ก่อนอื่นต้องขอออกตัวเลยนะคะ ว่าอิฉันเพิ่งเคยเขียนกระทู้เป็นครั้งแรก แต่ชอบท่องเที่ยวมานานนนนนนนนนนนนมากแล้ว กว่าจะมีทริปนี้ได้ก็ต้อง ตบตี แย่งชิง เอ้ย ไม่ใช่ ตกลงกะพวกพ้องนานพอสมควร
แล้วสุดท้ายก็มาจบที่ล่องแพเมืองกาญ พอสรุปกันได้ อิฉันก็จัดการหาข้อมูลทันที โดยส่วนตัวอิฉันชอบทัศนียภาพของทองผาภูมิ และก็เคยนั่งเรือไปทำกิจกรรมที่บ้านปิล๊อกคี่ ซึ่งตั้งอยู่กลางเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือ เขื่อนเขาแหลม อ.ทองผาภูมิ ทัศนียภาพระหว่างทางนั้น สวยงาม น่าจดจำมาก (วันหลังจะมารีวิวปิล๊อกคี่ ให้อ่านกัน) สุดท้ายก็ไปเจอ “แพบุญเติน” ดูจากภาพแล้วน่าไปมาก ตกแต่งสวยงามไม่เหมือนแพที่เคยๆ ไปมาเลย ทุกคนสรุปตรงตรงกันว่าเป็นที่นี่ อิฉันจะดำเนินการต่อทันที โทรจอง พร้อมโอนเงินเลยจ้า ไป 9 คน ราคาค่าบริการ 6 คนแรก 9000 คนต่อไปคนละ 800 บาท 2 วัน 1 คืน พร้อมอาหาร 2 มื้อ (เย็น-เช้า) 1 สัปดาห์ก่อนไป อิฉันก็จัดทำกำหนดการ พร้อม ActionPlan แบ่งหน้าที่ของทุกคนเรียบร้อย
ถึงวันเดินทางซะที ตื่นเต้นๆ
กว่าจะรวมตัวกัน ณ ที่นัดหมายได้ ก็ late จากกำหนดการประมาณ 1 ชม.
เนื่องจาก กทม.-ทองผาภูมิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง จึงต้องออกกันเช้าหน่อย
บึ้นๆๆๆๆ let ‘s go กันเลยจ้า พวกเราเลือกใช้เส้น บางบัวทอง-พนมทวน เพราะเส้นนครปฐม ทำทาง รถติด เสียเวลา และตรงยาวเลี่ยงเมืองกาญ ไปแวะอีกทีก็ บ้านกาแฟ อยู่ตรงเส้นเมืองกาญ-ไทรน้อย เป็นร้านประทับของอิฉันเอง ต้องแวะทุกครั้งที่ไปทองผาภูมิ เพื่อนๆ ก็ประทับใจกับร้านนี้ไปตามๆ กัน
กาแฟเครื่องดื่มรสชาดดี เบเกอรี่ถูกใจ และก็มี wifi ฟรีด้วยจ้า
อยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ออกเดินทางต่อแวะซื้อเสบียงที่แถว ไทรโยคน้อยอีกนิดนึง ใครทราบว่าบ้างน๊า ว่าไส้อั่วเมืองกาญเค้าก็มีชื่อเสียง
จากนั้นก็ตรงยาวเลยจ้า ประมาณ 14.00 น. เข้าทองผาภูมิ แวะซื้อเสบียง (อีกแล้ว) ณ ตลาดทองผาภูมิ
จากนี้อีกไม่เกิน 10 ก.ม. ก็จะถึงที่หมายกันแล้ว
แพบุญเตินต้องสังเกตทางเข้าดี ๆ นะ มีป้ายบอกแต่ก็ไม่เด่นชัด” ถึงแล้ว ๆ ขนของ ๆ
ว้าวๆๆๆๆ ไฮโซ แพสวยมากค่ะ หลังจากที่ขนย้ายถ่ายของขึ้นแพเรียบร้อยแล้วก็มาลากพวกเราไปเลยจ้า (แพถูกลากด้วยเรือลำน้อย)

บนแพมี 3ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และพื้นที่เอนกประสงค์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังจ้า
ขาไปไม่มีใครสนใจวิวระหว่างทางเลยค่ะ มัวแต่ตื่นเต้นกะแพกันอยู่ ใช้เวลาลากประมาณครึ่งชั่วโมง
ก็ถึงจุดผูกประจำของแพนี้ พี่ทีมงานของแพจะปล่อยเราไว้ตามลำพัง
