มาริโอ บาโลเตลลี่ โดนสื่อมวลชนเล่นงานอย่างหนัก ถึงฟอร์มที่ไม่เข้ารูปเข้ารอยในช่วงหลัง
ถ้าเทียบกับวันแรกที่เขาย้ายมาร่วมทีม ต้องบอกว่าแรงสนับสนุนจากแฟนบอลถือว่า ลดน้อยลงจากเดิมมาก แต่มันก็เข้าใจได้ เพราะเจ้าตัวยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มที่เคยเป็น เหมือนสมัยอยู่กับเอซี มิลาน หรือกับทีมชาติอิตาลีออกมาได้
6 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก บาโลเตลลี่ยังทำประตูไม่ได้ ทำให้แฟนหงส์แดงเริ่มจะเหนื่อยล้าหัวใจลงไปทุกวัน อย่างไรก็ตามครับ ผมอยากให้ทุกคนมองอีกมุมหนึ่ง ถ้าเราเปิดใจสักนิด เราจะยังเห็นว่ามีเหตุผลหลายข้อที่ควรให้กำลังใจบาโลเตลลี่กันต่อไป
1 บาโลเตลลี่ คือกองหน้าที่ยิงนอกเขตโทษได้สุดยอดมาก
ในฤดูกาลที่แล้วกับเอซี มิลาน บาโลเตลลี่ยิงประตูนอกเขตโทษได้ถึง 6 ลูก มีนักเตะแค่ 3 คนในห้าลีกใหญ่ของยุโรปเท่านั้นที่ยิงนอกเขตโทษได้มากกว่าเขา ซึ่งซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูลขาดอาวุธหนักอย่างการยิงไกลไป และบาโลเตลลี่ สามารถเข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้ได้แน่นอน
2 เขาเพิ่งย้ายมาร่วมทีมได้แค่ 2 เดือน
ลองคิดตามความเป็นจริง นักเตะคนใหม่ กับทีมใหม่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ลองคิดดูขนาดเป็นตัวเราเอง เวลาย้ายที่ทำงานหรือที่เรียน ยังต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับตัว ซึ่งบาโลเตลลี่เองก็เหมือนกัน 2 เดือนถือว่าน้อยมากที่จะเรียนรู้ระบบการเล่น และทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมทีม ขนาดบริษัททั่วไปในประเทศไทย ผ่านโปรเขายังใช้เวลา 4 เดือนเลยนะครับ เพราะฉะนั้น 2 เดือนจะมาตัดสินกันแล้ว มันใจร้ายเกินไปมาก
3 ขอให้เชื่อมือเบรนแด็น ร็อดเจอร์ส
เบรนแด็น ร็อดเจอร์ส คือผู้จัดการทีมที่ชำนาญในการดึงศักยภาพของนักเตะออกมา ในอดีตเขาทำให้หลุยส์ ซัวเรซ จอมเกเร กลายเป็นคนที่มุ่งมั่นเพื่อลิเวอร์พูล หรืออย่างแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่เชลซีมองเป็นแค่อะไหล่สำรอง ร็อดเจอร์สก็ปั้นจนกลายเป็นตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ แล้วทำไมเขาจะทำแบบนั้นกับบาโลเตลลี่ไม่ได้
4 รอสเตอร์ริดจ์รีเทิร์น
เกมแรกสุดที่บาโลเตลลี่ลงสนาม คือเกมพบกับสเปอร์ส และนัดนั้นลิเวอร์พูลชนะ 3-0 ซึ่งเป็นการเอาชนะแบบเอาต์คลาสด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม แต่ทันทีที่แดเนียล สเตอร์ริดจ์ได้รับบาดเจ็บ ฟอร์มของบาโลเตลลี่ก็แกว่งตามไปด้วย ลองคิดดูว่า ถ้าสเตอร์ริดจ์หายกลับมา หน้าที่ของบาโลเตลลี่ ก็จะเป็นกองหน้าตัวจบสกอร์เหมือนเดิม ไม่ต้องวิ่งส่ายไปส่ายมา เหมือนที่เขาเป็นอยู่ขณะนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ฟอร์มการเล่นดีขึ้นกว่านี้
5 ฝีเท้าไม่ใช่เรื่องโกหก
แม้จะหลุดจากทีมชาติไปในตอนนี้ แต่ถ้าย้อนกลับไปไม่นานนัก เขาคือตัวหลักของอิตาลีมาโดยตลอด เรื่องฝีเท้าของบาโลนั้น ไม่ต้องสงสัยกันอีกแล้ว สองประตูที่ยิงเยอรมันในยูโร 2012 รอบรองชนะเลิศยังอยู่ในความทรงจำของทุกคน รวมถึงประตูชัยที่ยิงอังกฤษในฟุตบอลโลก 2014 ก็แสดงให้เห็นว่า เขาเป็นหัวหอกที่ดีโดยพื้นฐาน และมีความครบเครื่องอยู่ในตัว
