิตรพลี
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เอสโซ่สแตนดาร์ด ประเทศไทย จำกัด ช่วงปี พ.ศ.2510 - 2513 เป็นเรื่องเกี่ยวกับรถไถนารุ่นแรกๆ ของเมืองไทย ซึ่งเข้ามาใช้งานในสมัยรัชกาลที่ 5 เล่าโดยคุณเทพชู ทัพทอง หรือ "ลุงหนวด" แห่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในยุคหลังๆ ซึ่งมีสไตล์การเล่าไปในแนวเบาสมอง แต่แทรกด้วยเนื้อหาสาระที่ต้องการให้ผู้อ่านได้ทราบอยู่เต็มเปี่ยม ลองติดตามดูสิครับ
ควายยนต์คนโบราณ
เทพชู ทัพทอง กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “พิมพ์ไทย”
รถประหลาด...
แต่ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นก็คือ เสียงเครื่องยนต์ของรถคันนั้นมันดังจนแก้วหูแทบจะแตก และก็เพราะความแปลกนี่เองที่ทำให้ผู้คนเดินตามดูเกรียวกราว
ตาสี ตาสา ยายมี ยายมา ซึ่งมาชุมนุมกันอยู่ ณ ที่นั้น ต่างก็สดุดีรถประหลาดคันนี้ไปตามๆ กัน เพราะนอกจากมันจะวิ่งได้เองโดยไม่ต้องใช้ม้าลากแล้ว มันยังไถนาแทนวัวควายได้อีกด้วย
“เสียอย่างเดียว มันไม่กินหญ้า” ตาอะไรคนหนึ่งพูดออกความเห็นตามประสาของคนที่อยู่ในประเทศที่มีหญ้าอุดมสมบูรณ์
“เขาว่ามันกินน้ำมันเหมือนเครื่องยนต์โรงสีข้าวเถ้าแก่เฮง” ตาอะไรอีกคนบอก
“เฮ้ย อ้ายหนู... อ้ายหนู หลบ... หลบ มันวิ่งเฉมาทางนี้แล้ว” ตอนนี้คนดูวิ่งหลบรถไถยนต์คันนั้นเป็นพรวน
นี่คือเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นแถวสี่แยกราชประสงค์ตรงที่เป็นศูนย์การค้าเฉลิมโลกติดต่อกับบริเวณถนนเกสรเดี๋ยวนี้ เมื่อ 58 ปีก่อนโน้น
ท่านผู้อ่านลองเดาดูสิว่า รถประหลาดคันนั้นเป็นรถอะไร ?
ถ้าเดาไม่ถูก ผู้เขียนขอบอกเลยว่ามันคือรถแทร็กเตอร์ไถนายังไงล่ะท่าน ซึ่งสมัยนั้นเขาเรียกว่า “รถไถยนต์”
ท่านผู้อ่านส่วนมากคงจะทราบแล้วว่า ในสมัยนั้นซึ่งเป็นสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองไทยเพิ่งเริ่มจะมีรถไฟ รถยนต์ และไฟฟ้า เครื่องยนต์กลไกต่างๆ ก็เพิ่งเริ่มจะมีเข้ามา คนไทยส่วนมากจึงรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพราะเป็นของใหม่และแปลกซึ่งไม่เคยเห็นเคยใช้มาก่อนเลยในชีวิต
คนไทยเพิ่งจะรู้จักรถยนต์เมื่อก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสั่งซื้อเข้ามาจากต่างประเทศเป็นครั้งแรก และต่อมาก็มีเจ้านาย พ่อค้า ประชาชน ทรงสั่งซื้อ และสั่งซื้อกันเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มากนัก
ดังนั้น เมื่อมีรถแทร็กเตอร์เข้ามา ประชาชนจึงได้สนใจกันเป็นธรรมดา แต่ความสนใจของประชาชนดังกล่าว เป็นเพียงความสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกมากกว่าประโยชน์ของมันที่จะใช้ในการทำไร่ทำนา