ทิวทัศน์โดยรอบก็...อืม!! หลับตาและนึกภาพตามนะคะ ธรรมชาติกำลังโอบกอดเราไว้
โดยด้านหน้าเป็นภูเขา กับสายน้ำ ฟ้าใสๆ หลังฝนตก ด้านหลังเป็นภูเขาหินที่ปกคลุมไปด้วยแมกไม้ต่างๆ นาๆ

คือเลิศมากอะคะ สำหรัทริป 2 วัน 1 คืน จะไม่มีทีมงานนอนค้างด้วย ก่อนไปเค้ากลับจะให้เชคว่าต้องการเครื่องดื่มอะไรเพิ่มรึเปล่า
จะได้ซื้อและเข้ามาส่งพร้อมกับข้าวเย็นทีเดียว พวกเราก็สั่งเพิ่มไปนิดหน่อย ทีนี้พอเหลือแต่พวกเรากิจกรรมต่าง ๆ บนแพก็เริ่มขึ้น
บนแพจะมีเรือคายัคให้ 2 ลำ ห่วงยางใหญ่ๆ 2 ห่วง และชูชีพที่เพียงพอสำหรับทุกคน
เรารักความเป็นไทยกัน 55
บ้างก็เล่นน้ำ บ้างก็พายเรือ บ้างก็ถ่ายรูปกันไป
สักห้าโมงเย็นอาหารก็มาส่ง สำหรับใครที่ซื้อของสดมาทำเพิ่ม ก็สบายมาก เพราะบนแพมีห้องครัว พร้อมเครื่องปรุง
และของใช้ หม้อ ไห จาน ชาม เตาปิ้งก็มีพร้อม ที่ต้องเตรียมมาคือ น้ำมัน และ ถ่าน (ถ้ามีปิ้ง ย่าง)
อ้อๆๆ เริ่มบอกไปบนแพมีไฟฟ้าให้ใช้นะจ๊ะ ชาร์จโทรศัพท์ของทุกคนได้ตลอดทั้งคืน มีพัดลมเพดานในห้องนอน
มีลำโพงให้ (สำหรับฟังเพลงจากโน๊ตบุ๊กหรือมือถือ) แต่ที่ไม่ให้คือ ผ้า เช็ด ตัว อันนี้ต้องเตรียมมากันด้วย
แต่พี่เค้าบอกว่าห้ามใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทกินไฟมาก เช่น ไดร์เป่าผม ที่หนีบผม กะทะไฟฟ้า เป็นต้น
>>เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดินก็ทยอยกันไปอาบน้ำ ห้องน้ำมีทั้งแบบ in door ,out door นะจ๊ะ
บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกดินก็ตามภาพเลยจ้า
หลังจากกินข้าวเย็นกินเสร็จ กิจกรรมยามค่ำคืนก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ คือจะเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า
เพราะละแวกนั้นมีแต่เราและเรา ทริปนี้เป็นทริปแรกที่เราไม่เล่นคิดเลขกัน เกมเศรษฐีกำลังฮิตเราก็เลยมาเล่นเกมเศรษฐีกัน
ช่วงนั้นหมีกับวอดก้ากำลังเช่นกันเลยจับมันมาไว้ในเกมส์เศรษฐีด้วย อร่อยใช้ได้เลย หึหึหึ
อีตรงหมีอ่ะโอเค แต่ไอ้วุ้นที่เกิดจากหมีละลายผสมกะวอดก้าเย็นๆ นี่ดิ โคตรแรงเลย
ตกดึกก็เลยต้องไปนั่งให้อาหารปลา 555
ที่นี่เสียอย่างเดียว แมลงโหดฉิบ มันเป็นมดมีปีกอ่ะ กัดเจ็บมาก เลยต้องย้ายเข้าไปเล่นเกมส์เศรษฐีกันในห้องนอน
ประมาณเที่ยงคืนทุกคนก็หลับแล้ว
เช้าแล้วๆๆๆ>>>>ตื่นมาภาพแรกที่เห็นก็แบบนี้
สักเจ็ดแปดโมงเช้า พีเค้าก็แล่นเรือเอาอาหารเช้ามาส่ง เป็นข้าวต้มปลาเขื่อน อร่อยดี
เพื่อนบ้างคนก็ลงพายเรือเล่นน้ำกันอีกรอบ
สักสิบโมงครึ่งพี่เค้าก็มาลากกลับฝั่ง
ระหว่างนั้นก็เก็บของกันไป
ขากลับก็ตื่นตา ตื่นใจกับทิวทัศน์ระหว่างทาง เพราะขาไปมัวแต่ตื่นเต้นกับแพ 555
จบกิจกรรมล่องแพ
ถึงฝั่งและ ป่ะๆๆๆ สะพานไม้แห่งศรัทธา หรือ สะพานมอญ แห่งสังขละบุรี