6 สุดยอดนักเตะออกสตาร์ตช้าก็มีหลายคน
บาโลเตลลี่ ลงเป็นตัวจริงแค่ 5 นัดเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก (สำรองอีก 1) การที่ยังยิงประตูไม่ได้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด ในอดีตเดนนิส เบิร์กแคมป์ สุดยอดตำนานของอาร์เซน่อล ใช้เวลาถึง 7 เกมในการยิงประตูแรกของตัวเองกับทีมปืนใหญ่ (ในฤดูกาล 1995-96) ขณะที่เธียร์รี่ อองรี เจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลของอาร์เซน่อล เป็นตัวจริง 5 เกม และสำรองอีก 2 กว่าจะเบิกสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีกให้กับทีมได้เช่นกัน ดังนั้น บาโลเตลลี่แค่ 6 เกมเท่านั้น ยังไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลใจขนาดนั้น
7 อย่าไปติดภาพหลุยส์ ซัวเรซ
หลายคนยังคงคิดถึงหลุยส์ ซัวเรซอยู่ แต่เราต้องยอมรับได้แล้วว่า ซัวเรซตอนนี้เป็นเพียงความทรงจำเท่านั้น ใช่ เราทุกคนรักเขา แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่จะเอาซัวเรซไปเปรียบเทียบกับบาโลเตลลี่ ตอนนี้บาโลเตลลี่พยายามอย่างเต็มที่ และมันก็ไม่แฟร์ถ้าเราจะหวนไปคิดถึงหลุยส์ ซัวเรซตลอดเวลา เหมือนถ้าคุณมีแฟน แล้วแฟนคุณยังคิดถึงแฟนเก่าทุกครั้งเสมอที่ทะเลาะกัน คุณว่ามันยุติธรรมกับคุณมั้ยล่ะครับ
8 เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายของบาโลเตลลี่แล้ว
ตัวบาโลเตลลี่เอง เคยให้สัมภาษณ์ว่า ลิเวอร์พูลอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาในการลงเล่นกับทีมระดับท็อปของยุโรป ดังนั้นเขารู้ดีอยู่แล้วว่า ต้องทุ่มเทในสนามเต็มที่ เพื่อเก็บผลการแข่งขันทีดีให้กับทีมให้ได้ และเวลาฟอร์มแย่ เชื่อเถอะ คนที่ทุกข์ใจที่สุดก็คือบาโลเตลลี่นั่นล่ะ ไม่มีกองหน้าระดับโลกคนไหน อยากฟอร์มหลุดไปนานๆหรอก
9 เพื่อนร่วมทีมทุกคนยังมั่นใจในบาโลเตลลี่
ในเกมกับควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส เราจะสังเกตได้เลยว่า แม้บาโลเตลลี่จะพลาดโอกาสแค่ไหน แต่เพื่อนร่วมทีมยังคงมั่นใจ และเลือกจ่ายบอลให้เขาเสมอ แม้กระทั่งลูกจ่ายสุดท้ายของราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป้าหมายจริงๆก็คือบาโลเตลลี่เนี่ยแหละ ดังนั้นมันจึงน่าคิดนะครับ ว่าขนาดทุกคนในทีมยังเชื่อใจเต็มร้อย แล้วแฟนบอลเองล่ะไม่ควรเชื่อใจบาโลเตลลี่ด้วยหรือ
10 เพราะเราคือลิเวอร์พูล
เพลงประจำสโมสรที่ทุกคนรู้จักกันดี คือ You'll never walk alone แปลเป็นไทยได้ว่า คุณจะไม่ต้องเดินเดียวดาย ในยามที่มีความสุขเราสุขไปด้วยกัน แต่เวลาที่เพื่อนพ้องกำลังเจอปัญหา มันสำคัญนะครับที่จะยืนหยัดอยู่เคียงข้าง และให้กำลังใจฝ่าฟันไปจนตลอดรอดฝั่ง ตอนนี้บาโลเตลลี่กำลังเจอมรสุม และถ้าแฟนบอลไม่ให้กำลังใจเขา แล้วเขาจะไปหวังกำลังใจจากใครได้ ซึ่งตอนนี้ล่ะครับ จะเป็นบทพิสูจน์ที่แท้จริงว่า คำว่า YNWA ที่เราพูดกันเป็นประจำนั้น เราจะสามารถทำแบบนั้นได้จริงหรือไม่
