การไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเรามีธรรมะ จะทำให้ใจเราสงบมากขึ้น เพราะไม่กลัดกลุ้มและมัวกังวลอยู่กับการอยากให้คนอื่นรู้ความดีของเรา เราเองก็หม่นหมองไปเพราะกิเลสด้วย
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
๑๐. อนุรุทธสูตร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
(ข้อ ๑๒๐...)
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมะนี้เป็นของบุคคลผู้ที่มีความปรารถนาน้อย มิใช่ของบุคคลผู้มีความปรารถนามาก ๑
ธรรมะนี้เป็นของบุคคลผู้สันโดษ มิใช่ของบุคคลผู้ไม่สันโดษ (พอเพียง) ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้สงัด มิใช่ของบุคคลผู้ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้ปรารภความเพียร มิใช่ของบุคคลผู้เกียจคร้าน ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้มีสติตั้งมั่น มิใช่ของผู้มีสติหลงลืม ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้มีจิตตั้งมั่น มิใช่ของบุคคลผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้มีปัญญา มิใช่ของบุคคลผู้มีปัญญาทราม ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า ผู้ยินดีในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า มิใช่ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า ผู้ยินดีในธรรมที่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า ๑ ฯ
.....
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อที่เรากล่าวว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมนี้ของบุคคลผู้มีความปรารถนาน้อย ไม่ใช่ธรรมะของผู้ที่มีความปรารถนามาก เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้มีความปรารถนาน้อยย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เรามีความปรารถนาน้อย
เป็นผู้สันโดษย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราเป็นผู้สันโดษ
เป็นผู้สงัดย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราเป็นผู้สงัด
เป็นผู้ปรารภความเพียรย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราปรารภความเพียร
เป็นผู้มีสติตั้งมั่นย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เรามีสติตั้งมั่น
เป็นผู้มีจิตมั่นคงย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราเป็นผู้มีจิตที่มั่นคง
เป็นผู้มีปัญญาย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เรามีปัญญา
เป็นผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้าย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราเป็นผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า (ตัณหา มานะ และทิฎฐ เป็นธรรมที่เป็นเหตุให้ชักช้า ติดค้าง ,หยุดอยู่)
*******************************
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
๑๐. อนุรุทธสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=4717&Z=4876&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=120
ไม่ปรารถนาให้ผู้อื่นรู้ว่าตนเองมีธรรมะ เป็นธรรมะข้อหนึ่ง
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
๑๐. อนุรุทธสูตร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
(ข้อ ๑๒๐...)
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมะนี้เป็นของบุคคลผู้ที่มีความปรารถนาน้อย มิใช่ของบุคคลผู้มีความปรารถนามาก ๑
ธรรมะนี้เป็นของบุคคลผู้สันโดษ มิใช่ของบุคคลผู้ไม่สันโดษ (พอเพียง) ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้สงัด มิใช่ของบุคคลผู้ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้ปรารภความเพียร มิใช่ของบุคคลผู้เกียจคร้าน ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้มีสติตั้งมั่น มิใช่ของผู้มีสติหลงลืม ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้มีจิตตั้งมั่น มิใช่ของบุคคลผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้มีปัญญา มิใช่ของบุคคลผู้มีปัญญาทราม ๑
ธรรมะนี้ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า ผู้ยินดีในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า มิใช่ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า ผู้ยินดีในธรรมที่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า ๑ ฯ
.....
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อที่เรากล่าวว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมนี้ของบุคคลผู้มีความปรารถนาน้อย ไม่ใช่ธรรมะของผู้ที่มีความปรารถนามาก เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้มีความปรารถนาน้อยย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เรามีความปรารถนาน้อย
เป็นผู้สันโดษย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราเป็นผู้สันโดษ
เป็นผู้สงัดย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราเป็นผู้สงัด
เป็นผู้ปรารภความเพียรย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราปรารภความเพียร
เป็นผู้มีสติตั้งมั่นย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เรามีสติตั้งมั่น
เป็นผู้มีจิตมั่นคงย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราเป็นผู้มีจิตที่มั่นคง
เป็นผู้มีปัญญาย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เรามีปัญญา
เป็นผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้าย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอคนอื่น ๆ จงรู้จักเราว่า เราเป็นผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า (ตัณหา มานะ และทิฎฐ เป็นธรรมที่เป็นเหตุให้ชักช้า ติดค้าง ,หยุดอยู่)
*******************************
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
๑๐. อนุรุทธสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=4717&Z=4876&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=120