[CR] ทริปล่องแพ แลเขื่อน ณ แพบุญเติน ทองผาภูมิ / เยือนถิ่นสะพานไม้แห่งศรัทธา สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี by YaiiFai
แล้วสุดท้ายก็มาจบที่ล่องแพเมืองกาญ พอสรุปกันได้ อิฉันก็จัดการหาข้อมูลทันที โดยส่วนตัวอิฉันชอบทัศนียภาพของทองผาภูมิ และก็เคยนั่งเรือไปทำกิจกรรมที่บ้านปิล๊อกคี่ ซึ่งตั้งอยู่กลางเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือ เขื่อนเขาแหลม อ.ทองผาภูมิ ทัศนียภาพระหว่างทางนั้น สวยงาม น่าจดจำมาก (วันหลังจะมารีวิวปิล๊อกคี่ ให้อ่านกัน) สุดท้ายก็ไปเจอ “แพบุญเติน” ดูจากภาพแล้วน่าไปมาก ตกแต่งสวยงามไม่เหมือนแพที่เคยๆ ไปมาเลย ทุกคนสรุปตรงตรงกันว่าเป็นที่นี่ อิฉันจะดำเนินการต่อทันที โทรจอง พร้อมโอนเงินเลยจ้า ไป 9 คน ราคาค่าบริการ 6 คนแรก 9000 คนต่อไปคนละ 800 บาท 2 วัน 1 คืน พร้อมอาหาร 2 มื้อ (เย็น-เช้า) 1 สัปดาห์ก่อนไป อิฉันก็จัดทำกำหนดการ พร้อม ActionPlan แบ่งหน้าที่ของทุกคนเรียบร้อย
ถึงวันเดินทางซะที ตื่นเต้นๆ
กว่าจะรวมตัวกัน ณ ที่นัดหมายได้ ก็ late จากกำหนดการประมาณ 1 ชม.
เนื่องจาก กทม.-ทองผาภูมิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง จึงต้องออกกันเช้าหน่อย
บึ้นๆๆๆๆ let ‘s go กันเลยจ้า พวกเราเลือกใช้เส้น บางบัวทอง-พนมทวน เพราะเส้นนครปฐม ทำทาง รถติด เสียเวลา และตรงยาวเลี่ยงเมืองกาญ ไปแวะอีกทีก็ บ้านกาแฟ อยู่ตรงเส้นเมืองกาญ-ไทรน้อย เป็นร้านประทับของอิฉันเอง ต้องแวะทุกครั้งที่ไปทองผาภูมิ เพื่อนๆ ก็ประทับใจกับร้านนี้ไปตามๆ กัน
กาแฟเครื่องดื่มรสชาดดี เบเกอรี่ถูกใจ และก็มี wifi ฟรีด้วยจ้า
อยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ออกเดินทางต่อแวะซื้อเสบียงที่แถว ไทรโยคน้อยอีกนิดนึง ใครทราบว่าบ้างน๊า ว่าไส้อั่วเมืองกาญเค้าก็มีชื่อเสียง
จากนั้นก็ตรงยาวเลยจ้า ประมาณ 14.00 น. เข้าทองผาภูมิ แวะซื้อเสบียง (อีกแล้ว) ณ ตลาดทองผาภูมิ
จากนี้อีกไม่เกิน 10 ก.ม. ก็จะถึงที่หมายกันแล้ว
แพบุญเตินต้องสังเกตทางเข้าดี ๆ นะ มีป้ายบอกแต่ก็ไม่เด่นชัด” ถึงแล้ว ๆ ขนของ ๆ
ว้าวๆๆๆๆ ไฮโซ แพสวยมากค่ะ หลังจากที่ขนย้ายถ่ายของขึ้นแพเรียบร้อยแล้วก็มาลากพวกเราไปเลยจ้า (แพถูกลากด้วยเรือลำน้อย)
บนแพมี 3ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และพื้นที่เอนกประสงค์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังจ้า
ขาไปไม่มีใครสนใจวิวระหว่างทางเลยค่ะ มัวแต่ตื่นเต้นกะแพกันอยู่ ใช้เวลาลากประมาณครึ่งชั่วโมง
ก็ถึงจุดผูกประจำของแพนี้ พี่ทีมงานของแพจะปล่อยเราไว้ตามลำพัง
ทิวทัศน์โดยรอบก็...อืม!! หลับตาและนึกภาพตามนะคะ ธรรมชาติกำลังโอบกอดเราไว้