10 เหตุผลที่แฟนหงส์แดง ยังควรเชื่อใจบาโลเตลลี่
ถ้าเทียบกับวันแรกที่เขาย้ายมาร่วมทีม ต้องบอกว่าแรงสนับสนุนจากแฟนบอลถือว่า ลดน้อยลงจากเดิมมาก แต่มันก็เข้าใจได้ เพราะเจ้าตัวยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มที่เคยเป็น เหมือนสมัยอยู่กับเอซี มิลาน หรือกับทีมชาติอิตาลีออกมาได้
6 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก บาโลเตลลี่ยังทำประตูไม่ได้ ทำให้แฟนหงส์แดงเริ่มจะเหนื่อยล้าหัวใจลงไปทุกวัน อย่างไรก็ตามครับ ผมอยากให้ทุกคนมองอีกมุมหนึ่ง ถ้าเราเปิดใจสักนิด เราจะยังเห็นว่ามีเหตุผลหลายข้อที่ควรให้กำลังใจบาโลเตลลี่กันต่อไป
1 บาโลเตลลี่ คือกองหน้าที่ยิงนอกเขตโทษได้สุดยอดมาก
ในฤดูกาลที่แล้วกับเอซี มิลาน บาโลเตลลี่ยิงประตูนอกเขตโทษได้ถึง 6 ลูก มีนักเตะแค่ 3 คนในห้าลีกใหญ่ของยุโรปเท่านั้นที่ยิงนอกเขตโทษได้มากกว่าเขา ซึ่งซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูลขาดอาวุธหนักอย่างการยิงไกลไป และบาโลเตลลี่ สามารถเข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้ได้แน่นอน
2 เขาเพิ่งย้ายมาร่วมทีมได้แค่ 2 เดือน
ลองคิดตามความเป็นจริง นักเตะคนใหม่ กับทีมใหม่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ลองคิดดูขนาดเป็นตัวเราเอง เวลาย้ายที่ทำงานหรือที่เรียน ยังต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับตัว ซึ่งบาโลเตลลี่เองก็เหมือนกัน 2 เดือนถือว่าน้อยมากที่จะเรียนรู้ระบบการเล่น และทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมทีม ขนาดบริษัททั่วไปในประเทศไทย ผ่านโปรเขายังใช้เวลา 4 เดือนเลยนะครับ เพราะฉะนั้น 2 เดือนจะมาตัดสินกันแล้ว มันใจร้ายเกินไปมาก
3 ขอให้เชื่อมือเบรนแด็น ร็อดเจอร์ส
เบรนแด็น ร็อดเจอร์ส คือผู้จัดการทีมที่ชำนาญในการดึงศักยภาพของนักเตะออกมา ในอดีตเขาทำให้หลุยส์ ซัวเรซ จอมเกเร กลายเป็นคนที่มุ่งมั่นเพื่อลิเวอร์พูล หรืออย่างแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่เชลซีมองเป็นแค่อะไหล่สำรอง ร็อดเจอร์สก็ปั้นจนกลายเป็นตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ แล้วทำไมเขาจะทำแบบนั้นกับบาโลเตลลี่ไม่ได้
4 รอสเตอร์ริดจ์รีเทิร์น
เกมแรกสุดที่บาโลเตลลี่ลงสนาม คือเกมพบกับสเปอร์ส และนัดนั้นลิเวอร์พูลชนะ 3-0 ซึ่งเป็นการเอาชนะแบบเอาต์คลาสด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม แต่ทันทีที่แดเนียล สเตอร์ริดจ์ได้รับบาดเจ็บ ฟอร์มของบาโลเตลลี่ก็แกว่งตามไปด้วย ลองคิดดูว่า ถ้าสเตอร์ริดจ์หายกลับมา หน้าที่ของบาโลเตลลี่ ก็จะเป็นกองหน้าตัวจบสกอร์เหมือนเดิม ไม่ต้องวิ่งส่ายไปส่ายมา เหมือนที่เขาเป็นอยู่ขณะนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ฟอร์มการเล่นดีขึ้นกว่านี้
5 ฝีเท้าไม่ใช่เรื่องโกหก
แม้จะหลุดจากทีมชาติไปในตอนนี้ แต่ถ้าย้อนกลับไปไม่นานนัก เขาคือตัวหลักของอิตาลีมาโดยตลอด เรื่องฝีเท้าของบาโลนั้น ไม่ต้องสงสัยกันอีกแล้ว สองประตูที่ยิงเยอรมันในยูโร 2012 รอบรองชนะเลิศยังอยู่ในความทรงจำของทุกคน รวมถึงประตูชัยที่ยิงอังกฤษในฟุตบอลโลก 2014 ก็แสดงให้เห็นว่า เขาเป็นหัวหอกที่ดีโดยพื้นฐาน และมีความครบเครื่องอยู่ในตัว