โดยด้านหน้าเป็นภูเขา กับสายน้ำ ฟ้าใสๆ หลังฝนตก ด้านหลังเป็นภูเขาหินที่ปกคลุมไปด้วยแมกไม้ต่างๆ นาๆ
คือเลิศมากอะคะ สำหรัทริป 2 วัน 1 คืน จะไม่มีทีมงานนอนค้างด้วย ก่อนไปเค้ากลับจะให้เชคว่าต้องการเครื่องดื่มอะไรเพิ่มรึเปล่า
จะได้ซื้อและเข้ามาส่งพร้อมกับข้าวเย็นทีเดียว พวกเราก็สั่งเพิ่มไปนิดหน่อย ทีนี้พอเหลือแต่พวกเรากิจกรรมต่าง ๆ บนแพก็เริ่มขึ้น
บนแพจะมีเรือคายัคให้ 2 ลำ ห่วงยางใหญ่ๆ 2 ห่วง และชูชีพที่เพียงพอสำหรับทุกคน
เรารักความเป็นไทยกัน 55
บ้างก็เล่นน้ำ บ้างก็พายเรือ บ้างก็ถ่ายรูปกันไป
สักห้าโมงเย็นอาหารก็มาส่ง สำหรับใครที่ซื้อของสดมาทำเพิ่ม ก็สบายมาก เพราะบนแพมีห้องครัว พร้อมเครื่องปรุง
และของใช้ หม้อ ไห จาน ชาม เตาปิ้งก็มีพร้อม ที่ต้องเตรียมมาคือ น้ำมัน และ ถ่าน (ถ้ามีปิ้ง ย่าง)
อ้อๆๆ เริ่มบอกไปบนแพมีไฟฟ้าให้ใช้นะจ๊ะ ชาร์จโทรศัพท์ของทุกคนได้ตลอดทั้งคืน มีพัดลมเพดานในห้องนอน
มีลำโพงให้ (สำหรับฟังเพลงจากโน๊ตบุ๊กหรือมือถือ) แต่ที่ไม่ให้คือ ผ้า เช็ด ตัว อันนี้ต้องเตรียมมากันด้วย
แต่พี่เค้าบอกว่าห้ามใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทกินไฟมาก เช่น ไดร์เป่าผม ที่หนีบผม กะทะไฟฟ้า เป็นต้น
>>เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดินก็ทยอยกันไปอาบน้ำ ห้องน้ำมีทั้งแบบ in door ,out door นะจ๊ะ
บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกดินก็ตามภาพเลยจ้า
หลังจากกินข้าวเย็นกินเสร็จ กิจกรรมยามค่ำคืนก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ คือจะเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า
เพราะละแวกนั้นมีแต่เราและเรา ทริปนี้เป็นทริปแรกที่เราไม่เล่นคิดเลขกัน เกมเศรษฐีกำลังฮิตเราก็เลยมาเล่นเกมเศรษฐีกัน
ช่วงนั้นหมีกับวอดก้ากำลังเช่นกันเลยจับมันมาไว้ในเกมส์เศรษฐีด้วย อร่อยใช้ได้เลย หึหึหึ
อีตรงหมีอ่ะโอเค แต่ไอ้วุ้นที่เกิดจากหมีละลายผสมกะวอดก้าเย็นๆ นี่ดิ โคตรแรงเลย
ตกดึกก็เลยต้องไปนั่งให้อาหารปลา 555
ที่นี่เสียอย่างเดียว แมลงโหดฉิบ มันเป็นมดมีปีกอ่ะ กัดเจ็บมาก เลยต้องย้ายเข้าไปเล่นเกมส์เศรษฐีกันในห้องนอน
ประมาณเที่ยงคืนทุกคนก็หลับแล้ว
เช้าแล้วๆๆๆ>>>>ตื่นมาภาพแรกที่เห็นก็แบบนี้
สักเจ็ดแปดโมงเช้า พีเค้าก็แล่นเรือเอาอาหารเช้ามาส่ง เป็นข้าวต้มปลาเขื่อน อร่อยดี
เพื่อนบ้างคนก็ลงพายเรือเล่นน้ำกันอีกรอบ
สักสิบโมงครึ่งพี่เค้าก็มาลากกลับฝั่ง
ระหว่างนั้นก็เก็บของกันไป
ขากลับก็ตื่นตา ตื่นใจกับทิวทัศน์ระหว่างทาง เพราะขาไปมัวแต่ตื่นเต้นกับแพ 555
จบกิจกรรมล่องแพ
ถึงฝั่งและ ป่ะๆๆๆ สะพานไม้แห่งศรัทธา หรือ สะพานมอญ แห่งสังขละบุรี