6 สุดยอดนักเตะออกสตาร์ตช้าก็มีหลายคน
บาโลเตลลี่ ลงเป็นตัวจริงแค่ 5 นัดเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก (สำรองอีก 1) การที่ยังยิงประตูไม่ได้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด ในอดีตเดนนิส เบิร์กแคมป์ สุดยอดตำนานของอาร์เซน่อล ใช้เวลาถึง 7 เกมในการยิงประตูแรกของตัวเองกับทีมปืนใหญ่ (ในฤดูกาล 1995-96) ขณะที่เธียร์รี่ อองรี เจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลของอาร์เซน่อล เป็นตัวจริง 5 เกม และสำรองอีก 2 กว่าจะเบิกสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีกให้กับทีมได้เช่นกัน ดังนั้น บาโลเตลลี่แค่ 6 เกมเท่านั้น ยังไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลใจขนาดนั้น
7 อย่าไปติดภาพหลุยส์ ซัวเรซ
หลายคนยังคงคิดถึงหลุยส์ ซัวเรซอยู่ แต่เราต้องยอมรับได้แล้วว่า ซัวเรซตอนนี้เป็นเพียงความทรงจำเท่านั้น ใช่ เราทุกคนรักเขา แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่จะเอาซัวเรซไปเปรียบเทียบกับบาโลเตลลี่ ตอนนี้บาโลเตลลี่พยายามอย่างเต็มที่ และมันก็ไม่แฟร์ถ้าเราจะหวนไปคิดถึงหลุยส์ ซัวเรซตลอดเวลา เหมือนถ้าคุณมีแฟน แล้วแฟนคุณยังคิดถึงแฟนเก่าทุกครั้งเสมอที่ทะเลาะกัน คุณว่ามันยุติธรรมกับคุณมั้ยล่ะครับ
8 เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายของบาโลเตลลี่แล้ว
ตัวบาโลเตลลี่เอง เคยให้สัมภาษณ์ว่า ลิเวอร์พูลอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาในการลงเล่นกับทีมระดับท็อปของยุโรป ดังนั้นเขารู้ดีอยู่แล้วว่า ต้องทุ่มเทในสนามเต็มที่ เพื่อเก็บผลการแข่งขันทีดีให้กับทีมให้ได้ และเวลาฟอร์มแย่ เชื่อเถอะ คนที่ทุกข์ใจที่สุดก็คือบาโลเตลลี่นั่นล่ะ ไม่มีกองหน้าระดับโลกคนไหน อยากฟอร์มหลุดไปนานๆหรอก
9 เพื่อนร่วมทีมทุกคนยังมั่นใจในบาโลเตลลี่
ในเกมกับควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส เราจะสังเกตได้เลยว่า แม้บาโลเตลลี่จะพลาดโอกาสแค่ไหน แต่เพื่อนร่วมทีมยังคงมั่นใจ และเลือกจ่ายบอลให้เขาเสมอ แม้กระทั่งลูกจ่ายสุดท้ายของราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป้าหมายจริงๆก็คือบาโลเตลลี่เนี่ยแหละ ดังนั้นมันจึงน่าคิดนะครับ ว่าขนาดทุกคนในทีมยังเชื่อใจเต็มร้อย แล้วแฟนบอลเองล่ะไม่ควรเชื่อใจบาโลเตลลี่ด้วยหรือ
10 เพราะเราคือลิเวอร์พูล
เพลงประจำสโมสรที่ทุกคนรู้จักกันดี คือ You'll never walk alone แปลเป็นไทยได้ว่า คุณจะไม่ต้องเดินเดียวดาย ในยามที่มีความสุขเราสุขไปด้วยกัน แต่เวลาที่เพื่อนพ้องกำลังเจอปัญหา มันสำคัญนะครับที่จะยืนหยัดอยู่เคียงข้าง และให้กำลังใจฝ่าฟันไปจนตลอดรอดฝั่ง ตอนนี้บาโลเตลลี่กำลังเจอมรสุม และถ้าแฟนบอลไม่ให้กำลังใจเขา แล้วเขาจะไปหวังกำลังใจจากใครได้ ซึ่งตอนนี้ล่ะครับ จะเป็นบทพิสูจน์ที่แท้จริงว่า คำว่า YNWA ที่เราพูดกันเป็นประจำนั้น เราจะสามารถทำแบบนั้นได้จริงหรือไม่